เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 4 ความใคร่รู้ของเจนที่มีต่อตัวระมิงค์นอกจากจะทำให้เขานอนหลับยากขึ้นแล้ว ยังทำให้เขากระวนกระวายใจอยากให้ถึงวันนัดหมอที่คลินิกไวๆ เสียเหลือเกิน ทั้งที่ก็ไม่รู้จะได้เจอกับระมิงค์อีกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเฝ้ารอวันที่หมอนัดอยู่ดี ขณะที่ระมิงค์ไม่ได้เก็บเอาเรื่องของเจนมาคิดแต่อย่างใด เธอกำลังสนุกกับการขายสินค้าที่ตัวเองผลิตขึ้นเองทางออนไลน์อยู่ ทีแรกลงทุนผ่อนจักรเย็บผ้าเพื่อเย็บกระเป๋าผ้าง่ายๆ ทำแจกเพื่อนฝูงก่อน พอมีคนสนใจสั่งซื้อ เธอจึงเจียดเวลาไปเรียนตัดเย็บอย่างจริงจังจนเย็บเสื้อผ้าง่ายๆ ได้ และเริ่มมีลูกค้าประจำ จากนั้นก็หัดปักผ้าแบบญี่ปุ่นโดยเอาเสื้อผ้าที่มีอยู่แล้วมาปักเพิ่มโน่นเพิ่มนี่เข้าไป หรือดัดแปลงใหม่ ก็ขายได้อีก ยิ่งเสื้อผ้าในตู้เหลือเยอะก็ยิ่งมีรายได้ สมัยที่มีแฟนฐานะดีเป็นผู้ชายสายเปย์ เธอก็ได้เสื้อผ้าดีๆ สวยๆ แพงๆ ใส่เป็นประจำจนเกือบล้นตู้ แต่เมื่อทุกอย่างพังครืน เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นสำหรับระมิงค์อีกต่อไป เธอไม่รู้ว่าจะแต่งไปให้ใครดูใครชม ที่ทำไปก็เพื่อความสบายใจสบายตาของแฟนหนุ่มคนเดียว ถึงตอนนี้เธอจึงนำมาเอามาโมดิฟายด์จนเกือบเกลี้ยงตู้ เหลือเพียงเสื้อผ้าธรรมดาๆ ที่ใส่ได้ทุกวัน ใส่ซ้ำก็ไม่มีใครสนใจ ยิ่งไม่ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องกลัวว่าใครจะจับจ้องว่าวันนี้สวมเสื้อผ้าอะไรมาทำงาน แม้ว่าจะเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอนหรือมากมายอะไรนัก แต่ก็ฆ่าเวลาที่แสนยาวนานสำหรับคนไม่มีงานประจำในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี นอกเหนือรายได้จากการเป็นติวเตอร์ที่นานทีปีละไม่กี่หนที่จะมีการจัดสอบบรรจุข้าราชการท้องถิ่น เธออาจจะไม่มีสังคมคนทำงาน แต่ได้พูดคุยกับลูกค้าออนไลน์ก็เพลินไปอีกแบบ รวมถึงตอบคำถามลูกศิษย์ที่สงสัยในโจทย์หรือข้อสอบในวิชาที่เธอสอน จนจิตแพทย์ชมว่าเธอหาทางออกให้ตัวเองได้เยี่ยมยอด หลายคนเคยถามระมิงค์ว่า ทำไมถึงไม่กลับไปทำงานประจำอีก เธอให้คำตอบเหมือนๆ กันกับทุกคนว่า แก่แล้ว ใครจะรับ ในวัย 35 สำหรับผู้หญิงนั้นอาจจะดูเยอะเกินไปที่จะไปทำงานในตำแหน่งทั่วๆ ไป เพื่อนของเธอส่วนใหญ่ก้าวไปเป็นระดับผู้จัดการ หัวหน้า ผอ.หรือไม่ก็เป็นผู้บริหารกันหมดแล้ว หากใครทำธุรกิจก็ขยายกิจการ หรือไม่ก็มีเงินถุงเงินถังนอนนับเงินแสนเงินล้านทุกวันแล้วแทบทั้งนั้น หากใครไม่ทำงาน ก็ให้สามีจ้างเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอยู่บ้านกันไป และคงจะมีแต่เพื่อนกลุ่มนี้กระมังที่ยังพอมีเวลาคุยกับระมิงค์อยู่บ้าง เมื่อเทียบกับเพื่อนที่ทำงานอื่นๆ กับอีกประเภทหนึ่งที่ยังคบกันได้นานโขอยู่จะเป็นพวกสาวโสดด้วยกันเอง แม้จะมีอาชีพการงานประจำก็ตาม แต่ก็จะพอมีเวลา สังสรรค์กันได้ไม่มีลูกกวนตัวผัวกวนใจ หลังจากถูกลอตเตอรี่งวดนั้น เธอยังคิดขำๆ ว่า หรือว่าจะเอาดีทางนี้ดีหว่า หมายถึงเสี่ยงโชคไปทุกๆ งวดกะจะรวยทางลัด จนแม่ของเธอด่าว่า งมงาย ทำมาหากินดีๆ ไม่ชอบ ทำให้ต้องตัดใจหันหน้ากลับมาทำงานออกแรงเสียเหงื่อดีกว่า และแม่ยังสำทับอยู่บ่อยๆ ว่า ติวให้เขา ไม่ลองไปสอบเองเลยล่ะ เผื่อจะได้เป็นข้าราชการกับเขาบ้าง ระมิงค์ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดทุกครั้งที่แม่พูดเช่นกัน ถ้ามิ้งจะทำราชการ มิ้งทำไปตั้งแต่เรียนจบแล้วแม่ เธอไม่ได้ดูแคลนอาชีพข้าราชการ แต่ตั้งแง่กับการคอร์รัปชันในระบบราชการมากกว่า ยิ่งเรียนจบด้านรัฐศาสตร์มาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เห็นความฟอนเฟะของระบบราชการไทย ตอนที่เป็นติวเตอร์เธอจะย้ำเตือนกับนักเรียนที่มาติวกับเธอเสมอว่า ข้าราชการคือข้าของประชาชน เงินเดือนที่ได้รับคือภาษีของประชาชน หากได้บรรจุเป็นข้าราชการแล้วขอให้เป็นต้นแบบของข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตตลอดไป เคยมีคนแนะนำให้เธอไปสมัครขายตรงหรือเป็นตัวแทนประกันชีวิต เป็นอาชีพอิสระเช่นกันแต่ยังมีสังคมคนทำงาน เธอปฏิเสธทันควัน คงขายไม่ได้สักคน เธอมองว่าบุคลิกของเธอไปกันไม่ได้กับธุรกิจประเภทนั้นเลย ระมิงค์ไม่ใช่คนพูดเก่ง เจ๊าะแจ๊ะไม่เป็น โน้มน้าวใจใครก็ยาก การขายของออนไลน์จึงเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว ไม่ต้องพบปะกับลูกค้าโดยตรง แค่สื่อสารกันผ่านตัวอักษร และรูปภาพสินค้าก็พอ ดูเหมือนชีวิตของเธอจะอิสระ แต่ผู้เป็นแม่ยังเห็นลูกเป็นเด็กในสายตาแม่เสมอ ยิ่งไร้หลักอยู่เช่นนี้ก็ยิ่งอดห่วงไม่ได้ แก่กว่านี้ จะเอาอะไรกิน แม่ถามลูกสาวคนเดียวของตัวเอง ขณะที่แม่เป็นข้าราชการบำนาญพอมีเงินกินเงินใช้ในแต่ละเดือนอยู่บ้าง นั่นสิแม่ ถามดีนะ ลูกต้องคิดบ้างนะ อย่าให้แก่ไปวันๆ ไม่ก็หาแฟนซะ แฟนเกี่ยวอะไรด้วยล่ะแม่ อย่างน้อยก็มีคนช่วยดูแลกันยามแก่เฒ่า ฟงแฟนอะไรแม่ ไม่เอาแล้ว ฝากความหวังไว้กับคนอื่นแล้วยังไงล่ะ เธอเสียงขุ่น แม่ก็ได้แต่อึ้งไปเมื่อพูดสะกิดใจลูกสาวเข้า เธอรู้ดีว่าระมิงค์ยังไม่อาจลืมเลือนความเจ็บปวดในอดีตได้ |
บทความทั้งหมด
|