เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 12
เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วตั้งแต่สมัยเรียนที่ระมิงค์เขียนบันทึกแทบทุกวัน เธอจะมีสมุดบันทึกของแต่ละปีเรียงไว้เป็นตั้งๆ อยู่ในตู้ บางเล่มเมื่อเขียนผ่านไปแล้วก็ไม่เคยกลับไปเปิดอ่าน แต่บางเล่มก็ถูกเปิดอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คิดถึงคนรักที่จากไป และหลั่งน้ำตาทุกครั้งที่เปิดอ่าน นั่นยิ่งทำให้เธอจมอยู่กับความทุกข์ไม่คลายแม้รักษานานก็ไม่หายเสียที เธอจะรู้สึกผิดมากหากวันใดไม่ได้คิดถึงรชต เหมือนเธอกำลังทรยศในความรักที่เขามีให้เธอ ทั้งที่ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รชตคงจะยินดีมากกว่าถ้าเธอมีรักใหม่และหายจากการป่วยนี้เสียที เขาอาจจะรู้สึกผิดมากที่การจากไปของเขาทำให้หญิงคนรักเหมือนตกนรกทั้งเป็นเช่นนี้

ผ่านพ้นปีใหม่มาร่วมครึ่งเดือน ระมิงค์ตั้งใจว่าปีนี้เธอจะเลิกซื้อสมุดบันทึกและจะเลิกเขียนบันทึกแล้ว
“ทำไมล่ะ” ผู้เป็นแม่ถามเธอ เมื่อเธอบอกความตั้งใจให้แม่ฟัง
“เวลาที่หนูเขียนบันทึก มันเหมือนหนูนั่งย้อนนึกถึงแต่อดีตว่าแต่ละวันหนูทำอะไรบ้าง มันดูไม่มีอนาคตเอาเสียเลย”
“อดีตมันไม่ใช่จะเลวร้ายเสมอไปนี่”
“ก็จริงค่ะ แต่แค่เหตุการณ์เมื่อวานมันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว หนูอยากคิดว่าจะเปลี่ยนมาเป็นเขียนแพลนเนอร์แทน วางอนาคตดีกว่าว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน แม่ก็อยากเห็นลูกมีแผนอนาคตมากกว่านี้”
“หนูไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ถ้าอยู่ไปวันๆ แบบนี้มันน่าเบื่อ ยิ่งทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าหนูวางแผนวันพรุ่งนี้ หนูอาจจะรู้สึกอยากเห็นตัวเองในวันพรุ่งนี้บ้าง”
แม่ฟังจบไม่ตอบอะไร ดึงร่างของลูกสาวมาโอบไว้ บางครั้งระมิงค์ก็ไม่ได้ต้องการคำปรึกษาจากใครเลย แต่แค่ต้องการการรับฟังหรือความเข้าใจจากใครสักคน และคนเดียวที่เธอเชื่อว่าจะได้รับความรู้สึกดีๆ กลับมาทุกครั้งที่เธอต้องการก็คือ แม่นั่นเอง

.............................

เจนใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นระมิงค์เดินมาในคลินิก เหมือนการรอคอยพบเจอใครบางคน และเมื่อเธอคนนั้นมาถึง เขากลับประหม่าผิดกับทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็รีบเอ่ยปากทักทายก่อนเพื่อให้เธอเห็นและมานั่งรอตรวจใกล้ๆ กัน
“สวัสดีครับคุณมิ้ง วันนี้ได้อะไรมาครับ” เจนถามเมื่อเห็นระมิงค์ถือสมุดสองเล่มอยู่ในมือ
“สวัสดีค่ะคุณเจน พี่ไปแวะห้างมา ซื้อแพลนเนอร์มาเล่มหนึ่ง ไม่สิ สองเล่ม ว่าจะให้คุณหมอ เออ...เปลี่ยนใจแล้วพี่ให้คุณเจนดีกว่า คุณหมอคงมีแล้วล่ะ เพราะเลยปีใหม่มาตั้งนานแล้ว” พูดจบเธอก็ยื่นแพลนเนอร์ขนาดเท่าพ๊อกเก็ตบุ๊กให้เขาหนึ่งเล่ม “เอาปกสีน้ำเงินละกัน”
“โอ้ ขอบคุณครับ” เขายิ้มแก้มปริ อาการประหม่าค่อยๆ ทุเลาลง
“ตอบแทนที่เลี้ยงข้าวพี่วันก่อนด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”
“เอ...ว่าแต่คุณเจนเขียนแพลนเนอร์หรือเปล่าคะ”
“ไม่เคยเลยครับ ชีวิตผมไม่เคยมีแผน มันเลยเละๆ อย่างที่เคยเล่า ฮ่าๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆ จริงด้วยสิ งั้นเรามาเริ่มเขียนพร้อมกันปีนี้นะคะ พี่ก็ไม่เคยเขียนเหมือนกัน เมื่อก่อนจะเขียนแพลนเนอร์เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น แต่คราวนี้จะเขียนแผนชีวิตทั้งปีเลยล่ะ”
“โอเคครับ ผมจะได้เป็นคนมีแผนเสียที”
“แผนแรก คือ เราจะต้องรักษาให้หายจะได้เลิกมาหาหมอกันดีมั้ยคะ”
“เอ่อ...ครับ” เจนลังเลที่จะตอบเพราะเขากลัวว่าถ้ารักษาหายแล้ว เขาและเธอจะไม่ได้เจอกันอีก หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายก่อน ก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี โดยเฉพาะเขาซึ่งไม่ยอมกินยา
“มีแผนอื่นอีกมั้ยครับ”
“ตอนนี้ยังไม่คิดไม่ออกเลยค่ะ คืนนี้ล่ะจะกลับมาคิดอย่างจริงจัง”
“ผมอยากรู้แผนคุณมิ้งจังเลย”
“เอ้า จะลอกการบ้านพี่หรือคะ”
“ฮ่าๆๆ เปล่าๆๆ ครับ เผื่อผมจะช่วยคิดด้วย” เขาว่า แต่ในใจนั่นเขาอยากจะพูดว่าเขาอยากจะมีส่วนร่วมอยู่ในแผนชีวิตของระมิงค์ต่างหาก

มันอาจจะดูเร็วเกินไปที่ชายหนุ่มอย่างเจนจะคิดจริงจังกับคนที่นั่งข้างๆ แต่เขากลับเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองคราวนี้เหลือเกินว่า ระมิงค์คือผู้หญิงที่เขาถูกชะตาและอยากวางแผนชีวิตด้วยกันจริงๆ
“พยาบาลเรียกแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” เขาบอกเธอ

หมอดูตัวเลขความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ จึงถามเจนว่า “นี่คุณไม่ได้พักผ่อนเลยใช่มั้ย ความดันสูงและหัวใจเต้นถี่มาก”
“เอ่อ...ครับ” เขาไม่กล้าบอกหมอถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมเขาจึงไม่กินยา และที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติเพราะเขาตื่นเต้นที่จะได้เจอกับหญิงสาวที่เป็นคนไข้ของหมอเช่นกัน
“ถ้าคุณไม่พักผ่อนเลย มันจะช็อกเอาได้นะคุณทำเป็นเล่นไป มาหาหมอเพราะอยากหายไม่ใช่หรือคะ” หมอเตือนด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
“ครับผม” ใจเขานึกถึงแต่หญิงสาวที่รอตัวอยู่ข้างนอกห้องอีกคน นี่ต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้เขามาหาหมอไม่ได้อยากหายเร็วๆ
“คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเพิ่มขึ้นเหรอ” หมอซัก
“ผมแค่รู้สึกว่าถ้าหลับนานไปหน่อย มันจะไม่ได้ทำงานน่ะครับ” เขาอ้าง จริงๆ แล้วเขามีแต่เรื่องสบายใจขึ้นมากกว่า
“เอางี้ อาทิตย์นี้หมอไม่จ่ายยาเพิ่มแล้วเพราะยาเก่าคุณยังเหลือ กลับไปกินยาเดิมให้หมดก่อน แล้วค่อยมาหาใหม่ ถ้าไม่อยากทานยาจริงๆ คุณก็ต้องปรับนาฬิกาชีวิตของคุณเสียใหม่ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิหรืออะไรก็ได้ ที่คุณสามารถทำได้ ไม่อย่างนั้นคุณต้องทานยาไปเรื่อยๆ จนติด แล้วต้องเพิ่มโดสแรงขึ้น จะเอามั้ยล่ะ” หมอขู่
“ไม่เอาครับ”
“งั้นก็ทำตามที่หมอว่า” หมอกำชับก่อนส่ายหน้าใส่คนไข้ดื้อ
“ครับผม ขอบคุณครับ” เขาลากลับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

พอเจนออกมาจากห้องตรวจ เห็นรอยยิ้มของระมิงค์ส่งมาให้กำลังใจ มันทำให้ชุ่มชื่นหัวใจยิ่งกว่าการได้พักผ่อนเสียอีก จึงรีบยิ้มเผล่ให้เธอ
“ผมรอคุณนะครับ” เขาบอกกับเธอ เมื่อเธอเดินสวนเข้าห้องตรวจไปเป็นคิวถัดไป หญิงสาวเหลือบมองแว้บหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องรอเธออีก เราไม่ได้นัดกันเสียหน่อย



Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2565 8:51:41 น.
Counter : 587 Pageviews.

2 comments
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 349 :: กะว่าก๋า
(8 เม.ย. 2567 05:48:36 น.)
เวลาที่หายไป - บททื 25 ดอยสะเก็ด
(6 เม.ย. 2567 10:57:59 น.)
คิดดี พูดดี ทำดี นาฬิกาสีชมพู
(6 เม.ย. 2567 17:52:38 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 29 : กะว่าก๋า
(6 เม.ย. 2567 05:12:09 น.)
  
ดูรายชื่อ เรื่องบล๊อกน่าจะเป็นนิยาย เลยแวะเข้ามาอ่านและอ่าน
ย้อนหลังไปอีก 3 บล๊อก

เขียนได้น่าอ่าน แต่ตัวเล็กเกินไปครับ 555 ต้องทักท้วงหน่อย
ผมใช้อักษรขนาด 18
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:10:50:20 น.
  
blog มันตั้งค่าอัตโนมัติค่ะ ใช้งานไม่ค่อยเก๋งเท่าไหร่ ขอบคุณมากนะคะ นิยายค่ะเรื่องแต่งไม่ใช่เรื่องจริง อิอิ
โดย: Alex on the rock วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:13:40:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Magnolia.BlogGang.com

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

บทความทั้งหมด