รักบนสายรุ้ง ตอนที่ 6 ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับกระรอกหรือแม้แต่รุจน์เอง เพราะผมเองก็ไม่รู้เลยว่างานจะออกมา หน้าตายังไง แบบไหน การแต่งตัวเซ็กซี่เปลือยแผ่นอกต่อหน้าคนเยอะแยะเป็นงานที่ท้าทายและแปลกใหม่สำหรับผมเช่นกัน แต่มันก้เป็น จุดพลิกผันทำให้ผมเจอคนเยอะแยะโลกของผมก็กว้างขึ้นตามตัว พี่โจดูเหมือนจะพอใจผมอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็หวั่นใจลึกๆเพราะเป็นครั้งแรกของผม "มันอยู่ที่เราวางตัวหรอกนะต้นน้ำ ว่าเราจะวางตัวยังไง" พี่เขาบอกผมตอนที่ผมถามแกไปว่า คนในงานจะมองเรา แบบไหน ไม่ใช่มาลวนลามหรือแทะโลมเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งทุกคนต้องมาซ้อมกันก่อน 5 โมงเย็นพร้อมแต่ง หน้าทำผม นายแบบ 5-6 คนหุ่นดีจนผมแอบวาบหวามไม่ไหว ดูต่างคนต่างไม่สนใจใคร ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับมุม ของแต่ละคน ขณะที่ผมเก้ๆกังๆ ผมปิดมือถือเพราะกลัวกระรอกหรือรุจน์จะโทรหาแล้วผมไม่รับสาย ไม่อยากหาคำ มาแก้ตัว.. "ทำงานครั้งแรกหรือครับ" ชายหนุ่มหน้าตาสะอาด จมูกโด่ง ตาโตทักทายผมอย่างเป็นกันเอง "ผมชื่อเรย์ " เขายื่นมือมาทักทายผมแบบสากลทั่วไป "ผมต้นน้ำครับ ยินดีที่รู้จักครับ " ผมทักตอบ "เลิกงานแล้วเจอกันครับ " เขายิ้มและหันไปสนใจเล่นเกมส์ต่อไม่สนใจผมสักนิดเดียว งานเริ่มตอนทุ่มเศษๆด้วยการปรากฏกายของพวกพริตตี้หนุ่ม 6 คน ตามเนื้อตัวถูกเพนท์ด้วยสีและชื่อของยี่ห้อเหล้า กางเกงเลตัวโปร่งบางนั้นถูกดึงลงไปต่ำจนเห็นขนรำไร เสียงเพลงพร้อมแสงแฟลชกระพริบแว้บวับจนลายตา พร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดกร๊าดของชายหญิงกลุ่มใหญ่ข้างเวที เรย์คงสังเกตเห็นอาการประหม่าและตื่นเวทีของผมจึงขยับเข้ามาใกล้ๆพร้อมทั้งยิ้มให้กำลังใจลีลาการเดิน การยิ้มและ การวางตัวของเรย์ดูเป็นธรรมชาติแต่แฝงด้วยความโดดเด่น ถ้าเขาได้คนสนับสนุนดีดี เขาคงโด่งดังได้ไม่ยาก งานเลี้ยงเลิกราเอาตอนเกือบ 5 ทุ่ม พี่โจพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวและจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับงานนี้แถวทองหล่อ.. "ต้นน้ำนี่ก็ไม่เบานะ เห็นข้างนอกก็งั้นๆ ที่ไหนได้พอถอดเสื้อออกแล้ว อึ๋มบึ้มไม่เบาเชียวนะ" เสียงแหลนๆของพี่โจดังทั่วโต๊ะ ทำผมอายแทบมุดลงใต้โต๊ะ เรย์นั่งตรงข้ามกับผมยิ้มพลางกวาดสายตามองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ ผมไม่อยากคิดไปเอง แต่จากแววตาที่เขามองมาที่ผมแล้ว ผมพอดูออกว่าเขาพอใจผมแค่ไหน... "นายกลับยังไงต้นน้ำ" เรย์น่ะเองเอ่ยถามผมขณะทุกคนกำลังแยกย้ายกลับบ้าน "คงแท็กซี่มั้งครับ "ผมตอบ " งั้นกลับรถผมดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปส่ง" เขาอาสาพร้อมเดินนำหน้าไปยังลานจอดรถ... รถ บีเอ็มดับบิวคันหรูของเขาจอดเด่น นี่แสดงว่าฐานะที่บ้านเขาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ... "ผมมาทำเอาประสบการณ์น่ะครับ เพิ่งจบเอง รอเวลาไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก" เขาบอกผม ขณะเห็นผมอึ้ง "นายชอบงานด้านนี้หรือ" เรย์ถามผม "เปล่าครับ แค่อยากลองดู" ผมตอบเขา "อย่าหลงแสงสีและสิ่งยั่วยวนล่ะกันครับ " เขาบอกยิ้มๆหรือเขากำลังบอกให้ผมระวังใจตัวเองที่กำลังเจอะเจออยู่ตอนนี้... "ส่งผมแค่นี้พอครับ " ผมบอกเขาขณะรถมาถึงปากซอยแถวบ้าน "คงได้เจอกันอีกนะ" "อืมม..ครับ บาย" .............. ............ ผมติดต่อกระรอกไม่ได้จะสองเดือนแล้ว จนอดรนทนไม่ไหวแวะมาหาเขาที่บริษัทที่พี่โชคเพื่อนรุ่นพี่ของเขาทำงานอยู่ "กระรอกไม่สบายครับ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล" พี่โชคตอบผม "พี่ครับ กระรอกเป็นอะไรกันแน่ครับ " ผมถามพี่เขา ทุกครั้งผมจะรู้แค่เพียงว่ากระรอกไม่สบาย แต่เขาไม่เคยบอกสาเหตุ หรืออาการของโรคที่เขาเป็นให้ฟังเลย "เขาขอร้องไม่ให้พี่บอกนายครับ " พี่โชคตอบ "สักวันหนึ่ง นายก็จะรู้ครับ"... ผมเริ่มสังหรณ์ใใจและคิดถึงคำพูดของกระรอกคราวโน้นไม่ได้แล้วสิ "พี่ต้นน้ำ ถ้ากระรอกเป็นอะไรไป พี่ต้องอยู่ให้ได้นะ" คำพูดของเขายังแว่วมาให้ได้ยิน ลมหนาวของเดือนมกราคมพัดโชยมา ดอกและใบของต้นไม้สองข้างทางเดินในสวนสาธารณะที่คุ้นเคยหล่นเกลื่อน ชวนให้ใจหาย "หายไวไวนะ คนดีของพี่" ผมได้แต่ภาวนาในใจ..... ผมไม่ได้ไปช่วยงานของพี่โจอีกเลยหลังจากนั้นถึงแม้ว่าแกจะโทรมาชวนหลายครั้งแล้วก็ตาม ผมกลัว กลัวสิ่งยั่วยวน และใจตัวเองเหมือนที่เคยพลาดพลั้งไปแล้วกับรุจน์ เสียงโทรศัพย์มือถือดังขึ้นด้วยเบอร์ไม่คุ้นตา "หวัดดีครับ ต้นน้ำ" เสียงของเรย์นั่นเองเขารู้เบอร์ผมได้ยังไงกัน "ขอโทษนะ พอดีเราขอเบอร์นายจากพี่โจน่ะ" เขาตอบ "มีอะไรหรือครับ " ผมถามเขา "นายพอจะว่างช่วงเย็นๆนี้ไหม พอดีผมจะแวะไปแถวๆที่ทำงานต้นน้ำ อยากเจอครับ " เขาบอกผม "ว่างครับ " ผมตอบเขาและนัดแนะสถานที่เจอกัน ก็ดีช่วงนี้ผมกำลังเครียด กระรอกก็เงียบหายไปหลังจากไม่สบาย รุจน์เองก็ไปเที่ยวสิงค์โปร์กับริวหลายวันแล้ว ปล่อยให้ผมเหงาคนเดียว เรย์พาผมขึ้นรถหลังจากเจอกันแล้ว เขาขับรถออกนอกเมืองโดยไม่บอกอะไรกับผม... เรย์พาผมขึ้นรถหลังจากเจอกันแล้ว เขาขับรถออกนอกเมืองโดยไม่บอกอะไรกับผม... "จะพาผมไปไหนครับ " ผมถามเขาเพราะเราออกนอกเมืองมาไกลแล้ว "อยากทานอาหารทะเลแถวๆบางปูครับ " เขาบอกผม "โหมาซะไกลเปลืองน้ำมัน" ผมแซวเขา เขาหัวเราะหึๆในลำคอโดยไม่พูดอะไรออกมา.. ทะเลบางปูยามเย็นอากาศพัดเย็นสบาย พระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าพื้นผิวน้ำเป็นสีทองระยับ หมู่นกนางนวลบินว่อนพร้อมเสียงร้องโหวกเหวก เห็นทะเลแล้วก็อดคิดถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับกระรอกไม่ได้ ว่าจะไปทะเลด้วยกันสองคน "กำลังคิดอะไรอยู่หรือฮะ" เรย์ถามผม "เปล่าครับ กำลังดูวิว" ผมตอบเขา "ไม่ใช่คิดถึงแฟนหรอกหรือ" เขาถามผมยิ้มๆ ชายหนุ่มตรงหน้าผมเพรียบพร้อมด้วยหน้าตาและวงศ์ตระกูล ชื่อเสียง เขากำลังต้องการอะไรจากผมกันแน่นะ ในเมื่อโอกาสที่เขาจะไขว่คว้าเอาอะไรมาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร "ต้นน้ำครับ เดือนหน้าผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก" เขาบอกผม "ดีใจด้วยนะครับ "ผมตอบเขาอย่างจริงใจ "แต่ก่อนไป ผมอยากจะเอ่อ..." เขาอ้ำอึ้งและหลบหน้าผม "เฮ้ย อย่าทำหน้าตลกแบบนั้นสิ" ผมแหย่เขา "ไปเที่ยวหลวงพระบางกับผมสองคนได้ไหมครับ " ....... .... "ในฐานะเพื่อนก็ได้ครับ "เขาบอกเบาๆ "เอาไว้ให้ผมกลับไปคืดดูก่อนนะครับ "ผมบอกเขา เขายิ้มเหมือนเด้กได้ของเล่นถูกใจ รูปร่างสูงใหญ่ของเขาสง่างาม จนสาวโต๊ะข้างๆแอบชำเลืองมองมา แต่ยามเฉย ใบหน้าเขาก็เรียบ นิ่งจนน่าเกรงขาม ดึกแล้ว เรย์มาส่งผมที่หน้าคอนโด เขาขออนุญาติขึ้นห้องผมเพื่อขอเข้าห้องน้ำ โดยที่ผมไม่คิดสงสัยอะไร ร่างสูงใหญ่เดินตามผมเข้ามาในห้องและจับมือผมไว้ไม่ให้เปิดไฟ พร้อมทั้งโอบกอดมาจากข้างหลัง "ผมชอบคุณ ต้นน้ำ" เขากระซิบบอกผมเบาๆ ผมปล่อยให้เขากอดเนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะคลายวงแขนออกและก้าวเดินออกจากห้องผมช้าๆ ปล่อยให้ผมยืนงงไปชั่วขณะ ความคิดความ สับสนแผ่ซ่านเข้ามาในหัวสมอง เออหนอความรัก...เวลามันจะเข้ามาก็เข้ามาเยอะจนเลือกไม่ถูกเหมือนกัน |
บทความทั้งหมด
|