หมาป่าเปลี่ยนแม่น้ำได้อย่างไร How Wolves Change Rivers ![]() ฝูงหมาป่ากำลังไล่ล่ากวาง ![]() หมาป่าท่ามกลางหิมะ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดเรื่องหนึ่งในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ ปรากฏการณ์ น้ำตกห่วงโซ่อาหาร ในพื้นที่ต่างๆ มากมายหลายแห่ง น้ำตกห่วงโซ่อาหาร หรือ trophic cascade คือกระบวนการทางนิเวศวิทยา ที่เกิดขึ้นบนยอดพีระมิดอาหาร แล้วส่งผลพวงกลิ้งตกลงมาถึงเบื้องล่าง ตัวอย่างคลาสสิกได้แก่กรณีอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา เมื่อมีการปล่อยหมาป่าคืนสู่ระบบนิเวศในปี พ.ศ. 2538 เมื่อตอนที่ผมยังเป็นหนุ่ม ผมใช้เวลาถึงหกปีในการผจญภัยในป่าเขตร้อน ในฐานะสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตพื้นที่มีเสน่ห์ส่วนมากของพื้นโลก ผมค่อนข้างบ้าบิ่นและโง่เขลาตามประสาชายหนุ่มที่มักเป็นเช่นนั้น นี่คือเหตุผลที่ทำไมถึงเกิดสงครามบ่อยครั้งในโลก และเมื่อผมรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่รอดต่อไป รู้สึกดีกว่าเรื่องต่าง ๆ ที่ผมเคยทำมาในอดีต และเมื่อผมกลับบ้าน ผมค้นพบว่าความใฝ่ฝันของชีวิตค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งผมใส่จานเข้าไปในเครื่องล้างจาน กลายเป็นเรื่องที่ท้าทายความน่าสนใจมากกว่า ผมค้นพบตนเองว่าบาดแผลในอดีต/ประสบการณ์ในอดีต คือ การที่ผมพยายามหาหนทางเข้าไปยุ่งกับโลกกว้างมากเกินไป ผมยังอยู่ ผมยังเชื่อ ในเรื่องรากเง่าระบบนิเวศวิทยา ![]() นกเพลง songbird มีมากกว่าสี่พันสายพันธ์ ที่มาของภาพ wikipedia.org ![]() ฝูงนกอพยพย้ายถิ่นในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ทุกวันนี้คนเราได้พัฒนาอย่างค่อนข้างท้าทายมากขึ้นในเรื่องเหล่านี้ ในโลกของ(บรรดาสัตว์มี) เขา เขี้ยว งา และกรงเล็บ คนเรายังคงมีความกลัว ความกล้าหาญและการรุกรานเท่าที่จำเป็น ในการสำรวจบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่ภายใต้ความสะดวกสบาย ปลอดภัย พื้นที่จำกัด คนเราโอกาสน้อยมากในการบริหารจัดการบรรดาสัตว์ป่าโดยไม่ส่งผลกระทบกับคนอื่น ๆ และเรื่องนี้คือ การจัดเรียงลำดับข้อจำกัดที่ผมค้นพบเพิ่มเติมด้วยตนเอง ![]() บีเวอร์กำลังคาบไม้ไปสร้างฝายกั้นน้ำ ![]() บีเวอร์อยู่ระหว่างการดำน้ำในแม่น้ำ เพื่อที่จะเอาชนะความไม่แน่นอน เพื่อจะรู้ว่าอะไรที่จะตามมา นั่นคือ จุดมุ่งหมายที่โดดเด่นของสังคมอุตสาหกรรม(ระบบทุนนิยม) และการไปถึงจุดนั่น หรือ เกือบจะไปถึงได้ คนเราต่างเริ่มเผชิญหน้ากับเรื่องความต้องการที่แท้จริง คนเราได้รับสิทธิพิเศษด้านความมั่นคงปลอดภัยเหนือกว่าประสบการณ์ และคนเราต่างได้รับมากขึ้นในการทำเช่นนั้น แต่ผมคิดว่าคนเราได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปไปด้วยเช่นกัน ![]() ฝูงหมาป่ากำลังกัดกินโคโยตี ![]() กระต่าย ![]() หนูป่า ตอนนี้ผมเริ่มขาดความเย้ายวนใจจากเรื่องช่วงเวลาวิวัฒนาการแล้ว ผมพบว่าภายในช่วงอายุของสัตว์ประเภทนักล่า และผลลัพธ์คือการต่อสู้กันถึงชีวิตทั้งของสัตว์นักล่ากับผู้คน ระหว่างนี้ความคิดเห็นของผมได้สะดุดหยุดลงเกี่ยวกับ หินที่ทำเป็นปลายหอกและกระทิงป่าตัวยักษ์ที่เกรี้ยวกราด เป็นเรื่องราวที่ยากจะทำนายผลได้ หรือไม่ใช่เป็นเรื่องที่ถูกต้องทีผมกำลังค้นหา/คิดอยู่ แต่ผมกลับพบว่าไม่มีประโยชน์อย่างใดเลย หรือเป็นแนวความคิดที่สามารถเข้าใจเป็นอย่างดี ผมอาจจะต้องการเป็นคนร่ำรวยหรือเป็นคนอ่อนหัดกับชีวิต มากกว่าการใช้ชีวิตในอังกฤษ หรือ แน่นอนว่าคนเราสามารถใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกของทุนนิยมได้ และสิ่งที่ผมพบโดยบังเอิญคือคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย แต่ผมเริ่มจะเข้าใจในสิ่งที่พผมกำลังค้นหา และเมื่อทันทีทันใดที่ผมค้นพบคำศัพท์นั้น ผมเชื่อว่าผมต้องการจะอุทิศชีวิตส่วนที่เหลือของผมให้กับมัน คำว่า " rewilding " ทำให้เป็นผืนป่าอีกครั้ง และแม้คำว่า rewilding เป็นคำศัพท์ใหม่ แต่มันมีความหมายหลักเพียงสองประการ ![]() ไคโยตี ไคโยตี หรือ ไคโยต (สำเนียงอเมริกัน: /kaɪˈoʊt̬i/, kaɪˈoʊt หรือ โคโยตี สำเนียงบริเตน: /kɔɪˈəʊti/ จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสุนัขป่าชนิดหนึ่ง ในตระกูลสุนัขใกล้เคียงกับสุนัขบ้าน ไคโยตมักจะออกล่าเหยื่อเดี่ยว และในบางครั้งอาจจะพบเจออยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ ช่วงชีวิตของไคโยตประมาณ 6 ปี อยู่อาศัยบริเวณทุ่งราบ และพบได้ในทวีปอเมริกาเหนือ ไคโยตถูกพบเจอครั้งแรกบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา และแถบคอสตาริกา ซึ่งภายหลังไคโยตได้ขยายดินแดนขึ้นมาทางอเมริกาเหนือ ชื่อ ไคโยตี เป็นภาษาสเปนคำว่า โคโยเต coyote ที่มาจากประเทศเม็กซิโก ที่ยืมต่อมาจาก ภาษา Náhuatl ของชาวแอซเทค คำว่า cóyotl [ˈkojoːtɬ] ที่หมายถึง สุนัขร้องเพลง ที่มาของภาพและข้อมูล //th.wikipedia.org/wiki/ไคโยตี เราทุกคนรู้ว่าหมาป่าฆ่าสัตว์หลายชนิด แต่บางทีเราอาจจะไม่ค่อยตระหนักว่าพวกมันยังให้ชีวิตแก่ผู้อื่นเช่นกัน ก่อนที่นักอนุรักษ์จะคืนหมาป่ากลับสู่เยลโลว์สโตน พวกมันได้ถูกมนุษย์ล่าหายไปจากพื้นที่นี้เป็นเวลายาวนานถึง 70 ปี จนประชากรกวางในอุทยานฯ เพิ่มสูงขึ้นๆ เรื่อยๆ ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามหาทางควบคุมจำนวนกวางอย่างไร ฝูงกวางก็ยังสามารถลดปริมาณพืชพรรณจนแทบไม่เหลืออะไรเลย มันเล็มกินไปจนหมด แต่ทันทีที่หมาป่ากลับคืนมา แม้ในจำนวนน้อยนิด มันก็เริ่มส่งผลกระทบอย่างน่าทึ่ง แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือหมาป่าฆ่ากวางกิน แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ สำคัญกว่านั้นคือมันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกวาง ฝูงกวางเริ่มหลีกเลี่ยงพื้นที่บางแห่งในอุทยานฯ ที่ที่มันจะไม่โดนต้อนจนมุมได้ง่าย โดยเฉพาะตามหุบเขาและโตรกเขา พื้นที่เหล่านี้ก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นทันที บางแห่งต้นไม้สูงขึ้นถึง 5 เท่าภายในเวลาแค่ 6 ปี ไหล่หุบเขาที่โล่งเตียนแปรสภาพฟื้นคืนเป็นป่าต้นแอสเปิน หลิว และคอตตอนวูดอย่างรวดเร็ว ![]() นกอินทรี ![]() นกอินทรีหัวขาว กำลังกินอาหารร่วมกับ กา เมื่อป่าฟื้นขึ้น นกก็เริ่มเข้ามา จำนวนนกเพลง นกอพยพ เพิ่มขึ้นมากมาย จำนวนตัวบีเวอร์ก็เพิ่มขึ้นด้วย เพราะบีเวอร์กัดกินต้นไม้ และเช่นเดียวกับหมาป่า บีเวอร์เป็นวิศวกรผู้สร้างระบบนิเวศ มันสร้างสรรค์ที่ทางให้แก่ชีวิตอื่น ฝายที่มันสร้างบนแม่น้ำให้แหล่งอาศัยหากินแก่นาก มัสแครต เป็ด ปลา สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก หมาป่ายังฆ่าไคโยตี ส่งผลให้จำนวนกระต่ายและหนูเพิ่มขึ้น (ไคโยตี เป็นสัตว์นักล่าตัวฉกาจกับกระต่ายและหนู) ซึ่งหมายถึงการเพิ่มจำนวนของสัตว์ผู้ล่าขนาดกลางอย่างเหยี่ยว วีเซิล หมาจิ้งจอก และแบดเจอร์ กาและอินทรีหัวขาวก็ลงมากินซากสัตว์ที่หมาป่าเหลือทิ้งไว้ หมีก็ได้กินซากเช่นกัน และจำนวนประชากรของมันก็เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีผลไม้จำพวกเบอร์รีมากขึ้นจากไม้พุ่มที่ฟื้นตัวขึ้นมา และหมีก็เสริมบทบาทเดียวกับหมาป่าด้วยการฆ่าลูกกวางจำนวนหนึ่ง ![]() มัสเครต ที่มาของภาพ wikipedia.org ![]() วีเซิล ![]() หมาจิ้งจอก ![]() แบตเจอร์ ![]() ฝูงหมีกำลังกัดกินซากสัตว์ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ หมาป่าได้เปลี่ยนพฤติกรรมของแม่น้ำ(ทิศทาง/กระแสน้ำที่ไหล) จากที่เคยไหลบ่ากระจัดกระจาย มันเริ่มตวัดคดเคี้ยวน้อยลง กัดเซาะน้อยลง ลำน้ำแคบลง เกิดวังน้ำมากขึ้น เกิดช่วงแก่งน้ำมากขึ้น ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นถิ่นอาศัยหากินสำหรับชีวิตป่าหลากหลายชนิด แม่น้ำปรับเปลี่ยนตอบสนองหมาป่า เพราะป่าฟื้นฟูขึ้นมายึดริมฝั่งน้ำ มันจึงไม่ทลายลงบ่อยๆ เหมือนเดิม ลำน้ำเริ่มไหลตามร่องคงตัวมากขึ้น ผนวกกับการที่ฝูงกวางถูกไล่ล่าออกไปจากบางพื้นที่ พงพืชบนไหล่ทางฟื้นตัวขึ้นมาได้ หน้าดินก็ถูกกัดเซาะน้อยลง เพราะมีพืชยึดเอาไว้ ![]() แม่น้ำที่มีพุ่มไม้ข้างลำน้ำเกาะยึดที่ดินไว้ ด้วยประการฉะนี้ หมาป่าจำนวนน้อยนิดจึงไม่เพียงแต่แปรเปลี่ยนระบบนิเวศ ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน หากยังรวมไปถึงกายภาพของภูมิประเทศนี้ด้วย ![]() ปลาวาฬประเภทกินแพลงตอนเป็นหลัก ที่มาเยือนเมืองไทย ที่มาของภาพ Thon Thamrongnawasawat ปลาวาฬในมหาสมุทรตอนใต้ก็มีผลกระทบที่หลากหลายเช่นกัน หนึ่งในข้อแก้ตัวที่อ้างเหตุผลมากมายของรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับการล่าปลาวาฬ คือสิ่งที่รัฐบาลของพวกเขามักจะกล่าวว่า " แน่นอนว่าจำนวนปลาและกุ้งเคยจะเพิ่มขึ้น และจะมีมากขึ้นเพียงพอสำหรับคนที่จะกิน " แน่นอนนี่คือ ข้อแก้ตัวที่โง่เขลามาก
เพราะการเรียงลำดับที่ผิดพลาดของห่วงโซ่อาหาร สิ่งที่คิดว่าปลาวาฬจำนวนมากที่กินปลาและกุ้งเคย ดังนั้นจึงต้องกำจัดปลาวาฬไปเสีย
แต่ผลตรงกันข้ามกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตายของปลาวาฬจะทำให้เกิดการล่มสลายของกุ้งเคย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะปลาวาฬมีความสำคัญต่อความยั่งยืนของระบบนิเวศทั้งหมด และหนึ่งในเหตุผลนี้คือ ยิ่งปลาวาฬกินพวกกุ้งเคยจำนวนบ่อยครั้ง
หลังจากนั้นปลาวาฬจะว่ายมาถึงพื้นผิวท้องทะเลที่ระดับความลึก แล้วถ่ายของเสียที่นักชีววิทยาเรียกว่า อุจจาระในรูปขนนกขนาดใหญ่(ปลิวกระจุยกระจาย) อุจาระของปลาวาฬ
ที่จะกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอน จะแพร่กระจายอย่างมากบนพื้นผิวท้องทะเลและเพิ่มมากขึ้น
ตามจำนวนอาหารที่กิน ในเขตที่มีแสงแดดเพียงพอที่จะเกิดการสังเคราะห์แสงในพื้นที่ จากแพลงก์ตอนเป็นห่วงโซ่อาหารระดับล่างสุดของระบบนิเวชวิทยา การกระตุ้นการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนจำนวนมหาศาล จะ
เป็นการให้อาหารปลาและกุ้งเคยจำนวนมากเช่นกัน ส่วนแพลงตอนส่วนที่เหลือทั้งหมดที่หลุดรอดจากการถูกกิน จะลอยขึ้นบนผิวน้ำมหาสมุทรเพื่อขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ และเรื่องที่น่าสนใจคือ คนเรารู้ว่าแพลงก์ตอนเป็นพืชในมหาสมุทร ที่ดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ ยิ่งจำนวนพืชแพลงก์ตอนมากขึ้นการดูดซับคาร์บอนยิ่งมากขึ้น และในที่สุดพวกมันจะจมดิ่งลงในพื้นผิวมหาสมุทร แต่ก็ได้ดุดซับคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ แน่นอน เมื่อปลาวาฬเป็นสัตว์โลกในประวัติศาสตร์ พวกมันอาจจะมีส่วนเป็นผู้รับผิดชอบจำนวนหลายสิบล้านตันของคาร์บอน ในชั้นบรรยากาศในทุก ๆ ปี
![]() แพลงตอนประเภทต่าง ๆ ที่มา wikipedia.org และเมื่อคุณลองคิดดูในเรื่องมันเหมือนกับว่า เมื่อสักครู่นี้ที่หมาป่าเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์ ทางกายภาพของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ที่นี่ปลาวาฬก็เช่นกันเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศ คุณจะเริ่มเห็นว่าเป็นหลักฐานที่สนับสนุน เจมส์ เลิฟล็อก ในสมมติฐานของ Gaia
คุณจะเข้าใจว่าโลกเกี่ยวพันกัน มีการควบคุมสิ่งมีชีวิตซึ่งกันและกันเป็นจุดเริ่มต้น ของระบบนิเวศในระดับเหมาะสมและค่อย ๆ สะสมในระยะยาว น้ำตกของห่วงโซ่อาหารในป่าเขตร้อนได้บอกให้เราทราบว่า โลกธรรมชาติเป็นเรื่องที่น่าสนใจและสลับซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด เพราะว่ามันได้บอกเราว่าเมื่อคนเราได้กำจัดสัตว์ป่าจำนวนมาก
คนเรากำลังจะเหลือระบบนิเวศที่แตกต่างกันอย่างรุนแรง ในการคงไว้สัตว์ป่าเพียงบางประเภท
ในมุมมองของผมเป็นการขาดหายไปของสิ่งมีชีวิตบางประเภทเช่นกัน การนำผืนป่ากลับคืนมาอีกครั้ง ผมหมายความว่าให้นำพืชและสัตว์ที่หายไปกลับมาในพื้นที่อีกครั้ง ในบางแห่งของพื้นที่ท้องทะเล เพื่อปกป้องธุรกิจประมงเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ มีการสร้างโพงพาง/ยอ/อวนล้อม/กระชัง นั่นหมายความว่าเป็นการสกัดกั้นร่องระบายน้ำทะเล (มีผลต่อการไหลเวียนของกระแสน้ำและการหากินของสัตว์น้ำ) แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องคิดแบบกลับหัว ด้วยมุมมองของของระบบนิเวศที่ถูกต้อง
สายพันธุ์ต่าง ๆ จะมีลักษณะที่ไม่เหมือนใคร
ไม่ได้หมายความว่า การที่คนเราพยายามที่จะสร้าง ป่า ทุ่งหญ้า ป่าฝน สวนป่า ปะการัง สาหร่ายทะเล แนวปะการัง ผมคิดว่าปล่อยให้ธรรมชาติตัดสินใจค้ดสรรเองจะดีกว่า ธรรมชาติโดยส่วนมากแล้วจะมักมีเรื่องที่ที่ดีงามในการคัดสรร
ตอนนี้ผมกล่าวถึงถึงนิยามที่สองของคำว่า rewilding รื้อฟื้นป่าใหม่อีกครั้ง ที่เป็นเรื่องที่ผมสนใจ นิยามที่สองคือ
rewilding คือ การ rewilding ชีวิตมนุษย์ และผมมองไม่เห็นทางเลือกของอารยธรรม ผมเชื่อว่าคนเราได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง ในขณะที่คนเรากำลังทำ/ใช้อยู่ในทุกวันนี้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าคนเราเลือกที่จะเข้าถึง ความมั่งคั่งและการมีชีวิตอยู่กับการผจญภัยในป่า เมื่อคนเราต้องการจะทำเช่นนั้น เพราะเหตุผลของความมหัศจรรย์ และการดำรงอยู่ของความเป็นผืนป่าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และสำหรับทุกวันนี้เป็นโอกาสของการพัฒนาผืนป่าอย่างรวดเร็ว มีการพัฒนาไปได้มากขึ้นกว่าที่คุณจะคาดคิด มีเรื่องหนึ่งที่มีการประมาณการที่ชี้ให้เห็นว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา สองในสามของที่ดิน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผืนป่าและมีการแผ้วถางทำเป็นพื้นที่ว่าง/เกษตร ตอนนี้เริ่มกลายผืนป่าใหม่อีกครั้ง ด้วยความร่วมมือของบรรดาคนตัดไม้และเกษตรกร ได้ยุติกิจกรรมดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางทิศตะวันออกของประเทศสหรัฐ แต่มีอีกกรณีหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่า 30 ล้านเฮกตาร์ที่ดินในยุโรป พื้นที่ขนาดของประเทศโปแลนด์ ประมาณการกันว่า จะมีการแผ้วถางทำเกษตรโดยเกษตรกร ระหว่างปี 2000 ถึงปี 2030 ![]() กุ้งเคยประเทศไทย ที่นำมาทำกะปิเคย ที่มาของภาพ //goo.gl/ky8eiz กับ //goo.gl/6p3MZv ตอนนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับโอกาสเช่นนั้น ดูเหมือนเป็นความทะเยอทะยานอย่างหนึ่ง
ที่จะคิดนำ หมาป่า, ลินซ์, หมี, บีเวอร์ , กระทิง , หมูป่า , กวาง และทุกสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว กลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนที่จะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งยุโรป บางทีคนเราควรเริ่มต้นคิดเกี่ยวกับการกลับคืนมาของ สัตว์ประจำท้องถิ่น/พื้นเมือง
จำนวนมากมายที่หายไปจากประเทศของเรา อะไรคือ สัตว์ประจำท้องถิ่นจำนวนมาก
แน่นอนทุก ๆ ทวีป จะมีสัตว์ประเภทนี้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง นอกเหนือจากทวีปแอนตาร์กติกา เมื่อจัตรัสทราฟาลการ์ Trafalgar Square ในลอนดอน ถูกขุดค้นอย่างระมัดระวังเพื่อหาโบราณวัตถุ ภายใต้กรวดของแม่น้ำมีการค้นพบว่าเต็มไปด้วยกระดูกของ ฮิปโป , แรด , ช้าง, หมาไฮยีน่า, สิงโต ใช่เลย ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี มี สิงโต อยู่ใน Trafalgar Square มานานแล้ว ก่อนที่จะเสาหินอนุสาวรีย์แม่ทัพเรือเนลสัน Nelson's Column จะถูกสร้างขึ้น ![]() Trafalgar Square ![]() Nelson's Column ที่มาของทั้งสองภาพ wikipedia.org มีสัตว์ทุกสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่ที่นี่ ในช่วงเวลาสุดท้าย ช่วงอบอุ่นระหว่างยุคน้ำแข็ง interglacial อุณหภูมิค่อนข้างดีคล้าย ๆ กับของพวกเราในตอนนี้ แต่ไม่ใช่เพราะสภาพภูมิอากาศที่กำจัดสัตว์พื้นเมืองจำนวนมาก แต่มาจากแรงขับเคลื่อนของประชากรมนุษย์ ที่ทำการล่าสัตว์และทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมันจนสูญพันธ์ุ และนอกจากนั้น คุณยังสามารถเห็นเงาในอดีตของ เหล่าสัตว์พื้นเมืองเหล่านี้ที่หลงเหลือมา จนถึงระบบนิเวศของเราในปัจจุบัน ทำไมต้นไม้ที่ผลัดใบจำนวนมากสามารถที่จะแตกหน่อ จากจุดที่ลำต้น/กิ่งไม้ของมันหักเสียหาย ทำไมต้นไม้ยังสามารถทนต่อการสูญเสียของเปลือกไม้จำนวนมาก ทำไมต้นไม้ระดับล่าง(ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นร่มเงา) จึงต้านแรงลมน้อยกว่าและมีน้ำหนักใบเบากว่าต้นไม้ใหญ่ ทำไมต้นไม้พวกนี้จึงเหนียวและยากที่จะทำลายมากกว่าต้นไม้ใหญ่ที่เป็นร่มเงา คำตอบคือ ช้าง มีการปรับปรุงสายพันธ์วิวัฒนาการช้างในยุโรป ดังนั้นต้นไม้จึงมีพัฒนาการปรับตัวเพื่อรับมือกับช้างยุโรป (สัตว์มีงาคู่ตรง/โค้ง Elephas antiquus) แม้ว่าช้างยุโรปจะเกี่ยวข้องกับช้างเอเชีย แต่มันก็เป็นสัตว์ป่าในเขตอบอุ่นที่จำต้องมีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชีย ทั้งนี้ยังมีบางส่วนของพุ่มไม้ที่มีหนามแหลมคม ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการออกแบบมาเพื่อต่อต้านการกัดกินของ กวาง หรือบางทีพุ่มไม้เหล่านั้นพัฒนาขึ้นมาเพื่อต่อต้าน แรด มันไม่ได้เป็นความคิดที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ทุกครั้ง ที่คุณเดินเข้าไปในสวนสาธารณะหรือเดินลงบนถนน หรือเส้นทางร่มเงาของต้นไม้ข้างทาง คุณจะสามารถมองเห็นร่มเงาในอดีตของสัตว์พื้นเมืองเหล่านี้
บรรพชีวินวิทยา คือการศึกษาระบบนิเวศที่ผ่านมาในอดีต มีความสำคัญต่อความเข้าใจของคนเราเอง ที่รู้สึกเหมือนการผ่านเข้าไปในอาณาจักรที่น่าหลงใหล และถ้าเรากำลังมองหาพื้นที่ดินสำหรับสัตว์พื้นเมืองเหล่านี้ ที่ผมกำลังพูดว่ามันเป็นไปได้ ทำไมเราไม่รื้อฟื้นคืนสัตว์พื้นเมืองบางประเภทที่หายไปของเรา หรืออย่างน้อยสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสัตว์ที่หาได้แทบทุกที่
ทำไมพวกเราทั้งหมดจะควรจะมี Serengeti ที่หน้าประตูบ้านของ
(Serengeti พื้นที่ราบกว้างใหญ่ของประเทศแทนซาเนีย ฝั่งตะวันตกของหุบเขา Great Rift Valley มีชื่อเสียงและรู้จักกันดีในเรื่องชีวิตสัตว์ป่า) ![]() ปลาวาฬ และภาพขณะกำลังขึ้นมาหายใจเหนือน้ำ ที่มาของภาพ wikipedia.org กับ tonywublog.com ![]() ปลาวาฬเพชรฆาต กินสัตว์น้ำทุกชนิด ที่มาของภาพ wikipedia.org และนี่คือบางทีเรื่องสำคัญที่สุดที่การ rewilding ที่กำลังเรียกร้องพวกเรา จากสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ขาดหายไปจากชีวิตของพวกเรา มันคือ ความหวัง ในการกระตุ้นให้คนเรารักและปกป้องโลกธรรมชาติ ความหวังที่มีมูลค่าเพียงหนึ่งออนซ์ย่อมมากว่าความสิ้นหวังหนึ่งตัน เรื่องราว rewilding นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ ที่ไม่จำเป็นเสมอ ไปที่ต้องไปในทิศทางเดียวเท่านั้น มันได้นำเสนอพวกเราว่า ฤดูใบไม้ผลิที่แสนเงียบเหงาของเรา สามารถจะถูกแทนที่ด้วยฤดูร้อนที่มีเสียงอึกทึกวุ่นวายมีชีวิตชีวา ![]() หลังสำเร็จการศึกษาสัตว์วิทยาจากอ็อกฟอร์ด George Monbiot ได้ทำงานที่ BBC ในสายงานประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ทำเรื่องเกี่ยวกับโครงการสำรวจสิ่งแวดล้อม ที่ชนะรางวัล Sony Award เขาต้องทำงานไกลจาก BBC เพื่อใช้เวลาถึงหกปีในพื้นที่ป่าเขตร้อน สำรวจโครงการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของชาวอินโดนีเซีย (ช่วงพัฒนาพื้นที่ป่าเป็นเกษตรกรรม/อุตสาหกรรม) เขาต้องเดินเท้าและนั่งเรือแคนนูข้ามฝั่งตะวันตกของปาปัว West Papua เขาเคยหลงทางในป่า จนต้องกินแมลงและหนูเพื่อความอยู่รอด และเกือบตายเพราะโดนตัวต่อหลุมกัดในครั้งหนึ่ง ในการลงพื้นที่ตรวจสอบ/สำรวจการขับไล่ชนพื้นเมืองที่บราซิล (บริเวณผืนป่าอเมซอนเพื่อทำเกษตรกรรมขนาดใหญ่ของนายทุน) เขาถูกทุบตีโดยคนถือปืนและเกือบถูกยิงโดยสารวัตรทหาร โครงการกระจายเสียงทางวิทยุเกี่ยวกับการรับมือกับ การทุบตีทำร้าย/ซ้อมอย่างทรมานของตำรวจที่ Maranhão มีการเผยแพร่เป็นเวลาหลายปีในหลักสูตรฝึกอบรม เรื่องสุขภาพและความปลอดภัยที่ BBC ตัวอย่างเช่น อะไรที่ไม่ควรทำ เมื่อกลับมาที่สหราชอาณาจักร เขาได้ก่อตั้งการรณรงค์เรื่องสิทธิในที่ดิน ที่ดินเป็นของพวกเรา เขาเริ่มเขียนคอลัมในหนังสือพิมพ์ the Guardian หนังสือเล่มอื่นของเขามี Amazon Watershed, Captive State, The Age of Consent and Heat หมายเหตุ มีหนังสืออีกเล่มที่มีแนวคิดคล้ายกับ George Monbiot แต่ลึกซึ้งและกว้างขวางกว่า เขียนเป็นนิยายค่อนข้างยาวแต่อ่านสนุก ![]() Credit : สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ เรียบเรียงจาก //thaipublica.org/2014/03/how-wolves-change-rivers/ //www.ted.com/talks/george_monbiot_for_more_wonder_rewild_the_world# //www.ted.com/talks/george_monbiot_for_more_wonder_rewild_the_world/transcript (สำหรับผู้ต้องการฟังพร้อมกับภาษาอังกฤษ) //translate.google.co.th/#en/th/ //dict.longdo.com |
บทความทั้งหมด
|