Jadab Payeng's incredible story
Molai Woods, credit: Flickr
ทุกครั้งที่คนเราเริ่มต้นลงมือทำอะไรสักอย่าง
ความอยุติธรรมมักจะเป็นประจักษ์พยาน
คนเราไม่จำเป็นที่ต้องลดคุณค่าโอกาสของงานลงไป
ด้วยการไปกล่าวโทษ/ให้ร้ายใคร ๆ
เรื่องราวเหล่านี้ Jadav Payeng
ได้ตัดสินใจว่าบ้านของเขาในรัฐอัสสัมเขตภาคอีสาณ
ต้องการต้นไม้จำนวนมากเพื่อชีวิตสัตว์ป่า
เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นในปี 1979(2522)
เมื่อน้ำท่วมครั้งใหญ่ได้ทำลายโพรงดินทราย
ที่อยู่ของงู/สัตว์เลื้อยคลานเป็นจำนวนมาก
บริเวณหาดทรายใกล้บ้านพักของเขาตอนวัย 16 ปี
หลังจากน้ำท่วมลดลงแล้ว
Jadav Payeng พบว่าพื้นที่บนตลิ่งเต็มไปด้วย
สัตว์เลื้อยคลานที่นอนตายเกลื่อนกลาดไปหมด
เรื่องนี้ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย
" งูตายเพราะอากาศร้อน ไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงา
ผมนั่งลงแล้วร้องไห้ให้กับการตายของพวกมัน
มันเป็นฆาตกรรมหมู่
ผมได้ไปที่กรมป่าไม้แล้ว
ถามพวกเขาว่าจะปลูกต้นไม้ที่นั่นได้หรือไม่
พวกเขาตอบว่าไม่มีอะไรที่จะปลูกขึ้นได้เลยในบริเวณนั้น
แต่พวกเขาบอกว่าลองปลูกต้นไผ่ดูก็แล้วกัน
เรื่องนี้มันเจ็บปวดมาก แต่ผมก็เริ่มลงมือทำ
ไม่มีชาวบ้านคนไหนมาช่วยผมเลย
และไม่มีชาวบ้านคนใดที่สนใจเรื่องนี้ด้วย "
Jadav Payeng ตอนนี้วัย 47 ปีเล่าให้ฟัง
หลังจากเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
Jadav Payeng เริ่มฝังเมล็ดพืชตามสันทรายที่แห้งแล้ง
โดยรดน้ำตอนเช้าและตอนเย็นในช่วงกล้ายังอ่อน
รวมทั้งพรวนดินเมื่อต้นไม้เริ่มเติบโตขึ้นมา
ต้นไม้เหล่านี้ต่อมาได้กลายเป็นที่หลบภัยสำหรับสัตว์ป่า
มันต้องใช้เวลามากกว่า 30 ปีกับการทำงานหนักของเขา
ก่อนที่จะเป็นที่สนใจกันทั่วไปในระดับนานาชาติ
แต่มันใช้เวลาไม่นานเลยที่รัฐแห่งนี้
ได้รับประโยชน์มากมายจากป่าไม้ที่ปลูกขึ้นมาใหม่
Jadav Payeng ได้ปลูกป่าด้วยตนเองมากกว่า 1,360 เอเคอร์(3,400 ไร่)
ด้วยความกระตือรือล้นที่สนใจในเรื่องสมดุลของระบบนิเวศ
Jadav Payeng ได้จับมดแดงมาแล้วปล่อย
ให้มดแดงจำนวนมากแพร่กระจายไปในระบบนิเวศ
เพื่อสร้างธรรมชาติที่กลมกลืนสมดุลซึ่งกันและกัน
(ผสมเกสรต้นไม้/ป้องกันพืชจากแมลง/สัตว์มากัดกิน/อาหารนก)
ไม่นานนัก สันทรายน้อยชายฝั่งคลองเริ่มมีสภาวะแวดล้อมเหมาะสม
เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด
และป่าที่ปลูกขึ้นมาตอนนี้ชื่อว่า ป่าโมไล Molai
เป็นสวรรค์ของนกหลายชนิด กวาง แรด เสือ ช้าง
และสัตว์ป่าที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จำนวนหลายชนิด
หลังจากป่าไม้แห่งนี้ได้รับการสนใจจากต่างชาติแล้ว
ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของรัฐที่เคยละเลยไม่สนใจ
ต้องรีบเร่งมาสนใจป่าไม้แห่งใหม่นี้ในปี 2008
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาจึงเริ่มยอมรับว่า
ป่าไม้แห่งนี้ คือ หยดเหงื่อ/น้ำตาและแรงงานของ
Jadav Payeng คนเดียวโดยลำพัง
พวกเราประหลาดใจมากกับ Jadav Payeng
การที่เขาได้ทำงานหนักนานกว่า 30 ปีในการสร้างป่าใหม่
ถ้าเขาอยู่ที่ประเทศอื่นป่านนี้เขาเป็นวีรบุรุษของชาติไปแล้ว
Gunin Saikia ผู้ช่วยนักอนุรักษ์ป่าไม้ กล่าว
แม้ว่าการทุ่มเทกำลังกายกำลังใจของ Jadav Payeng
จะไม่ได้รับผลตอบแทนกลับมาในรูปตัวเงินแต่อย่างใด
แต่ได้ชาวบ้านและตัวเขาเองได้รับผลตอบแทนกลับมามากกว่า
ในการใช้ป่าชุมชน/การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและชีวิตสัตว์ป่า
รวมทั้ง Jadav Payeng ได้สร้างแรงบันดาลใจ
ให้กับผู้คนอีกจำนวนมากมายว่า
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีโอกาสลงมือทำงานแล้ว
พวกเขาต้องคิดเสมอว่าพลังการสร้างสรรค์
จะก่อให้เกิดผลลัพธ์สะเทือนกับโลกใบนี้ได้
เรียบเรียงจาก //www.trueactivist.com/this-indian-man-planted-an-entire-forest-by-hand/ //we-earth.blogspot.in/2013/07/indian-man-who-planted-forest.html //timesindia.indiatimes.com (april 1, 2012)
เรื่องราวของคนไทยนักปลูกป่าไม้ นายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ นักสู้ผู้สร้างป่า
//www.asoke.info/09Communication/Dharmapublicize/Kid/k166/014.html ลุงสอน กล้าศึก คนปลูกต้นไม้ แห่งบ้านโนนเสลา
//pttinternet.pttplc.com/greenglobe/2542/personal-04.html
แต่ก็ทำได้จริงๆ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่า