10 เหตุผลที่ยังไม่สิ้นโลก ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012วันนี้วันที่ 8 ธันวาคม 2012
คุณยังมีชีวิตอยู่ได้อีก 13 วัน จนถึงสิ้นโลก
ตามการคาดการณ์ของ
ปฏิทินโบราณของชาวมายันแม้ว่าองค์การนาซาและรัฐบาลสหรัฐ
ได้แจ้งข่าวเรื่องนี้ให้ชัดเจนแล้วว่า
ข่าวลือทั้งหมดที่แพร่หลายเป็นเท็จ
แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้ง
ผู้คนบางส่วนที่เตรียมตัวกับ
วันสิ้นสุดโลกที่ใกล้เข้ามาแล้ว
โปรดจดจำไว้ว่า
วันโลกาวินาศ มีศาสดาหลายนิกายได้ทำนาย
วันสิ้นสุดโลกมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว
โชคดี ที่วันเหล่านี้ไม่เคยมาถึง
และโลกก็ยังหมุนรอบตัวเองตามปกติ
เพื่อพิสูจน์หลักฐานนี้ถึงความเชื่อเรื่อง
วันสิ้นโลกมีกรณีตัวอย่างที่อีกสองสัปดาห์
ที่วันสิ้นโลกจะมาถึง
มีข้อมูลรวบรวมได้มาถึง 10 วัน
ที่ประกาศว่าเป็นวันสิ้นโลก
แต่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
หมายเหตุ วันสิ้นโลก วันโลกาวินาศ วันมหาปลื้มปิติ
วันพิพากษา วันที่พระเยซูกลับมาอีกครั้ง คือ
วันที่มีความหมายเดียวกัน
,
1000 A.D.นักบวชศาสนาคริสต์เชื่อว่า ปี 1000
จะเป็นการกลับมาของพระเยซูในครั้งที่สอง
เพื่อเตรียมต้อนรับการมาของพระองค์
ชาวบ้านหลายคนสละทิ้งข้าวของทั้งหมด
ลาออกงาน/เลิกทำงาน แล้วทิ้งบ้านให้ร้าง
เมื่อวันนั้นมาถึงและยังไม่ใช่วันสิ้นโลก
ชาวบ้านกลุ่มนั้นกลับคิดไปว่าวันสิ้นโลกใกล้จะมาถึงแล้ว
แต่พวกเขาคำนวณอายุของพระเยซูผิดไป
แล้วคิดใหม่ว่าวันสิ้นโลกจริงจะจบลงในปี 1033
นี้คือสิ่งที่เรารู้ และมันเป็นเรื่องผิดอย่างมหันต์ทีเดียว

1 กุมภาพันธ์ 1524โหราศาสตร์ลอนดอนสร้างความวิตกกังวล
ให้กับประชาชนเป็นอย่างมากเมื่อตีความว่า
การเรียงตัวของดาวเคราะห์ในราศีมีน งู (ปลา)
หมายถึงวันสิ้นโลกด้วยน้ำท่วมใหญ่
คนนับหมื่นหาที่หลบภัยบนที่สูง
บางคนถึงกับสร้างเรือขนาดใหญ่(แบบโนอา)
เื่พื่อเตรียมอพยพหนีน้ำท่วมโลก
แต่น้ำไม่เคยท่วมโลกเลย

19 พฤษภาคม 1780วันที่ 19 พฤษภาคม 1780
ความมืดครึ้มปกคลุมทั่วนิวอิงแลนด์
เป็นแรงกระตุ้นกลุ่มศาสนาที่รู้จักกันในชื่อ
Shakers เชื่อว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงแล้ว
แม้ว่าท้องฟ้าจะมีสีดำผิดปกติ
ต่อมารู้จักกันและเรียกว่า
วันมืดมันเกิดขึ้นมาจากการผสมผสานของ
ควันไฟจากไฟไหม้ป่าและกลุ่มหมอกที่หนาทึบ
ส่งผลให้นักบวชในทุกนิกายศาสนา
ต้องมีภารกิจที่จะเผยแพร่ข้อความ
ให้ชาวบ้านเร่งรีบรักษาพรหมจรรย์ไว้
(สำนึกบาปและไถ่บาปกับนักบวช)
จึงจะเป็นการล้างบาปได้
(จะได้ไม่ต้องถูกตัดสินโทษ
ในวันพิพากษาโลก/วันสิ้นโลก
ตามคำสอนของศาสนาคริสต์)

21 มีนาคม 1844William Miller วิลเลียม มิลเลอร์
หลอกลวงสาวกจำนวนมาก หรือ
Milleritesเมื่อเขาประกาศว่าวันสิ้นโลก
จะอยู่ระหว่าง 21 มีนาคม 1843 และ 21 มีนาคม 1844
เมื่อครบวันประกาศแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จึงย้ายวันไปเป็น 22 ตุลาคม 1844
หลังจากพระเยซูไม่กลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง
(รู้จักกันดีว่า
Great Disappointment-ความผิดหวังอย่่างแรงส์ส์ส์)
พวก
Millerites ที่เหลือบางส่วน
เลิกนับถือผู้สอนศาสนา
Millerและไปตั้งนิกายใหม่กันเองชื่อ
Seventh Day Adventists
ดาวหาง ฮัลเลย์ 19 พฤษภาคม 1910 ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 จะมาถึง
นักดาราศาสตร์ได้ทำการศึกษา
และรู้ว่าหางของดาวหางมี
ก๊าซพิษที่เรียกว่า
cyanogens ไซยานอเจนส์
การค้นพบนี้ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างกว้างขวาง
ในปี 1910 เมื่อชาวบ้านรู้ว่าโลกกำลังจะโคจร
ผ่านหางของ
ดาวหางฮัลเลย์ที่ยาวมาก
แม้ว่านักวิทยาศาสตร์สรุปเห็นพ้องต้องกันว่า
สิ่งมีชีวิตในโลกไม่ตกอยู่ในอันตรายแต่อย่างใด
แต่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
รวมทั้งฉบับที่น่าเชื่อถือมากที่สุด
Newyork Times นิวยอร์กไทม์
กลับเล่นกับข่าวความเชื่องมงายเรื่องนี้
และระบุว่าวันสิ้นโลกใกล้มาถึงแล้ว
แน่นอนเลยว่า
ไม่มีอะไรที่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับ
ก๊าซพิษของดาวหาง
เพราะมันไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศของโลกได้
และปริมาณก๊าซไม่เพียงพอ
ที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับโลกได้แต่อย่างใด

1914ในปี 1876
Charles Taze Russell ชาร์ลส์ ทาซี่ รัสเซล
ผู้ก่อตั้งนิกายพยานของพระเจ้า
Jehovah's Witnessesทำนายว่าพระเยซูจะกลับมาในปี 1914
แต่คำทำนายล้มเหลว
เขาก็ยังไม่ละความพยายาม
ที่จะำทำนายอีกอย่างน้อยเจ็ดครั้ง
ว่าวันสิ้นโลกจะมาึถึงอีก
แต่จะมาในวันอื่น ๆ แทน
แต่วันสิ้นโลกยังไม่เคยมาถึง
กลุ่มนี้มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดีที่สุด
คือการเผยแพร่ศาสนาคริสต์
แบบเคาะประตูบ้านต่อบ้าน
ทั้งยังเป็นกลุ่มที่ปฏิเสธการบริจาคเลือดให้คนอื่น
และการรับการถ่ายเลือดจากคนอื่น

1936 1943 1972 และ 1975 ผู้ก่อตั้งคริสตจักรสากลของพระเจ้า
Worldwide Church of God เฮอร์เบริท ดับบิว. อาร์มสตรอง
Herbert W. Armstrongได้บอกกับสมาชิกคริสตจักรสากลของเขาว่า
วันมหาปลื้มปิดิจะเกิดขึ้นในปี 1936
มีแต่สาวกของเขาเท่านั้นที่จะรอดชีวิต
แม้ว่าคำทำนายจะผิด
เขาก็ยังเปลี่ยนคำทำนายอีกถึงสามครั้ง
แต่ก็ยังผิดพลาดทุกครั้ง

10 มีนาคม 1982ในปี 1974 นักฟิสิคส์ดาราศาสตร์ จอห์น กริบบิน
John Gribbin กับ สตีเฟ่น เพลกมานน์
Stephen Plagemann ได้ตีพิมพ์ผลงานระบุว่า วันที่ 10 มีนาคม 1982
ดาวเคราะห์ทุกดวงจะจัดเรียงตัว
โดยวงโคจรจะอยู่ในระนาบเดียวกันกับดวงอาทิตย์
จะสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อแรงโน้มถ่วง
จะนำไปสู่การเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ในตอนหลังหนังสือเล่มนี้ถูกเรียกชื่อว่า
กลับมาเถิด ภัยพิบัติดาวจูปิเตอร์

Y2K (1 มกราคม 2000)
ไม่มีใครแน่ใจได้จริง ๆ ว่า
อะไรเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2000
เว้นแต่ว่ามีการกักตุนน้ำดื่มและน้ำขวดให้เพียงพอ
แบตเตอรี่/ถ่านไฟฉายสำรอง และอาวุธปืน
ความวิตกกังวล คือ
การที่คอมพิวเตอร์ทั่วโลกจะไม่เข้าใจปี
00มันจะอ่านเป็นปี
1900 แทนปี
2000 การเข้าใจผิดนี้จะทำให้ระบบเทคโนโลยี
ที่ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกพังแบบนี้พังยับเยิน
(เพราะย้อนหลังตัวเลขไปอีกพันปี
การคำนวณต่าง ๆ จะผิดพลาดไปหมด)
แล้วสหัสวรรษก็มาถึง
แล้วมันก็ผ่านพ้นไป
ชาวโลกทุกคนต่างเป็นปรกติดี
มีเพียงแต่คนไม่กี่คนที่ผิดหวัง
กับการต้องใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา
หลบอยู่ในหลุมหลบภัยในวันโลกาวินาศ

21 พฤษภาคม 2011แฮโรลด์ แคมป์
Harold Camping ประธานเครือข่ายวิทยุครอบครัว
Family Radio Networkสร้างความโกลาหลอย่างมากในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเขาทำนายว่าวันสิ้นโลกจะเกิดขึ้น
โดยแผ่นดินไหวและแผ่นดินจะม้วนตัว
หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ
วันมหาปลื้มปิติ หลังจากวันที่ 21 พฤษภาคม 2011 ผ่านไป
ไม่มีเทวดาสักองค์โผล่หัวขึ้นมา
ตามด้วยสัญญาณใด ๆ ของ
ไฟนรกโลกันต์และไฟจากกำมะถัน
(ตามทำนายของศาสนาคริสต์)
แต่ แคมป์ ยังเลื่อนวันสิ้นโลกออกไปอีก
เป็นวันที่ 21 ตุลาคม 2011
และยังไม่มีคำตอบว่า
ทำไมพวกเราทุกคนยังอยู่จนถึงทุกวันนี้
แม้ว่านักเทศน์วัย 90 ขวบ
จะได้ตัดสินใจที่จะหยุดการทำนายทั้งหมด
และลาออกจากตำแหน่งประธานเครือข่าย
หลังจากที่คาดการณ์วันสิ้นโลก
ครั้งที่สองผิดพลาดซ้ำอีกครั้ง

เรียบเรียงจาก Business Insider
//www.businessinsider.com/failed-doomsday-predictions-2012-12#
แต่วันสิ้นโลกก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น
นับว่าน่ายินดีนะคะคุณ ravio
โลกยังไม่สิ้นก็จริง แต่ก็มีเรื่องน่าห่วงอื่นๆอีกหลายอย่าง
อย่างเรื่องภาวะโลกร้อน ที่ควรช่วยกันไม่ให้ทำร้ายสิ่งมีชีวิตและโลกทีละนิดนะคะ
มีความสุขในวันหยุดค่ะ