ศาลาคนเศร้า ![]() แดดเดือนเมษาช่างร้อนและทรมานน่าดู และดูเหมือนว่าแต่ละปี ความร้อนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ ตอนนี้ผมมานั่งจมอยู่ร้านกาแฟเจ้าประจำที่เชียงใหม่อีกครั้้ง จะว่าไปเกือบสองปีแล้วที่วนเวียนมาที่ นี่บ่อยๆ ตอนอยู่ต่างจังหวัดสมัยเรียน ม.ปลาย หนังสือหนึ่งที่ต้องหยุดอ่านและหยุดดูทุกครั้งคือ ศาลาคนเศร้า ณ ตอน นั้นสารภาพตามตรงว่า ยังไม่เคยอกหักหรือเข้าใจอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งีท่เฝ้าถามตัวเองเสมอว่า ทำไมคน เราถึงมีเรื่องเศร้า ทุกข์ การพลัดพรากได้มากมายก่ายกองขนาดนั้น จนกระทั่ง กระทั่ง..... วันหนึ่งได้มีโอกาสไปห้องน้องคนหนึ่ง น้องเขาเคยบอกว่าเขาเคยเอาเรื่องราวความรักของเขาไปลงในศาลา คนเศร้า พลันที่ได้ยินผมตลกและหัวเราะอย่างเสียมารยาท อะไรกันนี่ ในโลกที่อะไรๆมันทันสมัยไปหมด แล้วยัง จะมีใครบ้าจี้เขียนจดหมายตอบโต้กันอยู่อีก แต่ผมก็คาดผิดเพราะน้องเขายกกล่องจดหมายที่ถูกตอบกลับมาสอง กล่องใหญ่ๆ คนเหงาคนเศร้าไม่ได้ลดลงตามวันเวลาหรอกหรือ หัวข้อหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่ชวนใจหายคือ กรมไปย์รณีย์จะยุบส่วนการให้บริการด้านโทรเลข เพราะจำนวนผู้ใช้บริการ ส่วนนี้ลดลง หลังจากที่เปิดให้บริการมาเกือบ ร้อยสิบสามปี ช่างน่าเศร้าใจอะไรเช่นนนี้ ผมขออนุญาติน้องคนนั้นอ่านจดหมายเหล่านั้น นานหลายปีแล้วที่ผมไม่ได้เขียนจดหมายหาใคร และมีใครเขียนจดหมาย มาเล่าข่าวคราว จดหมายเกือบทั้งหมดคล้ายๆกันไม่มีอะไรแตกต่างหรือชวนให้น่าสนใจ ถ้าจดหมายเหล่านี้คือการเลือกใคร สักคน ผมคงไม่เลือกเพราะมันไม่มีความแตกต่าง เกือบทั้งหมดคล้ายก้อปปี้กันมา ไม่ว่าการแนะนำตัว คำพร่ำเพ้อเชยๆ หวานๆ และทั้งหมดมักจะลงท้ายด้วยการฝากเบอร์โทรศัพท์มือถือไว้ให้โทรไปหาแทนการเขียนจดหมายตอบโต้ไปมาแบบนี้ เอาเข้าจริงๆแล้ว ความมีเสน่ห์ของการเขียนจดหมายมันหดหายไปจริงๆแล้วหรือไงนะ ครั้งหนึ่งได้มีความรู้สึกดีกับคนไกลบางคน ความสันพันธ์เหมือนจะไปกันด้วยดี ไอ้จะโทรศัพท์หากันก็ไม่ไหว แพงเหลือเกิน จะ ออนเอ็มคุยกันก็หาเวลาว่างตรงกันไม่ค่อยได้ จนผมเสนอไอเดียว่า ขอเขียนโปสการ์ดไปบอกเล่าดีไหม? แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผล ที่เขาไม่อยากให้คนสนิทเพื่อนฝูงเหล่านั้น รู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา ดูมันช่างน่าเศร้าและขมขื่นเสียนี่กระไร "พี่อ่านแล้วรู้สึกยังไง" น้องเจ้าของห้องเอ่ยถาม หลังจากผมอ่านจดหมายนั้นจนหมดทุกฉบับ ผมเลือกเอาจดหมายสองฉบับนั้นแยก ออกมาด้วยที่มันแปลกและแตกต่างจากคนอื่นทั้งหมด "พี่ขอเบอร์คนนี้กะที่อยู่ได้ไหม " ผมเอ่ยถาม อะไรไม่รู้ที่ทำให้ผมอยากรู้จักคนสองคนนี้ นอกจากสำนวนและเนื้อหาที่เขาเขียนมาบอก เล่า และผมมีคำถามเตรียมไว้แล้วแหละสำหรับคนเศร้าและอาศัยจดหมายเป็นสะพานเชื่อความสัมพันธ์กะคนอื่น ไม่ใช่การจีบหรือเสน่หา แบบคนหนุ่มสาว แต่มันเหมือนเราได้เข้ามาเจอคนพันธ์เดียวกันก็เท่านั้นเอง ผมไม่เชื่อหรอกว่าความเหงาจะถูกบำบัดด้วยคนเหงา ยิ่งใกล้คนเหงาเท่าไหร่เรายิ่งจะเหงายิ่งขึ้น วันและเวลาต่างหากที่จะทำให้สิ่งเหล่า นั้นเจือจางพร้อมทั้งความแข็งแรงของหัวใจเราเป็นตัวหล่อหลอม วันนี้ผมไม่เหงา ไม่ใช่ไม่เคย เพียงแต่ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาแล้วต่างหาก ผมไม่ได้มีหัวใจที่เข้มแข็งมากกว่าคนอื่นๆ ทุกข์น้อยกว่าคนอื่น เพียงแต่ผมเลือก เลือกที่จะอยู่ห่างๆคนเหงาเหล่านั้นต่างหาก แล้วนี่ผมเลือกที่เหงาอีกหรอกหรือถึงเลือกที่จะเข้าใกล้คนเหงาเหล่านั้น นั่นสินะ มนุษย์บางครั้งก็ช่างเขลาแสนเขลา รู้ทั้งรู้ แต่ก็..นะ |
บทความทั้งหมด
|