เก็บรักไว้ ให้หัวใจที่รอ ตอนที่ 25
ตอนที่ ๒๕

ปริญเดินโซเซลงจากรถ ไขกุญแจประตูบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงจากการขับรถไปกลับตาก-นครสวรรค์เกือบ 400 กิโล วารีได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่ประตู จึงเดินออกมาจากครัว
“อ้าว แม่กลับมาแล้วเหรอ งานลอยกระทงสุโขทัยสนุกมั้ย” เขาถามขึ้น
“ฉันต้องถามแกมากกว่า”
วารีได้ยินเพื่อนบ้านเล่าว่าปริญพาผู้หญิงต่างถิ่นคนหนึ่งมานั่งชมขบวนแห่กระทงด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะซักลูกชายต่อ
“พาใครมาเที่ยวงานลอยกระทงล่ะ”
“อ๋อ คุณลักษณ์เพื่อนจากกรุงเทพฯ น่ะครับ”
“เพื่อนที่เขียนจดหมายหากันบ่อยๆ น่ะรึ”
“ใช่ครับ เธอมาทำสารคดีที่นี่ผมเลยอาสาเป็นไกด์”
“แน่ใจนะว่าเป็นแค่เพื่อนกัน” วารีถามเพื่อความแน่ใจเพราะปกติเธอไม่เคยเห็นลูกชายมีเพื่อนผู้หญิงนอกจากแฟน
“อืม...เธอเป็นคนน่ารักนะครับ ถ้าเป็นมากกว่าเพื่อนได้ก็ดี” เขายิ้มกรุ่มกริ่มพูดทีเล่นทีจริง
“งั้นก็ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ซะเลยสิ ทิ้งฉันไว้ที่นี่แหละ ฉันจะตายที่นี่คนเดียว” น้ำเสียงของวารีเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดทันทีที่ได้ยินลูกชายตอบ
“โธ่แม่ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ใครจะทิ้งแม่ไปได้ ผมก็ตั้งใจจะอยู่กับแม่จนตายกันไปข้างหนึ่งละครับ”
“สาบานนะว่าแกไม่ได้แช่งฉัน”วารีค้อน
“ไม่ได้แช่ง แม่ก็...น้อยใจไปได้”
“อยู่ห่างกันขนาดนี้เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว” วารีย้ำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแค่เพื่อน เพราะเธอจดจำภาพความเจ็บปวดของลูกชายสมัยที่ยังมีภรรยาได้เป็นอย่างดี เมื่อภรรยาอยู่ทาง สามีอยู่ทาง โอกาสที่จะความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่จะคลอนแคลนก็เกิดขึ้นได้เสมอ เธอไม่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นข้ออ้างของลูกชายให้ต้องห่างเหินจากคนรักเหมือนอย่างในอดีต วารีรู้ดีว่าวันหนึ่งเธอต้องจากโลกนี้ไป และลูกชายก็ต้องมีครอบครัวที่สมบูรณ์ของตนเอง แต่ไม่รู้วันนั้นจะมาถึงเมื่อใด จึงอดพะวงกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของเขาไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้มันเป็นความสัมพันธ์แค่ชั่วคราวเท่านั้น

และเพื่อความไม่ประมาทก่อนที่ความสัมพันธ์ของปริญและณลักษณ์จะคืบหน้าไปกว่านี้ ช่วงสุดสัปดาห์วารีจึงวางแผนชวนปริญไปเยี่ยมพเยาว์ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของเธอที่อยู่สุโขทัย และบอกให้พเยาว์พาอิรวดีลูกสาวคนสุดท้องที่เพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพฯ หมาดๆ มาทำความรู้จักกับปริญด้วย

“นุกนิก นี่พี่ปริญ ลูกชายของป้าเอง” วารีแนะนำลูกชาย อิรวดียกมือไหว้อย่างนอบน้อม ปริญพยักหน้าและรับไหว้
“นุกนิกเป็นลูกคนเล็กของน้าเยาว์ เป็นน้องสาวของโดโด้กับโจโจ้ที่อยู่เมืองนอก” ปริญพยักหน้างึ่กๆ เพราะโดโด้และโจโจ้ที่วารีพูดถึงเป็นเพื่อนฝาแฝดที่เขาเคยเล่นด้วยสมัยอยู่ชั้นประถม ก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายไปเรียนต่อมัธยมและใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกกับผู้เป็นป้า ส่วนสาวที่วารีกำลังพูดถึงอยู่นี้ ขณะนั้นยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ปริญจึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“นุกนิกเพิ่งจะเรียนจบจากกรุงเทพฯ กำลังจะเปิดโรงเรียนสอนดนตรีที่สุโขทัยเร็วๆ นี้” วารีจัดการแนะนำอิรวดีต่ออย่างกระตือรือร้น
“เชิญพี่ปริญมาวันเปิดโรงเรียนด้วยนะคะ” อิรวดียื่นการ์ดเชิญให้เขา
“อ๋อ ตรงกับวันหยุด ว่างพอดีครับ” ปริญรับปากอย่างเต็มใจ

ปริญไม่เอะใจว่าแม่กำลังวางแผนอะไร เขาเข้าใจว่าวารีแค่มาเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงธรรมดา เพราะปกติแล้ว เขาก็มีหน้าที่เป็นสารถีให้หากวารีต้องการไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่สำหรับอิรวดีแล้ว เขาไม่เคยเจอหน้ามาก่อน หากเป็นลูกเพื่อนแม่ที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ปริญจะรู้จักเกือบทุกคน แต่หากอายุห่างกันเป็นสิบปีขนาดนี้ แทบจะไม่คุ้นชื่อเลย

ปริญมองว่าอิรวดีเป็นผู้หญิงที่หน้าตาตามพิมพ์นิยมของคนกรุงเทพฯ ตัวเล็กๆ บางๆ ผมลอนยาวสีน้ำตาลอมทอง ผิวขาวใส เครื่องหน้าลงตัวบวกกับการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางให้มีสีสันบางๆ สมวัย แม้เธอจะผ่านการศัลยกรรมบางส่วนบนใบหน้ามาบ้าง เพราะดูผิดแปลกไปเล็กน้อยจากหน้าตาพ่อแม่และพี่ๆ ในครอบครัวเดียวกัน แต่โดยรวมแล้วจัดเป็นผู้หญิงน่ามองคนหนึ่ง
ส่วนวารีสบายใจไปเปราะหนึ่งที่อย่างน้อยก็ทำให้ปริญและอิรวดีได้รู้จักกันแล้ว แม้ว่าปริญจะยังไม่แสดงออกว่าชอบสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้หรือไม่ก็ตาม

..................................
วันที่เปิดโรงเรียนดนตรีของอิรวดีที่สุโขทัย ปริญและวารีไปตามสัญญา เขาเอาต้นเงินเต็มบ้านกระถางย่อมๆ จากร้านตัวเองไปให้เป็นของที่ระลึก เพื่อเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นกิจการ
“ขอบคุณพี่ปริญมากๆ นะคะ เดี๋ยวตอนเที่ยงอยู่ทานข้าวด้วยกันนะ” อิรวดีรับต้นไม้จากเขา พร้อมกับถ่ายรูปคู่กัน
วารีพอใจกับภาพที่เห็น เธอคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ร่วมกับพเยาว์ โดยก่อนหน้านี้วารีได้ปรึกษากับพเยาว์ในเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
พเยาว์เล่าว่าตนยังไม่เคยเห็นอิรวดีคบกับใครเป็นพิเศษ และไม่เคยพูดถึงผู้ชายให้ฟังสักคน พเยาว์มองว่าปริญก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดูอบอุ่นจิตใจดี แม้จะผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เป็นข้อเสียแต่อย่างใด เขาน่าจะดูแลลูกสาวของตนได้เป็นอย่างดี จึงมีความหวังเช่นเดียวกับวารีว่า หากทั้งคู่ได้ใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้น ความเป็นไปได้ที่พัฒนากลายเป็นคู่รักก็มีมากขึ้นเช่นกัน

ดังนั้นเกือบทุกสัปดาห์ที่ว่าง วารีจะบอกให้ปริญไปดูแลอิรวดีในฐานะที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจมาก่อน ปริญเองก็แปลกใจว่าทำไมเขาต้องไปเพราะกิจการเขาและกิจการของเธอคนละเรื่องกันเลย ลูกค้าก็ต่างกัน จะไปแนะนำได้อย่างไร แต่เมื่อแม่บังคับให้ไป เขาก็ต้องไปอย่างเสียมิได้ ขณะเดียวกันทั้งปริญและอิรวดีเริ่มรู้ตัวแล้วว่าต่างตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
“พี่ปริญมานี่เกือบทุกเสาร์เลย แล้วที่ร้านต้นไม้ใครดูแลล่ะคะ” อิรวดีถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ พี่มีเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนอยู่อีกคนน่ะครับ”
“จริงๆ พี่ไม่ต้องลำบากมาบ่อยๆ ก็ได้นะคะ เกรงใจพี่เปล่าๆ” อิรวดีพอจะดูออกว่าการมาทานข้าวกับปริญแต่ละครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของฝ่ายชายนัก แต่เพราะเขาเป็นคนขี้เกรงใจจึงอาจจะไม่กล้าพูดหักหาญน้ำใจใครออกมา
“นุกนิกเข้าใจนะคะว่าตอนนี้แม่ของเราสองคนกำลังคิดอะไรอยู่” เธอเปิดประเด็น
“เข้าใจว่าอะไรครับ” ปริญถามหยั่งเชิง
“ก็แม่กับป้าวารีอยากจะให้เราทั้งคู่เป็นแฟนกันไงคะ แต่พี่ปริญสบายใจได้เลยนะ นุกนิกไม่ทำให้พี่เดือดร้อนแน่ๆ”
“ทำไมนุกนิกคิดอย่างนั้นล่ะครับ”
“นุกนิกดูออกว่าพี่ปริญไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าพี่น้องกัน” เธอยิ้ม “สายตามันฟ้องค่ะ”
“เอ่อ...ขอบคุณที่เข้าใจครับ แล้วนุกนิกล่ะว่ายังไง”
“นุกนิกก็ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ บอกตรงๆ นะคะว่านุกนิกมีแฟนแล้ว แต่แฟนนุกนิกเป็นผู้หญิง ถ้าพี่จำได้ คนที่เป็นช่างภาพตอนที่เราถ่ายรูปคู่กันวันเปิดโรงเรียนน่ะค่ะเขาเป็นแฟนนุกนิกเอง”
“เอ๋อ จำได้ๆ ถ้าเป็นผู้ชายก็หล่อเลยล่ะ” นุกนิกได้ยินแล้วก็หัวเราะชอบใจ
“แล้วเขารู้มั้ยว่าน้าเยาว์พยายามจะให้เราเป็นแฟนกัน”
“นุกนิกก็บอก เขาก็เข้าใจนะ มันต้องใช้เวลาค่ะ เราคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน โรงเรียนดนตรีก็เป็นไอเดียของเขาทั้งนั้น เขาเป็นหุ้นส่วนและเป็นครูสอนด้วย แต่แม่ยังไม่รู้ว่าเรารักกัน เชื่อว่าสักวันแม่ต้องเข้าใจค่ะ”
ปริญมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป
“สมัยนี้ สังคมเปิดกว้างในเรื่องอย่างนี้ มีการยอมรับมากขึ้น เราอยู่กับใครสบายใจกว่า ก็เลือกอยู่กับคนนั้นเหอะครับ พี่เชื่อว่าน้าเยาว์ก็คงคิดอย่างนั้นนะ ท่านดูเป็นคนหัวสมัยใหม่ดีออก ไม่งั้นไม่ยอมให้โดโด้กับโจโจ้ไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็กแน่ๆ” ปริญพูดให้กำลังใจสาวน้อยที่นั่งยิ้มแก้มบุ๋ม

“แล้วพี่ปริญล่ะคะ พี่ไม่มีใครหรือ”
“ยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนหรอก อืม....แต่พี่ก็ชอบแอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ เธออยู่กรุงเทพฯ”
“ว้าว จริงหรือคะ นุกนิกว่าพี่เปิดตัวเลยดีกว่าค่ะ ไม่งั้นป้าวารีจะต้องหาคู่ให้พี่ไปเรื่อยๆ อีกแน่ ดูแล้วป้าแกหวงพี่มากเลยนะ”
ปริญหัวเราะ แต่เขาก็เชื่อเช่นเดียวกับที่อิรวดีเชื่อ
“โอ๊ะ แย่จัง พี่ลืมเอามือถือมาด้วย ชาร์จแบตทิ้งไว้แล้วก็ลืม จะโทรไปหาเพื่อนที่ร้านสักหน่อย”
“ยืมของนุกนิกก็ได้ค่ะ” เธอส่งมือถือให้เขา
“ปัญหาคือพี่จำเบอร์ที่ร้านไม่ได้น่ะสิ” อิรวดีหัวเราะลั่น
“พี่ปริญแก่แล้วอ่ะ”
“นั่นสินะ ฮ่าๆๆๆ” เขาพลอยหัวเราะตามไปด้วย

....................................

เสียงโทรศัพท์จากมือถือของปริญที่ลืมไว้ที่บ้านดังขึ้น วารีเห็นเป็นเบอร์ที่โทรเข้ามา ขึ้นชื่อว่าเป็นเบอร์ของณลักษณ์ เธอตัดสินใจรับสายแทน
“สวัสดีค่ะ ขอสายคุณปริญค่ะ” น้ำเสียงของณลักษณ์ฟังดูไม่ค่อยสดชื่นนัก
“ปริญไม่อยู่ พาแฟนไปทำบุญวันเกิด” วารีกุเรื่องขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อะไรนะคะ?” ณลักษณ์หลุดถามเสียงสูง
“เขาพาแฟนไปทำบุญวันเกิดที่วัด แล้วไปผูกดวงอะไรทำนองนี้แหละ” วารีต่อเติมเรื่องราวหน้าตาเฉย “จะให้บอกว่าใครโทรมาล่ะ”
“อ๋อ...งั้นไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ” ณลักษณ์วางสายพร้อมกับน้ำตาที่คลอหน่วยจนล้นและหยดลงบนหน้าจอมือถือ
ณลักษณ์ตั้งใจที่โทรไปบอกข่าวร้ายกับปริญว่าเธอกำลังจะตกงาน เพราะเว็บไซต์ที่เธอทำงานอยู่ถูกเทคโอเวอร์ และจะปลดพนักงานส่วนหนึ่งออก หนึ่งในนั้นคือเธอ
“ทำไมเราถึงไม่ใช่คนโชคดีนะ” หญิงสาวถอนหายใจยาวให้โชคชะตาตัวเอง
เธอหวังว่าจะได้กำลังใจหรือคำปลอบประโลมจากเขา แต่กลับกลายเป็นได้รับรู้เรื่องราวที่โหดร้ายยิ่งกว่า เมื่อรู้ว่าเขามีแฟนที่คบกันอยู่แล้ว ทั้งที่ปริญและณลักษณ์ก็คุยกันอย่างเปิดเผยระหว่างทางที่นั่งรถจากตากมาถึงนครสวรรค์ ต่างฝ่ายต่างยืนยันว่ายังโสดอยู่
“คำว่า โสดของเขา ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใคร แต่โสดหมายความว่ายังไม่ได้แต่งงานต่างหากล่ะ” เธอรำพึงด้วยความปวดร้าว น้ำใสๆ เริ่มปริ่มขอบตา




Create Date : 06 สิงหาคม 2557
Last Update : 5 ตุลาคม 2560 9:48:10 น.
Counter : 1056 Pageviews.

3 comments
(ประชาชน)​ นอนฝันขอให้ได้เงินหมื่น​ (เจ้าสัว) นอนตื่นขอให้ได้เงินแสน​ (ล้าน) ปรศุราม
(18 เม.ย. 2567 11:39:20 น.)
เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 43 วัลยา
(16 เม.ย. 2567 16:34:37 น.)
๏ ... ขอฝน แทน พรวันมหาสงกรานต์ ... ๏ นกโก๊ก
(15 เม.ย. 2567 15:30:08 น.)
15 เมษายน 2567 คุกกี้คามุอิ
(15 เม.ย. 2567 04:15:53 น.)
  
เจียดเวลางาน มาส่งการบ้านค่ะ
โดย: Alex on the rock วันที่: 6 สิงหาคม 2557 เวลา:11:00:48 น.
  
สนุกอ่ะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
โดย: เก๊กฮวยหวานฉ่ำ IP: 171.98.41.185 วันที่: 6 สิงหาคม 2557 เวลา:14:14:00 น.
  
ขอบคุณคะ่เริ่มๆๆเศร้าอ่ะ
โดย: Tim IP: 1.10.213.110 วันที่: 6 สิงหาคม 2557 เวลา:15:41:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Magnolia.BlogGang.com

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

บทความทั้งหมด