เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 3
คำตอบจากระมิงค์ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ความอยากรู้อยากเห็นของเจนดีขึ้นแต่อย่างใด เขากลับไปครุ่นคิดหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ รู้เพียงแต่ว่าเธอคงผิดหวังจากคนรัก และไม่มีใครในยามนี้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เป้าหมายของการทำความรู้จักอยู่ดี เขาอยากรู้มากกว่านั้นว่าเหตุใดที่ทำให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนนี้ถึงกับทุกข์ทนจนเป็นโรคซึมเศร้านานหลายปี

แม้ว่าเจนจะวุ่นวายกับการขายสินค้ามือสองในร้านขนาดกลางของเขาทุกๆ วัน จนดูเหมือนว่าไม่น่ามีเวลาให้คิดวุ่นวายใดๆ แต่ในความเป็นจริงแต่ละวันเขาพยายามทำงานให้หนักๆ ออกแรงมากๆ เพื่อจะได้หลับเองโดยไม่พึ่งยา เพราะการกินยาทำให้หลับเร็วหลับยาวก็จริง แต่นั่นก็ทำให้วันรุ่งขึ้นเขาจะง่วงเหงาหาวนอน และไร้เรี่ยวแรงไปทั้งวี่ทั้งวัน ประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงอย่างน่าหงุดหงิด

และยังไม่วายเจนยังเก็บความทุกข์ของระมิงค์ให้มาแล่นอยู่ในหัวจนลืมไปว่าตัวเองก็กำลังเจอวิกฤตโรคนอนไม่หลับรุมเร้าอยู่เช่นกัน แทนที่จะนอนหลับสบายๆ ปล่อยใจให้ว่าง แต่ดันเอาเรื่องระมิงค์กลับมาคิดก่อนนอนทุกคืน ครั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกินยานอนหลับไปเลยก็ทำไม่ได้ กลับรู้สึกความเป็นห่วงหญิงสาวคราวพี่มาแทนที่เสียอย่างนั้น โดยที่เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนี้ ทั้งที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวอะไรมากไปกว่าคำตอบที่ได้มา บางครั้งใจลอยคิดถึงเสียงหัวเราะและใบหน้าสวยละมุนของเธอจนเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

“พี่เจน!!” ลูกน้องในร้านตะโกนเรียก
“อะไรวะ ตะโกนเรียกซะตกใจ” เขาเอ็ดลูกน้องขณะตัวเองเผลอใจลอย
“ไม่ได้ตะโกนซะหน่อย ผมเรียกปกติ พี่ตกใจเอง”
“เออๆ ว่าไง”
“จะบอกว่าผมจะกลับแล้วนะ”
เจนเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาหกโมงเย็นแล้ว จึงพยักหน้างึ่กๆ ให้ลูกน้องกลับได้ อีกสองคนจึงยกมือไหว้ลากลับเช่นกัน

ลูกน้องทุกคนในร้านเรียกเขาว่าพี่หมด ทั้งที่บางคนอายุมากกว่าเขา แต่เขารู้สึกอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากอายุมากกว่า ไม่ใช่แค่ความอาวุโสที่จะได้เรียกใช้งานได้สะดวกเท่านั้น แต่เขาคิดว่าเขาควรจะแก่กว่านี้ เพราะใช้ชีวิตมาโชกโชนประสบการณ์เพียบจนน่าจะมากกว่าคนรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ

เจนเรียนไม่จบปริญญาตรีทั้งที่เขาเองก็เคยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ ไม่ใช่เรียนไม่เก่งหรือไม่ฉลาด แต่ปัญหาความไม่ลงรอยกันในครอบครัวทำให้เขาอยากออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าในบ้าน ช่วงหยุดภาคฤดูร้อนตอนที่เรียนอยู่ปีสามเขาตัดสินใจเดินทางไป work and travel ที่อเมริกาคนเดียว ภาษาของเขาก็ไม่ดีอะไรนัก แต่ความกล้าและบ้าบิ่นของเขาทำให้เขาเอาตัวรอดมาได้ ถึงแม้ตอนที่ทำงานร้านอาหารตลอดสามเดือนจะโดนไล่ออกบ้าง โดนไถ่เงินบ้าง มันก็ตื่นเต้นและเป็นประสบการณ์ท้าทายที่หาไม่ได้ในไทย

เมื่อครบกำหนดกลับเมืองไทย ใจเขาอยากอยู่ต่อแบบโรบินฮู้ดให้รู้แล้วรู้รอด เพราะงานที่ทำอยู่ตอนนั้นสร้างรายได้งามเหลือเกินจนมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง หากอยู่เมืองไทยคงไม่ได้เท่านี้แน่ และชีวิตที่นั่นมันสนุกท้าทายวัยคะนองอย่างเขาเสียจริงๆ เจนลังเลอยู่พักหนึ่งจนล่วงเลยวันลงทะเบียนเรียนชั้นปี 4 แล้ว ครอบครัวด่าเช้าด่าเย็นเขาก็ยังไม่สะทกสะท้าน แต่ไม่ทันได้เป็นโรบินฮู้ดสมใจข่าวร้ายมาถึงเสียก่อน

“เจน พ่อเสียแล้วนะ” จ๋าพี่สาวต่างมารดาของเขาส่งข้อความสั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ในโทรศัพท์ เจนนิ่งงันเมื่อรู้ว่าคนที่รู้ดีว่าทุกวันนี้เขาเรียนไปเพื่อใครได้ลาโลกไปแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกกลับมางานศพของพ่อ พร้อมกับเงินเก็บก้อนนั้น และลาออกจากมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน แม้จะมีคนทัดทานอยู่บ้างทั้งญาติและเพื่อนสนิท แต่เขาก็ไม่คิดว่าใครอยากจะเห็นเขาสวมครุยเท่าพ่ออีกแล้ว แม้แต่ผู้เป็นแม่ซึ่งอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเรียนปีอะไรสาขาอะไร

แม้เจนจะไม่ใช่เด็กที่เป็นความหวังของพ่อแม่ได้มากนัก แต่เขาก็เป็นคนที่ขยันทำงานและเก็บเงินเก่งพอดู เพราะเขาคิดเสมอว่าครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อแม่คงไม่มีสมบัติพัสถานใดๆ ทิ้งไว้ให้เขาแน่ๆ หากวาระสุดท้ายของคนใดคนหนึ่งมาถึง ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ พ่อมีเพียงบ้านที่อยู่อาศัยปัจจุบันไว้ให้จ๋ากับเจนอยู่เท่านั้น ส่วนเงินสดที่ได้จากประกันชีวิตพ่อก็เอาไปจ่ายหนี้ของพ่อเสียจนเกลี้ยง เจนจึงเป็นเด็กหนุ่มที่กร้าวแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุจริงของเขาจนเพื่อนๆ มักจะล้อเขาว่า “ทำไมมึงรีบแก่นักวะ” ไม่ใช่หน้าตาที่แก่ แต่หมายถึงความคิดความอ่านของเขาต่างหาก เขาเองจะเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันบ้าง กินเหล้าเมายาตามประสาเด็กหนุ่มวัยรุ่น แต่สิ่งที่เขาไม่ทำเลยคือ การยุ่งเกี่ยวกับการพนันและยาเสพติด

เพราะความที่เขาคิดอ่านแบบผู้ใหญ่นี่เอง ระหว่างที่อยู่เมืองนอกเขาทำให้เขาพบรักกับศรัณย์พรสาวสวยลูกเศรษฐีปักษ์ใต้คนหนึ่งเข้า เธอเป็นลูกค้าประจำร้านอาหารที่เจนทำงานอยู่ พบปะพูดคุยกันทุกวันจนถูกคอ ตามมาด้วยถูกเนื้อต้องตัว เลยเถิดจนกลายเป็นคนรักกันในที่สุด หญิงสาวอายุมากกว่าเขาสามปี มาอยู่อเมริกาก่อนเขาได้พักใหญ่ โดยได้ทุนเรียนปริญญาโทและเอกเพื่อกลับมาเป็นอาจารย์ที่ไทย ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านจึงได้รับการทะนุถนอมประคบประหงมมาตลอด ไม่เคยคิดจะเดทกับผู้ชายต่างสัญชาติ เมื่อมาเจอชายหนุ่มเลือดไทยด้วยกันคุยกันรู้เรื่องกว่าฝรั่งตาน้ำข้าวย่อมหวามไหวเป็นธรรมดา และแน่นอนว่ารักแรกที่คลั่งไคล้กันและกันของทั้งคู่จึงนำไปสู่การแต่งงานเงียบๆ โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่รับรู้เลย

แม้จะเป็นการตัดสินใจแต่งงานที่รวดเร็วในช่วงเวลาที่รู้จักกันเพียงสองเดือนเท่านั้น แต่ทั้งสองเชื่อว่านี่คือรักแท้ที่พรหมลิขิตให้มาเจอกันในต่างแดน และวาดฝันว่าจะกลับไปใช้ชีวิตคู่ด้วยกันที่เมืองไทยหลังฝ่ายหญิงจบการศึกษาในอีกไม่ช้า ทั้งที่ฝ่ายชายยังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองสักเท่าไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนและเรื่องงาน ขณะที่ฝ่ายหญิงซึ่งมีฐานะดีกว่ามากก็พร้อมจะโอบอุ้มเขาด้วยความเต็มใจไม่ได้คิดรังเกียจว่าเขาจะต่ำต้อยทั้งฐานะและการศึกษา ขอเพียงคนที่คุยกันเข้าใจก็พอแล้ว

การตัดสินใจกลับมากะทันหันของเจน ทำให้สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันในต่างแดนระทมทุกข์และโหยหากันไม่น้อย แม้เจนอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่เหลือต่อที่อเมริกาและเพื่อได้อยู่กับคนรักก็ตาม แต่คิดได้ว่าอีกไม่นานศรัณย์พรก็ต้องกลับมาเป็นอาจารย์ใช้ทุนที่เมืองไทยอยู่ดี จึงขอรอคนรักที่นี่ดีกว่า และถือโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวไปพลางๆ ระหว่างรอการกลับมาของภรรยา โดยต่างสัญญาว่าจะมีลูกด้วยกันทันทีที่ทุกคนรับรู้สถานภาพของทั้งสองแล้ว

แน่นอนว่าหลังจากจัดการพิธีศพของพ่อเรียบร้อยแล้ว เขาได้บอกเล่าชีวิตรักในต่างแดนให้จ๋าฟังก่อนเป็นคนแรก จ๋าแทบช็อคเมื่อได้ยินน้องชายต่างมารดาเอ่ยว่า “ผมแต่งงานแล้วนะ”

“เฮ้ย นี่แกจะบ้าเหรอ แกแต่งกับใคร”
“ก็แฟนผมสิ ปีหน้าเขาเรียนจบก็กลับมาแล้ว เดี๋ยวจะพามารู้จัก”
“นี่ถ้าพ่อรู้ พ่อด่าแกยับแน่”
“พ่อตายแล้ว ใครจะด่า”
“แม่ไง ด่าอีกคน”
“แม่เคยสนใจผมที่ไหน ผมกลับมา แม่คุยกับผมไม่ถึงสิบประโยคมั้ง” จ๋าเกาหัวแกรกๆ เมื่อได้ยินปัญหาเดิมๆ ของเจนกับแม่ของเขา
“แล้วเรื่องเรียนล่ะ จะกลับไปเรียนอีกมั้ย”
“ไม่เรียนแล้ว พ่อตายแล้วจะเรียนให้ใครอีก ทำงานหาเงินใช้เองดีกว่า”
“ไม่เรียนแล้วจะเอาวิชาความรู้ที่ไหนไปทำงาน”
“ผมก็ทำงานที่ไม่ต้องใช้ความรู้สิ” เจนเถียงทันควัน
“กูจะบ้าตาย น้องกูนี่ดื้อจริงๆ” จ๋าสบถ
“พี่จ๋าไม่ต้องห่วงหรอก ผมเอาตัวรอดได้น่า อยู่โน่นผมเรียนรู้อะไรมาเยอะแยะมีคอนเน็กชั่นอยู่หรอก พี่ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องเงินด้วย ผมจะไม่ขอพี่ใช้สักบาท ผมมีเงินเก็บของผมพอแล้ว”

จ๋าไม่ได้พูดอะไรอีก หากเจนอยากเรียนต่อขึ้นมาจริงๆ เธอก็คงหนักใจพอสมควร แม้เธอจะทำงานแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้มีเงินเดือนมากพอที่จะส่งเสียให้น้องชายเรียนจนจบได้แน่ เธอเป็นเพียงพนักงานบริษัทเล็กๆ แค่ผ่อนรถก็เกือบครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแล้ว ต่อให้ตัดภาระนี้ไปได้ ก็ยังอดห่วงน้องชายต่างแม่คนเดียวของเธอไม่ได้ ขณะที่แม่ของเจนก็ไม่เคยเอ่ยปากถามถึงอนาคตของลูกชายคนนี้แต่อย่างใด ปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับเส้นทางที่เขาเลือกเอง




Create Date : 17 มกราคม 2565
Last Update : 17 มกราคม 2565 9:20:35 น.
Counter : 577 Pageviews.

0 comments
เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 43 วัลยา
(16 เม.ย. 2567 16:34:37 น.)
๏ ... ขอฝน แทน พรวันมหาสงกรานต์ ... ๏ นกโก๊ก
(15 เม.ย. 2567 15:30:08 น.)
๏ ... คืนฟ้าไร้ดาว ... ๏ นกโก๊ก
(14 เม.ย. 2567 09:49:36 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 36 : กะว่าก๋า
(14 เม.ย. 2567 06:17:30 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Magnolia.BlogGang.com

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

บทความทั้งหมด