bloggang.com mainmenu search
“สัมผัสเป็น สัมผัสตาย” ตั้งเอง อมยิ้มเองค่ะ ... ฟังดูเชยๆ แปร่งๆ ยังไงก็ไม่รู้
แต่ว่าก็คิดคำอื่นไม่ออกน่ะนะ

อิอิ

ก็เพราะละครมันเป็นเช่นนี้แล

สัมผัสเดียวหายโรค และสัมผัสเดียวหายด้วยเหมือนกัน คือ หายจากโลกนี้ไป




“หาย”
ด้วยหัตถ์แห่งการเยียวยา รักษาได้ทุกอย่าง
ทุกโรคภัยร้ายแรง บาดแผลเล็กน้อยไปจนถึงสาหัส

และ

“หาย” ด้วยหัตถ์แห่งการฆ่า สัมผัสเดียว ไปไม่กลับ
หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น เพราะตายสนิท!

เหมือน Angel & Demon เทวา กับ ซาตาน

(เหมือนชื่อหนังสือของ Dan Brown เรื่อง Angel & Demon เลยแฮะ)


หนึ่งฝ่ายที่หยิบยื่นการเยียวยารักษาให้มีชีวิตพ้นทุกข์ทรมานก็เปรียบกับเป็น พระเจ้า เทวา เทพยดา หรือ เทวดา ส่วนอีกฝ่ายที่หยิบยื่นความตายมอบให้ ก็ไม่ต่างกับเป็น ซาตาน มัจจุราช ( แต่ไม่สีชมพูนะ) ยมทูต ยมบาล ชอบคำไหนก็เอาคำว่า “หัตถ์” ใส่เข้าไปข้างหน้าค่ะ ตามแต่จะชอบใจ เพราะแต่ละคำความหมายยังได้อยู่ และกิ๊บเก๋ทุกคำ เช่น

“หัตถ์เทพยดา”
ไท้ ไทย และโบราณดี

“หัตถ์ยมบาล”
ซื่อๆ ทื่อๆ ตลกดี

ตามซับไทยที่ดู ใช้คำ “หัตถ์พระเจ้า” กับ “หัตถ์ยมทูต” ชอบคำหลังนะคะ โดนใจที่สุดแล้ว

เรื่องย่อที่พยายามย่อแล้ว

เรื่องราวของชายหนุ่มสองคน ที่มีพลังเหนือมนุษย์ เป็นพลังจากมือสัมผัสตามที่กล่าวมา



“หัตถ์เทวดา” ริวซากิ ชินจิ (แสดงโดย ทาคิซาวะ ฮิเดอากิ Takizawa Hideaki หรือที่ใครๆ เรียกว่า ทักกี้) คงจะดีถ้าริวซากิถือคติ เมตาตาธรรมค้ำจุนโลก และใช้ ”พลังมือ” ที่มีให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวญี่ปุ่นและมวลมนุษยชาติ แต่ว่าริวซากิคนนี้ ดันเป็นนักโทษประหารจากคดีฆ่า 3 ศพ แต่เพราะในตอนเกิดคดียังอยู่ในวัย “เยาวชน” จึงเป็นเยาวชนผู้กระทำผิดที่ยังไม่ถูกประหารเพราะรอการสำนึกตัว ริวซากิจึงจำคุกมาแล้ว 10 ปี

มีหัตถ์เทวดา แต่ดันผ่าไปอยู่ในคุก ช่างไร้ประโยชน์ซะจริง



“หัตถ์ยมทูต” อาโออิ เรียวสุเกะ (แสดงโดย นิคิชิโด เรียว Nishikido Ryo ) อาจารย์หนุ่มโรงเรียนมัธยมที่ จิตใจดี มีเมตตา แต่ว่าเป็นเจ้าของอำนาจมืด นั่นคือพลังแห่งการฆ่า ในภาวะคับขันที่อาจไม่ได้ตั้งใจเต็มร้อยให้ตาย แต่เมื่อเผลอส่งพลังในมือสัมผัสออกไป เพราะคิดจะช่วยเหลือคนอื่น หรือป้องกันตัวเองให้พ้นอันตราย เผลอเดียว ตายสนิท

แต่ถึงจะเป็นเผลอเดียว อาจารย์อาโออิก็อุตส่าห์เดินตากฝนดังพระเอกมิวสิกวิดิโอเพลงรักไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ เพื่อแจ้งความจับตัวเอง “ผมฆ่าคนตาย”

แม้ว่าจะมีตำรวจหญิง อาซาเบะ นากิสะ เป็นพยานในเหตุการณ์ แต่ในเมื่อตำรวจหาหลักฐานมายืนยันการฆ่าเป็นรูปธรรมไม่ได้ เพราะไม่มีวิทยาศาสตร์การชันสูตรศพ หรือทฤษฏีใดเป็นไปได้ว่า คนจะตายเพียงเพราะสัมผัสจากมือ ด้วยฆาตกรรมที่เหนือเมฆนี้ อาโออิ จึงเป็นฆาตกรคนดีที่ลอยนวล

นอกจากสองหนุ่มที่มีพลังเหนือมนุษย์นี้แล้ว ก็มีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในเรื่องราว



“ตำรวจหญิง” อาซาเบะ นากิสะ (แสดงโดย มิซึคาว่า อาซามิ Mizukawa Asami) คุณแม่ลูกหนึ่งที่รักและซื่อตรงต่ออาชีพตำรวจ นากิสะรอดตายเพราะหัตถ์ยมทูต แต่ในฐานะตำรวจก็ไม่อาจปล่อยให้การตายที่ตัวเองเป็นพยานรู้เห็นอยู่ต่อหน้าผ่านไปเฉยๆ ได้ การตายที่เห็นอยู่เต็มตา ถึงพิสูจน์เอาผิดไม่ได้ก็ยังรู้เห็นการฆ่าอยู่เต็มใจ จะจัดการอย่างไรกับหัตถ์ยมทูตดี

ส่วนอีกคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็มีหัตถ์เทวารักษาโรคได้ทุกอย่าง คนเป็นแม่ทุกคนเมื่อมีโอกาสย่อมทำทุกอย่าง บังคับ ขอร้อง อ้อนวอน ให้ลูกสาวตัวเองที่ทรมานจากโรคหอบหืดและขาดโอกาสหลายๆ อย่างที่จะมีชีวิตอย่างเด็กปกติทั่วไปได้ถูกรักษา แต่เมื่อแม่อย่างนากิสะเป็นตำรวจ ศักดิ์ศรีและหน้าที่การงานค้ำขอ จึงไม่อาจขอให้หัตถ์เทวดาช่วยรักษาลูกตัวเองได้ แม้โอกาสนั้นจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่เพียงเอ่ยปาก

คนดีๆ ที่ฆ่าคนตายอย่างหัตถ์ยมทูต อยากจับให้ได้ ก็จังไม่ลงเพราะความเป็นคนดี
(หรือต่อให้จับลง ก็ไม่มีหลักฐานให้จับอยู่ดี)

คนไม่ดีในสายตาหนีออกจากคุกมาอย่างหัตถ์เทวดา คนนี้จับลง แต่จับไม่ได้

เป็นความสัมพันธ์แรกเริ่มของนางเอกต่อหัตถ์ทั้งสอง คือ ริวซากิ และ อาโออิค่ะ

อาซามิเช่นเป็นตำรวจในเรื่องนี้ถือว่าหน่วยก้านดี แขนขายาว และคล่องแคล่วใช้ได้

ตัวละครสมทบอื่น ๆ ขอบอกกล่าวสั้นๆ เรียงจากซ้ายไปขวา



ซาวามูระ (แสดงโดย Kuranosuke Sasaki ) ตัวร้าย ที่ไม่ค่อยเข้าใจชัดแจ้งนักว่า ร้ายแล้วได้อะไร ดูแล้วไม่เห็นจะคุ้มกับที่พยายามลงทุนลงแรง นักแสดงคนนี้คุ้นกันไหมคะ ต้องคุ้นอยู่แล้วล่ะ เพราะจะเห็นหน้าบ่อยมากในซีรีย์ญี่ปุ่น

ชิฮารุ (แสดงโดย นัตสึกิ ฮาราดะ) แพทย์ชันสูตรศพ เพื่อนของนากิสะ คบหากันอยู่กับซาวามูระ และยังคอยช่วยหลือให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัตถ์ยมทูต และหัตถ์เทวดา ถ้ามีโอกาส

มาซาโตะ (แสดงโดย Oshinari Shugo) "นักวิจัยยา" จะมีศัพท์แสงอย่างอื่นเรียกให้เพราะพริ้งกว่านี้หรือเปล่าก็สุดรู้ค่ะ แต่ที่แน่ๆ คือเป็นนักวิจัยพัฒนาตัวยารักษาโรค อะไรทำนองนี้ เป็นคนรักของนากิสะ และคอยดูแลลูกสาวของเธอในตอนที่นากิสะยุ่งเหยิงอยู่กับงานตำรวจ



คุมาคิริ มาซารุ (แสดงโดย ยาโอโทเมะ ฮิคารุ Yaotome Hikaru) เด็กมีปัญหาตามสไตล์ลูกคนรวย แม่ตายจาก พ่อไม่มีเวลาดูแล เพราะมัวแต่หาเงิน คนนี้เห็นหน้าเป็นครั้งแรก ชอบเค้าจังค่ะ เพราะหน้าตาน่ารักเหมือน หลุยส์ สก็อต บ้านเรา เหมือนมากๆ เลย เป็นบทหน้าเครียดๆ ที่ต้องพยายามทำให้ตัวเองรอดจากคดีฆาตกรรม ด้วยการตามฆ่าปิดปาก คานะ นักเรียนหญิงของ อาโออิ ซึ่งบังเอิญได้ยินเหตุการณ์และอาจเป็นพยานชี้ความผิดได้

คานะ (แสดงโดย Haru) นักเรียนหญิง ของ เรียวสุเกะ (หัตถ์ยมทูต) ที่ถูกมาซารุคอยรังควานตามฆ่าปิดปาก

Ryuji Yamamoto แสดงเป็น ตำรวจอาวุโส ที่เคยเป็นตำรวจพี่เลี้ยงให้กับนากิสะเมื่อครั้งเพิ่งเข้ามาเป็นตำรวจใหม่และทำงานร่วมกันมาตลอด

Atsuko Takahata แสดงเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เล็งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยหวังใช้พลังหัตถ์เทวดาของริวซากิเป็นเครื่องมือผลักดันขึ้นสู่อำนาจ

ประธาน คุมาคิริ (แสดงโดย Toshio Shiba) พ่อของมาซารุ เป็นนักธุรกิจที่สนับสนุนเงินทุนผิดกฎหมายให้กับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข

Kumada Sea แสดงเป็น ลูกสาวขอานากิสะ เป็นโรคหอบหืด จิตใจดี และต่อสู้กับโรคของตัวเองอย่างเข้มแข็ง เรียกริวซากิที่มีหัตถ์เทวดาว่า “คุณพ่อมด”

เรื่องราวที่เป็นไป

เพราะเหตุใด ริวซากิเจ้าของหัตถ์เทวา จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อรับรู้
การมีอยู่ของหัตถ์ยมทูต อาโออิ

การพบกันของสองเรา

ริวซากิ แหกคุก

เมืองริวโกกุ ที่จมหายไปใต้ผืนน้ำ หลังการสร้างเขื่อนชื่อเดียวกัน “เขื่อนริวโกกุ”

เครื่องรางอย่างเดียวกันของ ริวซากิ และอาโออิ “มังกรพันเกลียวไม้กางเขน”

คนหนึ่งมีหัตถ์ยมทูตแต่หัวใจเทวดา อีกคนหนึ่งมีหัตถ์เทวดาแต่หัวใจยมทูต

มุมมองที่แตกต่าง พลังที่สวนทาง

แต่มีเหมือนกันอยู่อย่าง คือ พยายามเลือกที่จะเป็นนายของมือตัวเอง

ทำไม หัตถ์เทวดาที่เป็นพลังเยียวยารักษา จึงเป็นที่มาของความเดือดร้อนวุ่นวาย

มนุษย์ปั่นป่วนและสำแดงธาตุแท้โลภมาก เห็นแก่ตัว

การมีอยู่ของหัตถ์ยมทูต เพื่อรักษาสมดุลพลังของหัตถ์เทวดาหรือเพื่อลบล้างพลังนั้นให้หมดสิ้นไป

เราต่างเป็นพระเจ้า และถ้าจะอยู่อย่างพระเจ้าที่แท้จริง

ต้องมีทั้งสองอำนาจ ในการพิพากษามนุษย์ให้ “อยู่” หรือ “ตาย”

นั่นหมายถึงเราต้องอยู่ร่วมกัน

เมื่อเราอยู่ร่วมกัน เราจะไม่เป็นไร


แต่

การจะเป็นได้อย่างพระเจ้า

ต้องทิ้งความรู้สึกอย่างมนุษย์ไปหรือ


หรือ

โลกนี้ไม่ควรมีพระเจ้า



พลังวิเศษกับมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ดูพล็อตเรื่องแล้วก็ไม่ค่อยจะคลิกกันสักเท่าไร แต่ไม่รู้จะดูอะไร เห็นเรื่องออกมาใหม่ๆ ขอประเดิมด้วยเรื่องใหม่ๆ กับเค้าบ้าง

ที่เรียกร้องความสนใจไม่ใช่เนื้อเรื่อง แต่เป็นการวางตัวนักแสดง ที่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับความหล่อของทักกี้ เพราะทักกี้ไม่ใช่คนโปรด

อ่านจากที่ไหนๆ ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน การต่อสู้ระหว่างความดีงามและความชั่วร้าย ทักกี้คือฝ่ายชั่วร้าย มีมือดีแต่ไม่ยอมรักษา ทักกี้ชั่วช้าใช้มือแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจ เช่นเดียวกับชื่อตอนที่แปลออกมาเป็นไทย

“หัตถ์พระเจ้า หัวใจปิศาจ”

สรุปคือทักกี้เลว

สงสัยจัง หน้าสวยๆ อย่างทักกี้ มาแสดงบทนี้จะเป็นไงหนอ?

ส่วนบทของอาโออิ จะว่าตรงกันข้ามกับบุคลิกของเรียวก็ไม่เชิงนัก เพราะ หน้าตาคล้ำๆ ของเรียว เหมาะแล้วล่ะที่จะเป็นเจ้าของหัตถ์ยมทูต ถึงจะมีหัวใจงามฉาบทองทา ก็ไม่ถือว่าแปลกเพราะเคยเห็นเรียวเล่นมาแล้วทั้งบทคนดีที่น่ารักและคนไม่ดีที่โรคจิต

โดยความรู้สึกแรก สองคนนี้น่าจะเล่นสับบทกัน ให้เรียวเป็นเทวดาใจดำ
และ ทักกี้เป็นยมทูตใจงาม

แต่เมื่อนักแสดงถูกวางให้เป็นตัวละครที่ขัดกับความรู้สึก จึงเป็นความน่าสนใจและขอยลยิน

ชอบตัวนักแสดงคือ เรียว

แต่ชอบบทบาทของริวซากิที่ทักกี้แสดง งานนี้บทดี ทักกี้งาบเอาความเด่นไปกิน
ตามความคาดหมาย

เพราะหญิงชอบชายเลว (อ้าว!)

จริงๆ แล้ว ม่ายช่ายอย่างง้านนนน ( รีบแก้ตัวก่อน)

โดยบุคลิกแล้ว บทของ 2 หนุ่มนี้ไม่ต่างกันมาก ทุกข์เพราะ มือของตัวเองอย่างเดียวกัน

โดดเดี่ยวเพราะไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของคนที่มี “มือวิเศษ” อย่างเดียวกัน

จึง เครียดๆ ขรึมๆ นิ่งๆ คล้ายๆ กัน

แต่ (เป็นธรรมดาที่ต้องมีแต่)

ตามบทเลยค่ะ ทักกี้มีมือรักษา ใครๆ ก็เข้ามารุมเร้าแสวงหาประโยชน์
ต้องผ่านอะไรมามากกว่าเรียว ที่มีมือฆ่า

มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน แต่น้อยคนนักจะต้องการ

คิดว่าบทของทักกี้เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวมากกว่า
และบุคลิกของริวซากิจะดูเด็ดเดี่ยวแข็งกร้าว ดูเข้มแข็งมากกว่า

ถ้างั้นขอ เปลี่ยนเป็นว่า “หญิงชอบชายแมน” ดีกว่านะ 555

แต่ถ้าได้ดูแล้ว อาจจะคิดไม่เหมือนกันก็ได้

พูดถึงเรียว

เรียวของเรา เจ้าเกิดมาเป็นดาราอาภัพหรืออย่างไร เท่าที่เคยดูเรียวมานะ ไม่ว่าเล่นเรื่องไหนก็รับบทเด่นอยู่หรอก แต่ก็เด่นไม่สุดโต่ง เพราะมีเพื่อนแย่งเด่นไปโด่งกว่าทุกที 1 litre of tear เป็นพระเอกก็จริง แต่ก็เป็นการนำเสนอเรื่องราวความเด่นของเจ้าของลิตรน้ำตาคือนางเอกอายะ Ryusei No Kizuna ก็โดนนิโนะเอาความเด่นในฐานะพี่ชายคนโตแย่งไปกิน Last Friend
ก็โดนเอตะที่รับบททาเคชิ ตัวไม่แมนแต่เอาหัวใจสุดแมนเข้ามาข่ม

มาเรื่องนี้ ทักกี้ก็เอาหน้าสวยๆ มาจิ๊กบทงามๆ ไปอย่างไม่แลเหลียว

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทั้งเรียว และทักกี้ ได้แสดงในบทที่เหมาะแก่กันและกันแล้ว

ชอบบท ริวซากิ ชินจิ เพราะทักกี้เล่นดีด้วยหนึ่ง สองเป็นความคลาดเคลื่อนไปพอสมควรถ้าหากจะมีใครเข้าใจว่าทักกี้เล่นเป็นคนเลว ประเด็นนี้คงเป็นเพราะ

ทักกี้ ไม่ยอมรักษาให้ใครง่ายๆ และฟรีๆ

(แต่บทอยากจะรักษาก็ทำขึ้นมาแบบตามใจข้า ไม่ต้องรอให้เอ็งหรือใครร้องขอ
เท่ล้นจอขึ้นมาเลยทันที )

ด้วยเหตุนี้จะว่าเข้าข่ายคนเลว ก็ไม่เชิงนัก ..

เอ... แต่คิดดูอีกที การเพิกเฉยไม่ดูดำดูดี เห็นคนเดือดร้อนพอช่วยได้แล้วไม่ช่วย
ก็ถือว่าไม่ดีเหมือนกัน

งั้นทักกี้ก็เลว .. ...(อ้าว!)

คือในใจจะไม่ค่อยเห็นว่าเลวนัก ต้องลองดู แล้วตัดสินกันเอาเอง ว่าทักกี้เลวจริงหรือเปล่า เลวมากน้อยแค่ไหน

ความคิดและมุมมองในบางครั้งบางคราวของหัตถ์เทวดาริวซากิ ทำให้นึกถึงหนังสือเรื่อง
The Book Thief จอมโจรหนังสือ ( เขียนโดย มาคัส ซูซัค Markus Zusak )
เป็นหนังสือที่ดีมากสมฐานะของ Best Seller

เป็นเรื่องในเยอรมันช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ความยากแค้น ลำบากของผู้คน การเข่นฆ่ายิว การต่อต้านฮิตเลอร์ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ “ลีเซล เบมิงเกอร์”
ที่เริ่มขโมยหนังสือ ตั้งแต่ยังไม่รู้หนังสือ
และค่อยๆ เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวพร้อมๆ กับการเติบโตมาตามฉายาเท่ๆ ของหัวขโมย

“จอมโจรหนังสือ"

เนื้อเรื่องก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว ที่ที่ทรงเสน่ห์ยิ่งกว่า คือวิธีการเล่าเรื่อง

ไม่ได้ดำเนินเรื่องไปด้วยการเล่าจาก "ฉัน"
ไม่ได้บรรยายจาก ความคิด หรือจินตนาการของ "ผู้แต่ง" ออกมาตรงๆ เป็นเรื่องราว

แต่เป็นเรื่องเล่าผ่านสายตาของ “ยมทูต” ... ตนหนึ่ง

ที่ไม่ได้มีเอี่ยวใดๆ กับความเป็นไปของเรื่อง
แค่เพียงผู้แต่งเนรมิตขึ้นมาให้เป็นผู้บรรยาย เป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
มองผ่านชีวิต และชำแรกเข้าไปในความคิด ความเป็นตัวเป็นตนของมนุษย์ ในฐานะที่ต่างออกไป
เพราะไม่ใช่การมองจากมุมมองของมนุษย์ด้วยกันเอง แต่เป็นยมทูตที่คอยทำงานเก็บวิญญาณมนุษย์ผู้ตาย และเป็นงานที่หนักด้วยนะคะ เพราะอยู่ในช่วงสงคราม และลีเซลก็เป็นเด็กหญิงที่ยมทูตพบเห็นและออกจะ “เอ็นดู” อยู่ไม่น้อย

ดังนั้น ระหว่างวนเวียนทำงานเก็บวิญญาณอยู่แถวนั้น เรื่องราวของลีเซลและรอบๆ ตัวลีเซล
จึงอยู่ในสายตาของคุณยมทูตเสมอ

เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ จินตนาการเกิดขึ้นมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ คือ

ภาพของยมทูตรูปหน้าหล่อ รอยยิ้มเล่ห์ลึก บ่งบอกความฉลาด หลักแหลม ปากซีด ผอมเกร็งแบบเนื้อซีดหุ้มกระดูก ในชุดคลุมสีดำที่โพกตั้งแต่หัวปรกลงมาเห็นใบหน้าแค่ครึ่งเดียว ถือคทาสวมเครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย เคลื่อนคล้อย..ล่องลอย ..เอื่อยๆ อยู่ท่ามกลางความคุกรุ่นของไฟสงครามเพื่อทำหน้าที่ของทูตเก็บวิญญาณ ยามพักเหนื่อย หรือรอคอยให้ดวงจิตของมนุษย์คนใดสิ้นสุด ก็จะนั่งเอกเขนกในทวงท่าที่สวยงาม หย่อนใจอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง หรือนั่งนิ่งอยู่ตามกิ่งไม้ ขอบรั้วทางเดิน ริมหน้าต่าง บนยอดหลังคา เพื่อมองดูเหตุการณ์ความเป็นไปของมนุษย์ราวกับว่ามันเป็นความบันเทิงจากงานอดิเรกอย่างหนึ่ง ในสายตาของยมทูตที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก พวกมนุษย์ช่างน่าขัน น่าสมเพช และบางครั้ง ก็น่าเห็นใจ

เป็นมนต์เสน่ห์ของจินตนาการที่ทำให้หลงรักหนังสือเรื่องนี้

แล้วเล่ามาตั้งยาวนี่เกี่ยวอะไรกับทักกี้ ใน Orthros No Inu ?

ก็เพราะจะบอกว่า ความคิดและมุมมองของทักกี้ ที่มองตัวเองในฐานะที่ต่างออกไปจากมนุษย์ธรรมดา เพราะมีพลังวิเศษจึงไม่ต่างอะไรกับการเป็นพระเจ้า และนั่นทำให้มองเห็นตัวตนของมนุษย์ที่แท้ลึกลงไปอีกแง่หนึ่ง ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความเอารัดเอาเปรียบ ที่ใครๆ ต่างเข้ามารุมเร้าเอาผลประโยชน์ในการรักษาจากทักกี้ ในขณะเดียวกันก็เห็นถึงความซื่อสัตย์ ความรัก ความเสียสละ จากคนที่ไม่เรียกร้องต้องการพลัง และหากมีโอกาสจะได้รับ ก็ยินดีสละมันเพื่อคนอื่น

เป็นส่วนเสี้ยวเล็กๆ ที่คล้ายคลึงกับ ยมทูตผู้เล่าในจอมโจรหนังสือ

ที่มองเห็นความโหดร้ายในตัวของมนุษย์ การเข่นฆ่า ทำลายล้างแม้แต่เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์พร้อมจะชิงชัง รังเกียจ แก่งแย่ง เห็นแก่ตัว และเอาตัวรอด!

แต่..ในตัวมนุษย์อีกเช่นกัน ที่มีความลึกล้ำของมิตรภาพ ความรัก ความเมตตา ความเสียสละ
เกินกว่าจะประมาณได้

ในสายตาของยมทูต มนุษย์จึงเป็นเผ่าพันธุ์ที่ “ประหลาด” และ “ความเป็นมนุษย์” นี่เอง
ที่ทำให้ยมทูต จบเรื่องเล่าจอมโจรหนังสือด้วยอารมณ์ขันร้ายลึก

เป็นความร้ายลึกเหนือกว่าอารมณ์ขันใดๆ ที่เคยใช้ในการบอกเล่าเรื่องราวมาตลอดทั้งเล่ม

ด้วยการยอมรับกับตัวเองอย่างซื่อๆ ว่า

“ข้าถูกมนุษย์หลอกหลอน”

เป็นหนังสือขโมยน้ำตา ทว่า..ปิดท้ายด้วยการสร้างรอยยิ้มให้จนแก้มปริ

เล็กน้อยเพิ่มเติมจาก SUIKAs @ popcornfor2 ที่ต้องมีใจรักมากมายถึงให้ข้อมูลไว้แน่นขนัดและทำรูปภาพหรูหราสวยงามขนาดนี้ ถ้าอยากตามไปดู ใช้ลิงค์นี้ //forums2.popcornfor2.com/index.php?showtopic=15530


ตามตำนานกรีกเล่าว่า Orthros หรือออร์ธรอสเป็นสุนัขสองหัวที่มีหางเป็นงู เป็นพี่น้องกับเคลเบรอสและคิไมร่า เกิดจากเทพ Typhon กับ Echidna
ความหมายตามภาษากรีกของ Orthros คือ "morning twilight หรือแสงอรุณ"


ภาพและข้อมูลจาก

//series-8.blogspot.com/2009/09/orthros-no-inu.html

และไหน ๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอช่วยโฆษณาหนังสือดีๆ แบบมิมีคิดตังค์



จอมโจรหนังสือ THE BOOK THIEF
Author: มาร์กัส ซูซัค/ บีจา แปล
Publisher: เพิร์ล พับลิ่งชิ่ง /2551
Price: 430 BTH




Create Date :10 ธันวาคม 2552 Last Update :30 พฤศจิกายน 2553 0:40:36 น. Counter : Pageviews. Comments :6