bloggang.com mainmenu search



ชื่อซีรีย์ (ญี่ปุ่น) : ぼくの妹 Boku no Imoto / My younger Sister
กำกับโดย : Kaneko Fuminori, Kiyohiro Makoto, Kato Arata
จำนวนตอน : 11 ประเภท : Family
ผลิตโดย : Takahashi Masanao ปี : 2009
Written By : Ikehata Shunsaku
ออกอากาศ : 19 เม.ย. 2009 - 28 มิ.ย. 2009
ออกอากาศช่อง TBS ทุกวันเสาร์ เวลา 21:00 น

Boku no Imoto หรือ My younger sister เป็นซีรีย์อีกเรื่องหนึ่งที่เลือกดูโดยไม่เคยอ่านรีวิวที่ไหนมาก่อน อ่านเรื่องย่อไม่กี่บรรทัดก็ถูกจัดเข้าคิวเป็นอันดับต้นๆ เพราะแนวครอบครัวหรือสายสัมพันธ์พี่น้อง..เป็นแนวชื่นชอบพิเศษ แม้เรตติ้งจะต่ำเตี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 ก็มิทำให้หวั่นไหว

โอดางิริ โจ กับ นางาซาว่า มาซามิ มาเจอกันทั้งทีในบทบาท
อิงามิ อาคิระ และ อิงามิ เซยะ พี่ชาย-น้องสาว ที่มีอายุห่างกันถึง 8 ปี

แค่การวางตัวนักแสดงก็เรียกร้องความสนใจได้ชะงัดนัก หากว่ากันตามจริง โจไม่ได้ดูแก่กว่าอาซามิถึงเพียงนั้น แม้อายุจริงจะห่างกันตั้ง 10 ปีก็เถอะ เกี่ยวเรื่องใบหน้านี้ มาซามิหน้าแก่ หรือ โจหน้าอ่อน คงต้องปรึกษาหาความกันเอง

แปลกใจนิดหน่อย ไม่ว่าอ่านจากไหนในอินเทอร์เน็ต คนน้องจะชื่อ อิงามิ ซัทสึกิ แต่ที่ดูมาทั้งเรื่องได้ยินเต็มหูนี่นาว่าชื่อ เซยะ ภาษาอังกฤษก็สะกดด้วย S-A-Y-A / Saya ดังนั้น ครั้งนี้ไม่เชื่อ Blikt.net แต่ขอเชื่อหูตัวเองและเรียกแทนตัวสาวผู้น้องด้วยชื่อเซยะก็แล้วกันนะคะ

เรื่องย่อ - ที่ไม่ย่อ

เพราะแม่ตายหลังจากให้กำเนิดเซยะ และพ่อก็จากโลกนี้ไปอีกคนหลังจากเซยะอายุได้เพียง 4 ขวบ สองพี่น้องอยู่กันตามลำพังในบ้านภายใต้การดูแลของญาติใกล้เคียง

เมื่อเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจน ยามเด็กอาคิระกับเซยะพากันเดินตระเวนไปตามหมู่บ้านและรับอาสาเก็บลูกพลับเป็นการแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างหรือสิ่งของอื่นที่เจ้าของบ้านมอบให้เป็นการตอบแทน



อาคิระ พี่ชาย 12 ขวบ กลัวความสูง แต่เซยะน้องสาว 4 ขวบ กลับตรงกันข้าม เธอทำหน้าที่ป่ายปีนไปยังปลายยอดของต้นสูงเพื่อเก็บลูกพลับ ขณะที่พี่ชายได้แต่ยืนคอยอยู่เบื้องล่างและแหงนหน้าขึ้นมอง เงินเก็บเล็กผสมน้อยจากน้ำพักน้ำแรงปีนป่ายของเด็กหญิงได้กลายเป็นตำราเรียนของพี่ชาย

เซยะ ลูกพลับ และตำราเรียน กลายเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของอาคิระเสมอมา ด้วยรู้สึกเสมอว่าเขาติดหนี้น้องสาวและไม่ได้ชดใช้ให้เธอเท่าที่ควร

อาคิระเป็นคนสมองดี เรียนเก่ง จึงสอบชิงทุนเข้าเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของโตเกียวได้ และมีผลการเรียนอยู่ในระดับ Top Class ตลอดเจ็ดปีที่ผ่าน

แต่เจ็ดปีนั้นเป็นปีที่เซยะถูกแยกจากพี่ชาย และอาศัยอยู่กับญาติที่บ้านเกิด



เด็กหญิงเซยะ ไม่มีทั้งพ่อและแม่ มีพี่ชายก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน และยังต้องอาศัยอยู่กับญาติใจร้าย "ความเหงา" หยั่งรากลึกกัดกินใจ และบ่มเพราะเซยะให้เติบโตและกลายเป็นคนที่อาจเรียกได้ว่า "เด็กมีปัญหา"

เซยะไม่เหมือนพี่ชาย เธอเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง แต่ความกล้าแกร่งในการใช้ชีวิตนั้นมีไม่น้อย ตัดสินใจออกจากโรงเรียนทั้งที่ยังไม่จบมัธยม หนีออกจากบ้าน และเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียว

โตเกียวมีความหมายต่อเซยะ ก็เพราะมีพี่ชาย

อาคิระ คือครอบครัวที่เซยะโหยหาความอบอุ่น ถึงจะไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างอยู่และมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่โตเกียวก็คือความใกล้ที่ไปมาหาสู่ไม่ลำบาก



พี่ชายเป็นนายแพทย์ มีฝีมือผ่าตัดอยู่ในระดับเทพ เป็นหมอดีที่ผู้ป่วยรัก และเป็นคนดีสุดโปรดของประธานผู้บริหารโรงพยาบาลและลูกสาวของท่านประธานฯ อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนท์ดี มีรถดีๆ ขับ เป็นชีวิตที่ดูแล้วแสนจะลงตัว แต่ก็ไม่ เพราะยังขาดอะไรบางอย่าง

ส่วนน้องสาวผู้ไร้การศึกษา หางานทำไปเรื่อย งานอะไรที่จ่ายเงินดีสำหรับคนความรู้ต่ำและคนทั่วไปไม่ค่อยทำ เซยะลงมือทำ แต่ไม่เคยเป็นหลักแหล่ง เพราะเธอมองหาเงินและเงินอยู่เสมอ

อะไรบางอย่างที่ขาดหายไปของอาคิระ คงจะเป็นความสุขของเซยะนั่นเอง เขาไม่สามารถมีความสุขได้ ถ้าไม่อาจวางใจว่าเซยะอยู่ดีมีความสุข

"น้องสาวผมหายไปอีกแล้ว"

เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอหายไป รับรองได้ เธอไม่หายไปกับเรื่องดีๆ แน่

อาคิระถูกเจ้าของอพาร์ตเมนท์ตามตัว เมื่อเซยะไม่จ่ายค่าเช่าหลายเดือนและยังทำตัวหายเข้ากลีบเมฆ อาคิระในฐานะผู้ให้การรับรองน้องสาวเข้าทำงานตามที่ต่างๆ มักถูกนายจ้างของเธอตำหนิ เมื่อเธอทิ้งงานแล้วหายหน้าไป


และเมื่อน้องสาวหาย พี่ชายก็ต้องตามหาตัวให้ควั่ก

ชีวิตของอาคิระ ถูกรบกวนด้วยเรื่องของเซยะอยู่ตลอด เพราะความรู้สึกที่ว่า เขามีวันนี้ได้เพราะน้องสาว ทำให้ไม่อาจนิ่งดูดายและมีชีวิตสุขสงบอยู่เพียงลำพัง ไม่รู้เมื่อไหร่เซยะจะมีชีวิตเป็นหลักแหล่งที่มั่นคงให้หายเป็นห่วง และเลิกสร้างความหนักใจมาให้ แต่ที่รู้แน่อย่างหนึ่ง

"เมื่อเธอหายไป ผมจะหาเธอพบเสมอ"

เซยะ อาจเรียนไม่เก่ง ไม่จบกระทั่งมัธยมปลาย แต่เธอเจนจัดในการเอาตัวรอดและกร้านต่อการชีวิต หาเงินตัวเป็นเกลียวและมีเงินเก็บมากกว่าพี่ชายซะอีก คงจะดีถ้าเธอเติบโตมาในครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าเหมือนคนทั่วไป แต่เมื่อไม่ใช่ ... หัวใจของเซยะจึงต้องการสิ่งเติมเต็ม ความฝันที่จะเก็บเงินให้ได้ 100 ล้านเยน และซื้อบ้านดีๆ สักหลังอยู่ในโตเกียว แต่งงานมีครอบครัวและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นสิ่งสะท้อนความโหยหาในส่วนลึกของจิตใจได้เป็นอย่างดี นั่นคือความฝันที่เด็กขี้เหงาวาดหวังถึงความสุข และเพราะหวังจึงมักหลงเข้าไปในวิถีทางที่ทำให้อาคิระเป็นห่วงกังวลและไม่อาจทนปล่อยให้เป็นเรื่องของเซยะเพียงคนเดียวได้



สำหรับอาคิระแล้ว น้องสาวของเขาเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้แต่ความฝันของเธอก็เปลี่ยนแปลงเสมอเมื่อพบผู้ชายคนใหม่ คนที่เธอมองหาความรักและหวังไขว่คว้ามาร่วมสร้างครอบครัวในฝัน ความดึงดันของเซยะ ทำให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนที่ไม่ควรข้องเกี่ยว ในอดีตคบหาผ่านมา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายห่วยแตก เป็นธรรมดาของคนเหงาที่ต้องการความรัก ใครผ่านเข้ามาให้รักและมีทีท่ารักตอบก็พร้อมบุกน้ำลุยไฟไม่หวั่น

แต่กับผู้ชายที่แต่งงานมีลูกแล้ว มันเกินกว่าที่อาคิระจะรับได้
ทั้งยังเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับหญิงผู้ตาย ซึ่งเป็นกับดักของปัญหานำพาสองพี่น้องไปสู่ความขัดแย้ง
พัวพันไปถึงผู้ชายถังแตกหนี้ท่วมหัว ที่มาของความไม่เข้าใจ และทำให้พี่น้องต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน

แต่ในความขัดแย้งมีความกลมเกลียว
ในความเหินห่างมีความผูกพันแน่นเหนียวเกินกว่าที่ใครอื่นจะมาเข้าใจได้

อาคิระ เป็นทั้งพ่อและพี่ชาย และสิ่งเดียวในชีวิตที่เขาห่วงกังวลก็คือเซยะ
เขาหวังอยากให้เธอมีชีวิตที่เป็นสุข

เซยะ ก็ไม่น้อยหน้า เป็นทั้งน้องสาว และพยายามเป็นทั้งแม่ให้กับพี่ชาย ไม่ว่าอะไรที่จะมาสร้างปัญหา มาทำให้ชีวิตหน้าที่การงานของอาคิระมัวหมอง เธอจะโดดเข้าไปกางปีกปกป้องแบบไม่ห่วงผลกระทบต่อตัวเองสักนิด เป็นน้องสาวที่กล้าฉกเงินสามแสนเยนไปจากมือพี่ชายที่ไล่ตะครุบเอาคืนเหมือนแมววิ่งไล่จับหนู และเป็นน้องสาวคนเดียวกันที่หอบเงินสามล้านเยนมาให้แค่เพียงพี่ชายเอ่ยปาก

เซยะเว้นระยะตัวเองไว้ห่างจากพี่ชาย เข้ามาโตเกียวเธอก็ไม่ได้คิดมาเกาะติดหรือขออาศัยอยู่ด้วยเหมือนเป็นน้องแหง่ แต่ดิ้นรนที่จะมีชีวิตในหนทางของตัวเอง



"ฉันรู้มาตลอดตั้งแต่ตอนเรายังเด็กว่าความฝันของพี่คือการเป็นหมอเหมือนพ่อ
และฉันจะต้องช่วยพี่เป็นหมอให้ได้ แต่จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่า ความฝันจริงๆ ของฉันคืออะไร"

เพราะพี่ชายจะต้องเป็นหมอ เซยะจึงต้องทนอยู่กับญาติด้วยความอดทน

ดังนั้น .. ไม่ใช่แค่เรื่องลูกพลับหรอกที่ติดอยู่ในใจของอาคิระ แต่เป็นทั้งหมดของความรักความเป็นห่วงที่น้องสาวมีให้ โดยที่ตัวเขาเองไม่อาจช่วยเยียวยาความเหงาที่กัดกินลึกอยู่ในจิตใจของเธอได้เลย

"ในสถานการณ์แบบนี้ ผมไม่เคยไล่คว้าเธอไว้ได้
เธอจะนำหน้าผมไปเสมอ แล้วก็หายไปจากสายตา"

อาคิระทำได้เต็มที่คือการเป็นผู้ไล่ตาม เพราะเขาไม่เคยไล่ทัน

ไม่เคยประสบความสำเร็จในการชักจูงหรือโน้มน้าวเซยะให้หยุดดึงดันในสิ่งที่เธอคิดและต้องการจะทำ แต่เขาก็มีหน้าที่ต้องตาม ไม่ว่าเธอจะอยู่ไหน ทำอะไร หรือสร้างปัญหามากน้อยแค่ไหน .. อาคิระจะติดตามไปเฝ้ามองดูทุกข์สุขในชีวิตของเธอ เมื่อเธอหันกลับมาเพื่อมองหาที่พักพิง เขาจะอยู่ตรงนั้น ถ้าชีวิตของเธอต้องประสบกับปัญา และไม่ว่าจะยินยอมรับความช่วยเหลือหรือไม่ เขาจะยื่นมือเข้าไป...หากจำเป็น

ตราบใดที่เซยะยังไม่พบความสุขที่แสวงหา อาคิระก็ไม่อาจปลดวางหน้าที่นี้ลงได้



ได้โปรดเถอะเซยะ เธอไม่มีอะไรอย่างอื่นทำหรือไง
เธอบอกพี่ว่าเธอจะเก็บเงินและสร้างบ้านในโตเกียว
เธอจะเก็บเงินให้ได้ร้อยล้านเยนไม่ใช่หรือ
พี่รู้ ว่าเธอทำได้ นั่นน่ะ นั่นเป็นสไตล์ของเธอมากกว่า
ถ้าเธอไม่ว่าอะไร พี่จะสร้างคลีนิคหน้าบ้านของเธอ คลีนิคเล็กๆ
แบบนั้นเราก็จะเจอกันได้ตลอดเวลา นั่นน่าสนุกออกนะ เธอไม่คิดว่างั้นเหรอ
ถ้าเป็นแบบนั้นน่ะ อนาคตของเธอจะสดใสกว่า ไม่ใช่หรือไง



วิวที่นี่ทำให้พี่คิดถึงบ้านเกิดเรา
ขากลับเราแวะที่นั่นกันเถอะ
ไม่เหรอ ทำไมล่ะ

ฉันไม่มีความทรงจำดีๆ จากที่นั่น
ตอนฉันยังเด็ก พี่เอาแต่เรียนอยู่ตลอด
และในที่สุดพี่ก็ไปโตเกียว
ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสมอและเบื่อหน่ายจริงๆ
ที่ฉันไม่สามารถออกจากที่นั่นได้เร็วพอ

เธอมีความสุขขึ้นบ้างไหมที่ตอนนี้เธอไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
เธอคิดจริงๆ หรือว่าคุกิสมารถทำให้เธอมีความสุขได้
เธอคิดจริงๆ หรือว่าคุกิจะรักเธอ



ผมมันยอดแย่จริงๆ กับการโน้มน้าวเธอ
ผมไม่เคยทำได้สำเร็จ
เธอฝันหวานมากเกี่ยวกับอนาคตเมื่อได้พบเจอกับผู้ชายสักคน
เธอทิ้งผมไว้ข้างหลังแบบนี้เสมอ
เหมือนกันตอนที่เธอเป็นเด็ก
เธอมักหายไปจากสายตาผม
ให้ผมต้องคอยตามหาเธอจนทั่วบ้าน

แต่ ... ผมจะหาเธอพบเสมอ
เธอไม่เคยหายไปจริงๆ
ผมรู้ เธอจะกลับมาหาผม
เธอจะกลับมา
ผมอยากเชื่อแบบนั้น



เลิกยุ่งกับชีวิตของฉัน
เลิกทำลายความสุขของฉันซะที
ฉันจบแล้ว ฉันจบสิ้นกับพี่
ฉันจะไม่เจอพี่อีกเป็นอันขาด

***
พี่เลี้ยงฉันมา
พี่เป็นเหมือนพ่อให้กับฉัน
พี่คอยดูแล คอยตักเตือนฉันเสมอ
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่น้องสาวที่ดีของพี่
ขอบคุณพี่นะ ที่ทำให้ฉันเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้



ไม่ว่าเมื่อไหร่ เราก็คุยกันได้
เป็นอย่างนี้ไปจนเราแก่เฒ่า
เพราะว่าเราเป็นพี่น้องกัน
ถ้าเธอรู้สึกแย่หรือลำบาก
แค่กลับมา
กลับมาหาพี่ได้ทุกเวลา

(คงอ่านไม่รื่นสักหน่อยนะคะ เพราะแปลมาจากซับอังกฤษ)



เป็นซีรีย์พี่ๆ น้องๆ ที่ชวนจดจำอีกเรื่องหนึ่ง

คาแรคเตอร์ของตัวละครที่น่าสนใจคือ "อาคิระ" และซีรีย์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยการบอกเล่าถึง "ตัวผม" และ "น้องสาวของผม"จากความรู้สึกนึกคิดของอาคิระเองด้วย

อาคิระที่ดูเป็นคนแปลกๆ (แบบที่ช่วยทำลายความหล่อไปได้เยอะ) คือ ถึงจะสมองดี เรียนเก่ง ความสามารถเป็นเลิศ แต่ดูคุณพี่ชายจะอ่อนด้อยในการเข้าสังคมอยู่เหมือนกัน ในโรงพยาบาลก็ไม่ค่อยเป็นที่พอใจของเพื่อนร่วมงานในแผนก (เพราะเก่งเกิน) สาวมาชอบก็ทำตัวเหนียมๆ อายๆ และขี้เกรงใจ กับน้องสาวก็ไม่เคยห้ามปรามอะไรได้ แม้แต่จะเอ่ยตักเตือนก็พูดไม่ค่อยออก นี่ถ้าหากเป็นคนขวางโลกสักหน่อยจะเข้าข่ายเป็นหนุ่ม "เนิร์ด" (nerd) ได้เลย ทั้งยังดูเงียบนิดๆ ซึมหน่อยๆ บุคลิกตอนเด็กเป็นอย่างไร โตเป็นหนุ่มอายุสามสิบกว่าเป็นนายแพทย์แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน



การเป็นคนในแบบที่อาคิระเป็น และ "ระยะห่าง" ที่เว้นไว้สำหรับอิสระในตัวตนของกันและกัน ทำให้เขาและเธอเป็นพี่ชาย-น้องสาวในอีกแบบหนึ่ง

เสียใจก็ไม่ปลอบ
โกรธก็ไม่ง้อ
ทำผิดก็ไม่เคยดุด่า
ร้องไห้ก็ไม่เคยซับน้ำตา

เซยะเอง..ไม่ใช่เด็กสปอยล์ เพราะการติดตามเฝ้าดูของอาคิระ คือ ความหมายของทุกสิ่งเพียงพอแล้ว

มีฉากหนึ่งที่ชอบใจมาก คือ ตอนที่เซยะเสียใจและปีนขึ้นไปบนเสาสูงลิบนั่น อาคิระวิ่งตามหาจนหอบแฮ่กมาจนพบ ทั้งที่กลัวความสูงแต่จำต้องปีนตามขึ้นไปทั้งแข้งขาสั่น




"แต่พี่ต้องการให้เธออยู่"

คำพูดสั้นๆ แต่มันมาจากใจ ทำให้เซยะยอมปีนกลับลงมา ในสถานการณ์แย่สุดๆแบบนั้นคิดว่าอาคิระจะกอดปลอบรับขวัญ ไม่มีเลย .. ไม่มีแม้แต่คำพูดสักคำ น้องสาวรู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทำไปมันผิด และที่ทำอยู่ก็ผิดอีก หลบตาก้มหน้าหงอย พี่ชายไม่เอ่ยอะไรจากปาก นอกจากรอยยิ้มนิดๆ ที่บ่งบอกถึงความอ่อนอกอ่อนใจ อาการสำนึกผิดและรู้สึกอายของเซยะกับเรื่องไม่เข้าท่าที่ทำไปมันดูน่าขำ และคำให้อภัยปรากฏอยู่ในสีหน้า ไม่ต้องเก็บมาตำหนิต่อว่ากันอีก



ไม่ต้องพูดอะไร เซยะก็ยอมปล่อยมือจากสิ่งที่คิดว่าจะไม่มีวันปล่อยไป
แล้วเดินตามหลังพี่ชายต้อยๆ จากมาในที่สุด

นั่นเป็นแค่ฉากหนึ่งของการไล่ตาม ที่เป็นลักษณะความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง

เซยะ เป็นคนดื้อรั้น และไม่ยอมฟังอะไร
อาคิระ จึงเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไร
แต่ไม่ใช่ไม่อยากพูด
และไม่ใช่ไม่เอาใจใส่

การที่เซยะหายไป (อีกแล้ว) คนอื่นอาจเข้าใจผิดว่าอาคิระไม่อนาทรร้อนใจแต่หารู้ไม่ อาคิระถูกเผาไหม้ด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆ จนเคยชิน หาน่ะหาแน่ และรู้ด้วยว่าถ้าเธอยังไม่กลับมา เขาจะหาเธอพบในที่สุด จึงไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นอะไร แค่หาไปเรื่อยๆ



เป็นซีรีย์อารมณ์ทึมๆ ที่เรียบๆ ธรรมดา
เหมือนจะไม่ซึ้ง แต่ก็ซึ้ง
เหมือนจะแค่งั้นๆ แต่จริงๆ ก็เป็นเรื่องราวดีๆ มีแง่คิด

ชื่อ ของ โอดางิริ โจ ดูจะเข้ากันกับกับอะไรลักษณะนี้

จากประสบการณ์ส่วนตัวเมื่อดูหนังที่โจแสดง มีความรู้สึก 2 แบบ

1. ดูยาก และไม่เข้าใจเลย
2. ดูเข้าใจ แต่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้ชัดๆ ได้

สรุปคือ ยากพอกัน

ซีรีย์เรื่องนี้ก็ไม่หลุดไปจากนี้หรอกค่ะ คือ ดูเข้าใจ แต่อธิบายความซึ้งลำบาก เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้น้ำตาไหลพรากๆ แต่ความซึ้งมันมากับเหตุเล็กๆ คำพูดง่ายๆ ความหมายสั้นๆ

กับสิ่งที่เธอสูญเสีย กับความทุกข์ที่เธอแบกไว้ ไม่มีคำใดจะปลอบใจให้ เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของพี่ชาย แต่คำพูดสั้นๆ "กลับมาอยู่กับพี่ไหม" คำนี้ความหมายกินลึกทุกอย่าง

พี่ชายโจ เขาถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ของตัวละครได้ดีมากเลยนะ เพิ่งได้เห็นฝีมือกันเต็มๆ คราวนี้แหละ บทของอาคิระ เป็นคนเงียบและไม่ค่อยพูด แต่เราจะอ่านความคิดและรู้อารมณ์ตัวละครจากสีหน้าได้หมด "มีหน้าตายอยู่หน้าเดียว" คงไม่มีทางใช้กับฝีมือการแสดงของโจได้แน่

น้องสาวมาซามิ บทนี้เหมาะกับเธอมาก ใบหน้ายิ้มแย้มแต่จิตใจเศร้าสร้อย ตัวละครนี้ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยตัวของตัวเอง ชีวิตที่ค่อยๆ เป็นไป ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องหวั่นกลัวอะไร สุขบ้าง ทุกข์บ้างจะเป็นไรไป ไม่มีใครตายเพราะความเหงา

"ถ้าเธอรู้สึกแย่หรือลำบาก แค่กลับมา กลับมาหาพี่ได้ทุกเวลา"
นี่ไม่ใช่คำมั่นสัญญา แต่เป็นพันธนาการแห่งหัวใจ

โดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย

แค่หันกลับไปก็จะพบว่ายังมีใครคนหนึ่งคอยเฝ้าติดตามอยู่เบื้องหลัง

และเขาจะอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอเสมอ






Credit : ข้อมูลนักแสดง Blike.net
ภาพประกอบ //www.tbs.co.jp/bokunoimouto


Create Date :14 สิงหาคม 2553 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:50:09 น. Counter : Pageviews. Comments :9