bloggang.com mainmenu search



Season 1

ชื่อซีรีย์ : Jikou Keisatsu
กำกับโดย: Tsukamoto Renpei
Written By : Miki Satoshi(ep1-2&9), Iwamatsu Ryo (ep3), Sono Shion Keralino Sandorovich (ep8), Tsukamoto Renpei (ep5)
จำนวนตอน : 9 ประเภท : Mystery Comedy
ปี 2006 TV Asahi

Season 2
ชื่อซีรีย์ : Kaette Kita Jikou Keisatsu
กำกับโดย : Yasumi Goro
จำนวนตอน : 9 ประเภท : Mystery Comedy
ผลิตโดย : Yokochi Ikuhide (tv asahi), Toda Koichi (MMJ)
Written By : Miki Satoshi (ep1-2&9), Sono Shion (ep3&6), Keralino Sandorovich (ep4), Aso Manabu (ep5), Odagiri Joe (ep8),Yoshida Reiko(ep5), Yamada Akane (ep7)
ปี : 2007 TV Asahi

เห็นกันมานานแล้วล่ะค่ะสำหรับ Jikou Keisatsu แต่ดูภาพใบปิดสิคะ จะรู้ไหมละคะว่าพระเอกตาเอ๋อเหรอที่เห็นอยู่นั่นคือ คุณพี่โจ โอดางิริ มารู้ก็ตอนหลงเข้าไปอ่านรายชื่อนักแสดง จริงๆ แล้วชื่อของอาโซะสะดุดตาก่อนพี่โจเสียอีก ก็เลยมีโอกาสได้ชมผลงานอีกเรื่องของโจ และอาโซะ

เห็นแก่ที่คุณพี่โจ อุตส่าห์มาทำตลกง่อนแง่นให้ดูเป็นเพื่อนในมื้ออาหารเย็น (แต่กินซะดึก)อยู่บ่อยๆ และเห็นแก่อาโซะที่แสดงอาโนะเนะได้น่ารักแม้ว่าจะขัดกับบุคลิกทางหน้าตาแบบสุดๆ จึงตัดใจไม่ลงที่จะปล่อยทั้งสองคนไปตามยถากรรม ทั้งที่ระยะนี้ของชีวิตออกจะยุ่งเหยิงแทบหายใจไม่ทันจนอยากจะกลายพันธุ์เอาเหงือกมาช่วยหายใจด้วยอีกทาง

Jikou Keisatsu เป็นซีรีย์ที่ใช้เวลานานมากกว่าจะดูจบ เพราะดูได้แค่ครั้งละตอน และไม่ได้ดูต่อเนื่องมาทุกวัน ไม่ใช่ซีรีย์มีสาระ และไม่ได้ฮาแตกแตน แต่ก็เป็นความขำๆ ให้หัวเราะคิกคักเรี่ยราดอยู่พอสมควร



เรื่องก็มีอยู่ว่า

คิริยามะ ชูอิจิโร่ (Odagiri Joe ) ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารจัดการข้อมูลให้กับสถานีตำรวจสำนักงานประจำเขต ไม่ทราบว่าเป็นแผนกอะไรแน่นะ ขอเรียกเอาเองแล้วกันนะคะว่าเป็นแผนกคดีความหมดอายุ แผนกนี้ก็จะมีหัวหน้าบ้าบอ และเพื่อนร่วมงานที่แตกต่างบุคลิกและต่างคนก็ต่างเพี้ยนกันไป ศูนย์รวมของสมาชิกแผนกนี้ก็จะอยู่ที่โต๊ะกลางกว้างๆ ของแผนกที่ใช้สารพัดประโยชน์ เป็นทั้งโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม (แต่ไม่เคยเห็นประชุมกันเป็นเรื่องเป็นราว) และโต๊ะชุมนุม(กันด้วยเรื่องไร้สาระอยู่บ่อยๆ)






อยู่มาวันหนึ่งประเด็นไร้สาระของพวกเขาได้พากันพูดถึง "งานอดิเรก" ในเมื่อคนทั่วไปต่างก็มีงานอดิเราด้วยกันทั้งนั้น คนไม่เคยมีอย่างคิริยามะชักเริ่มจะกังวลใจที่ตัวเองดูเป็นคนผิดแผกเนื่องจากไม่เคยมีงานอดิเรกใดให้จับต้อง เพื่อที่จะดูปกติเหมือนคนอื่นทั่วไป คิริยามะจึงต้องมองหางานอดิเรกสักอย่างทำ สุดท้ายจึงมาลงเอยที่ "การสืบสวนคดีความหมดอายุ" นั่นหมายความว่าคดีน่าสนใจใดที่ทางตำรวจยังสืบหาคนร้ายไม่ได้จนล่วงผ่านเข้าสู่วันหมดอายุความ คิริยามะจะนำคดีเหล่านั้นมาสืบสวนเป็นงานอดิเรก เลือกคดีเองด้วยความสนใจบ้าง ถูกยัดเยียดบ้าง ก็ว่ากันไป

มิกะสุกิ ชิสุกะ (Asou Kumiko) เธอเป็นตำรวจหญิงในแผนกจราจร สถานที่สิงสถิตของเธอนอกจากตามท้องถนนก็มีโต๊ะกลางของแผนกคดีความหมดอายุนี่แหละ และยังมีอีกที่ที่เธอโปรดปราดมากสุด นั่นก็คือ Beside คิริยามะ เพราะเธอแอบบชอบคิริยามะ เพ้อล่องลอยไปมา แถมบางที่ยังเก็บไปฝันกลางวันยันกลางคืน



คิริยามะและมิกะสุกิเป็นเพื่อนตำรวจรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงสนิทสนมเป็นเพื่อนกัน และเมื่อต้องสืบสวนคดีความหมดอายุ คิริยามะก็ไม่มีใครให้นึกถึง นอกจากมิกะสุกิเท่านั้นที่เขาชวนไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน ออกค่ากินค่าอยู่ให้ สำหรับคิริยามะนั่นเป็นการออกไปเป็นเพื่อนช่วยทำงานอดิเรก แต่สำหรับมิกะสุกิเธอมักจะวาดฝันถึงการออกเดทกันหลังจบงาน แต่ดูคิริยามะจะไม่หลงกลในเรื่องนี้สักเท่าไร เพ้อเข้าไปค่ะคุณนางเอก เพ้อเข้าไป

ทั้งสองคนจึงกลายเป็นคู่หูที่ตามเช็คบิลคดีฆาตกรรมต่างๆ ที่หมดอายุความไปแล้วเป็นงานอดิเรก คิริยามะมีมิกะสุกิเป็นมือขวาและพลพรรคนายและนางตำรวจสุดเพี้ยนคอยเป็นผู้สอดแนม หนับหนุน และหนุกหนานไปกับการสืบคดีของคิริยามะ

สาเหตุที่สนใจสอยเรื่องนี้มาดูเพราะเห็นซีรีย์มีทำต่อในภาคสอง คิดเอาเองว่าซีรีย์ที่จะถูกนำมาทำภาคต่อได้นั้น ภาคแรกต้องประสบความสำเร็จทางเรตติ้งอยู่พอสมควร ทำให้ไปอ่านพบชื่อของอาโซะกับโจจึงตัดสินใจได้ทันทีซื้อมาทีเดียวรวดสองซีซั่น และเพิ่งมารู้ตอนหลังว่า ซีรีย์เรื่องนี้ได้รับรางวัล 23rd Annual ATP Awards : Award for Excellence (2006)




แต่ภาคสองไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย นอกจากทรงผมของพระเอกที่ดูรกรุงรังกว่าเดิม มีตำรวจเพี้ยนๆ มาเสริมทีมอีกคนหนึ่ง ที่เหลือยังอยู่กันครบ ดังนี้

เฮียจูมอนจิ (Toyohara Kosuke) เฮียคนนี้เล่นได้ฮาสุโค่ย เฮียไม่ใช่คนไหนอื่นไกล คือ "ตาพัดโบก" อาจารย์ที่ปรึกษาจอมโหดของน้องหนูโนดาเมะนั่นเอง ( เรื่อง Nodame Caltabile) เฮียมากับความฮาอย่างไรบ้างนั้นคงจะอธิบายกันยาก เอาเป็นว่าฮากว่าใครก็แล้วกัน แต่ที่บอกได้คือมีนิสัยชัดเจนอยู่อย่างนั่นคือการยกตนข่มท่าน ท่านที่ว่านี้จะเป็นใครที่ไหนไปได้ถ้าไม่ใช่คุณพระเอกคิริยามะ ที่เข้ามาเป็นนายตำรวจพร้อมๆ กัน แต่คิริยามะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล ขณะที่จูมอนจิเป็นถึงนักสืบประจำสำนัก แว่วเสียงว่าฝีมือดีเสียด้วย แต่ว่าท่าดีทีเหลียวหรือเปล่าไม่กล้าสรุป ทางด้านคิริยามะที่หน้าตาดูเอ๋อๆ แต่ขอบอกก่อนว่าไม่โง่อย่างที่เห็น เป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต เพียงแต่คิดไม่ค่อยเหมือนใคร หรือไม่...ใครที่ว่าก็คิดไปไม่ถึง จึงไม่ค่อยมีใครเชื่อถือนัก แต่บ่อยครั้งที่ความคิดเหล่านั้นกลายเป็นมูลเหตุให้ต่อมนักสืบของจูมอนจิเกิดปัญญาปิ๊งๆแล้วจับคนร้ายได้ แต่แทนที่จะสำนึกในความคิดนั่น กลับทึกทักว่าเป็นเพราะความคิดอันชาญฉลาดของตัวเอง และหยิบยกเอาคำพูดของคิริยามะไปทำพูดเท่ๆ เหมือนเป็นคำจากความคิดของตน ยัง เท่านั้นยังไม่พอ ยังวกกลับเอาคำพูดเหล่านั้นมาเกทับสั่งสอนคิริยามะอีกต่างหาก (เชื่อเค้าเลย ช่างกล้า)



ป้ามาตาไร (Fuse Eri ) ป้าคนนี้เห็นหน้าก็ตลกแล้วค่ะ ผลงานที่จำได้คือเรื่องใหม่ล่าสุดแสดงเป็นตำรวจจอมเพี้ยนอีกเหมือนกันในเรื่อง Atami no Sousakan โดยมีโจ โอดางิริ เป็นนายตำรวจสืบสวนในองค์กรพิเศษระดับชาติ ไม่ใช่ตำรวจเพี้ยน แต่ก็อย่าคาดหวังความเท่อะไรจากโจมากนัก เพราะโจมักมาในบทบาทที่ เอ่อ .. ไม่ยักใช่อย่างที่คิดอย่างที่หวัง T-T

ป้าเป็นตัวชูโรง สามารถเข้ากับทุกคนได้พอๆ กับที่สามารถขัดคอทุกคนได้ ยิ่งกับจูมอนจิ สองคนนี้เสมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมา จูมอนจิโผล่มาเมื่อไหร่ป้าเป็นได้แสดงอาการเบะหน้าเบะตาให้ยิ้มฮาอยู่เรื่อย



เจ๊ซานาเอะ (Eguchi Noriko) ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอขำก่อนเถอะ ผู้หญิงคนนี้เคยเห็นจากที่ไหนสักเรื่องแต่จำไม่ได้ เธอเป็นหญิงสาวประเภทหน้าตายตอนดุ ดูไร้ความรู้สึก เหมือนโรคจิตอ่อนๆ และไม่เคยยิ้มเลย แต่เห็นเธอแล้วไม่รู้ทำไมอยากจะหัวเราะทุกครั้งไป กับป้ามาตาไรเธอเข้ากันได้ดี แต่อย่าให้ทะเลาะกันเชียวล่ะ งอนกันได้อย่างน่ารักน่าชัง

ลุงคุนาโมโตะ (Iwamatsu Ryo) ลุงคุนาโมโตะ เป็นหัวหน้าแผนกข้อมูลของมาตาไร ซานาเอะ และคิริยามะ ( จูมอนจิเป็นนักสืบแผนสืบสวน และมิกะสุกิอยู่แผนกจราจร) เป็นหัวหน้าแต่บุคลิกนิสัยเป็นเด็กๆ ลูกน้องจึงเล่นหัวและปีนเกลียวได้ อารมณ์ดี ใจดี ชอบทำหน้าตายิ้มย่องแบบแหยๆ

อาชิสุเกะ (Hida Yasuhito) เป็นลูกน้องซื่อบื้อ ของจูมอนจิ ให้ทำอะไรก็ทำ ไร้ซึ่งความคิดและสามัญสำนึกของคนปกติทั่วไป เพี้ยนพอๆ กันเลย

ยังมีอีกหนึ่งคนคือ เจ้าหน้าที่ชันสูตรหลักฐาน ที่คิริยามะอาศัยความช่วยเหลือในการบอกเล่าถึงหลักฐานตัวเก่าที่มี หรือไม่ก็พิสูจน์ให้สำหรับหลักฐานตัวใหม่ที่เพิ่งหามาได้ (แต่ต้องแลกไปด้วยการถูกรีดไถเอาเงิน) อาจจะอยู่นอกวงโคจรสักหน่อย นานๆ ครั้ง คิริยามะจะมาเจอสักที หรือนานๆ ทีจะโผล่ขึ้นไปร่วมวงไพบูลย์กับแผนกของคิริยามะสักหน แต่การอยู่ห่างก็ใช่ว่าจะไม่เพี้ยนไปด้วยอีกหรอกนะ (สงสัยจะพากันเพี้ยนทั้งสถานี)



อย่างที่บอกค่ะ เข้าใจเอาเองว่าซีรีย์เรื่องนี้คงจะดังพอตัว ถึงได้ทำภาคสองออกมา และยังกล้าทำในรูปแบบที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เหมือนนั่งดูซิทคอมค่ะ มาเพื่อฮาเป็นเรื่องๆ ไป แต่ละคดีความหมดอายุที่คิริยามะทำการสืบสวน จะถูกคลี่คลายจบในตอน ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ ฆาตกรตัวจริงไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมาย คิริยามะไปสืบใครใกล้ชิด ก็ย่อมเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นนั่นแหละ จุดดึงความสนใจให้ติดตามจึงไม่ใช่ "ใครคือฆาตกร" แต่เป็น "ฆาตกรทำอย่างไร" จึงไม่ถูกจับได้และรอดพ้นมือกฏหมายจนกระทั่งคดีความหมดอายุ การสืบคดีของคิริยามะไม่ใช่งานในหน้าที่ แต่เป็นงานอดิเรกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยืนยันตัวคนร้ายที่แท้จริงเท่านั้น

ขอย้ำ เป็นงานอดิเรกเท่านั้น!




ดังนั้น ผลการสืบคดีที่ออกมาจะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น เพราะคดีได้หมดอายุความไปแล้ว การสืบสวนคดีต่อจึงเป็นไปโดยปราศจากอำนาจของทางการ และเพื่อแสดงความจริงใจต่อฆาตกรที่ลอยนวลได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายใจต่อไป แม้ว่าจะมีใครคนหนึ่ง (สักคน สองคน อย่างคิริยามะ มิกะสุกิ รู้ความจริงแล้วก็ตาม) คิริยามะจึงได้มอบบัตร
Create Date :22 ธันวาคม 2553 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:47:52 น. Counter : Pageviews. Comments :4