... คือรัก ... บทที่ 1 ... .. คือรัก .... บทที่ 1.... .. งานโรงเรียน .. “กริ๊ก !” ผมสะดุ้งตกใจกับความสะเพร่าของตัวเอง.. ฟันปลอมของแม่หล่นลงกล่องที่ใส่ของมัน โชคดีที่ไม่มีอะไรบุบสลาย แม่ไม่สามารถลุกจากเตียงได้แล้ว อย่าว่าแต่ไปหาหมอฟันเลย การขึ้นเก้าอี้ทำฟันยิ่งเป็นไปได้ยาก ผมค่อย ๆ แปรงฟันปลอมของแม่..ข้างบนเป็นฟันปลอมชนิดยกแผงที่มีเหงือกปลอมสวมทับเหงือกจริง ( เรียกอย่างนี้หรือเปล่า..ไม่น่าใช่ ! ) ข้างล่างปลอมแซมเป็นแห่ง ๆ มีส่วนเป็นโลหะยึดติดกับฟันแท้ที่เหลืออยู่..ฟันชุดนี้ทำมานานนับสิบปีแล้ว เวลาผ่านไปเหงือกของแม่หดตัว ชุดบนจึงค่อนข้างหลวมแต่ไม่ค่อยเป็นปัญหาเหมือนฟันล่างที่เกี่ยวได้ไม่สนิทเพราะสาเหตุเดียวกัน ฟันปลอมของแม่ดูอย่างไรก็เหมือนฟันจริง ทำได้แนบเนียน ไม่สวยมากเกินไปจนดูออกว่าเป็นฟันปลอม..ที่ดูดีมากอย่างนี้เพราะทำด้วยใจ ด้วยความอาทร และความรักอย่างแท้จริง.. เปล่าครับ ! ไม่ใช่เพราะลูกคนใดคนหนึ่งของแม่เป็นหมอฟัน..แต่เพราะ... นานมาแล้ว.. งานชุมนุมศิษย์เก่าของโรงเรียน..มีนักเรียนที่จบไปแล้วหลายรุ่นมาร่วมชุมนุม ผมและเพื่อน ๆ นักเรียนปีสุดท้ายถูกเกณฑ์ให้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในงาน คุณครูและบรรดาเมียรับหน้าที่เป็นกุ๊กและเจ้าหน้าที่แทบทุกอย่างของงาน..ผมอยู่แผนกจัดโต๊ะ เสิร์ฟ เก็บโต๊ะและทำความสะอาดหลังเลิกงาน ระหว่างกินอาหารมีดนตรีโดยแบนด์ของโรงเรียน นักร้องนักเรียน การแสดงต่างๆ สลับตลอดงาน.. เวทียกสูงจากพื้น ด้านหน้าเป็นฟลอร์บล๊อกไม้สี่เหลี่ยมต่อกันจนกว้างพอสำหรับเต้นรำซึ่งส่วนมากเป็นการเต้นแบบวัยรุ่นมากกว่าการเต้นแบบมาตรฐาน ขณะรอเสิร์ฟอาหารแต่ละชุดผมอดไม่ได้ที่จะยึกยักตามเสียงดนตรีอยู่ในเงามืด มั่ว ๆ ไปตามจังหวะเพลง “น้อง ๆ เป็นนักเรียนที่นี่หรือเปล่า?..” เสียงหนึ่งดังขึ้น เล่นเอาผมหยุดกึกพร้อมเขินเล็กน้อย “ห้องน้ำอยู่ทางไหน?” “เอ่อ !” งงกับคำถามแต่ปากไวตอบไป “อยู่ที่เดิมครับ” “ที่เดิม..” ทำท่าใช้ความคิด “ที่ไหนล่ะน้อง” “ก็..” แน่ใจว่าพี่หนุ่มคนนี้ไม่ใช่ศิษย์เก่าของโรงเรียน “ความจริงหาไม่ยากหรอกครับ แต่ตอนนี้โรงครัวชั่วคราวปิดทางเดิน ถ้ามาจากทางตรงจะเห็นไม่ยาก แต่พี่เล่นมาด้านหลังงานก็เลยมองไม่เห็น” “ตกลงผมจะได้ไปปลดทุกข์ไหมนี่..” พี่แก้มแดงชี้แจงต่อเพื่อไม่ให้ผมเข้าใจว่าจะปลดทุกข์หนัก “จะฉี่น่ะน้อง..กินน้ำมากไปหน่อย” “ถ้าอย่างนั้นผมพาไปเองครับ เดี๋ยวเดินสะดุดกองจานชาม” ผมนึกตำหนิในใจ..น้ำอะไร..ชิ !..แอลกอฮอล์หึ่งเชียว “ความจริงพวกพี่ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎ..” คงนึกได้จากกลิ่นที่วกเข้าจมูกตัวเอง “แต่เพื่อนคนหนึ่งพกมาด้วย..ไม่รู้จะขัดขืนอย่างไร..” เห็นผมเฉยจึงแก้ตัวต่อ “สนุก ๆ ครับ..เพื่อนพี่เป็นศิษย์เก่าที่นี่ เพิ่งจบปีที่แล้วเอง” “ถึงแล้วครับ..” ผมขัดขึ้นก่อนที่พี่หนุ่มรูปหล่อจะทำให้ผมเสียการงาน..สัญญาณให้เสิร์ฟชุดต่อไปดังจากโรงครัว “พี่กลับเข้างานเองได้นะครับ ผมต้องไปทำงานแล้ว” ไม่รอคำตอบ ปล่อยให้แขกของโรงเรียนตัดสินใจเพียงลำพัง..คงไม่เมามากจนหาทางกลับไม่เป็น “เป็นนักเรียนทำไมไม่แต่งชุดนักเรียน” หนุ่มแอลกอฮอล์พึมพำเดินเข้าห้องน้ำ ผมลืมพี่รูปหล่อเสียสนิท ความจริงไม่ได้จำมากกว่า.. ถึงจะมีนักเรียนพนักงานหลายสิบคน แต่โต๊ะอาหารและอาหารที่ต้องเสิร์ฟมีมากจนแทบต้องวิ่งเสิร์ฟ บางทีอาหารร้อน ๆ ยกได้ทีละชามเดินแทรกไประหว่างโต๊ะและผู้คน..ไม่แทบวิ่งละ..วิ่งเลย ! จนถึงชุดสุดท้ายเป็นของหวาน..ผลไม้กระป่อง ( ทำเอง ) ใส่น้ำแข็ง ไม่หนัก ไม่ยุ่งยากอะไร..นึกดีใจที่งานจะจบเสียที แต่ใจหนึ่งนึกถึงงานสุดท้ายจริงๆ ที่สาหัส..เก็บโต๊ะ ล้างถ้วยชาม ทำความสะอาดสนามสถานที่จัดงาน..ดีที่ไม่ต้องรื้อถอนเวทีและพื้นฟลอร์..เป็นหน้าที่ของนักเรียนห้าวตัวโตบรรดาหัวโจกทำพรุ่งนี้..กึ่งทำงานช่วยโรงเรียนกึ่งไถ่โทษที่เคยต้องทัณฑ์บนไว้ “โครม !” ผมว่าเดินประคองถาดมาอย่างระวัดระวังแล้ว “โทด ที น้อง ชาย” แอลกอฮอล์หึ่งมาจากด้านหลัง..เดินอย่างไรไม่รู้เซกระแทกมาที่ผม “ขอโทษครับ” ศิษย์เก่าคนหนึ่งผมเคยเห็นหน้าลุกจากโต๊ะมาขอโทษแทนคนทำเรื่อง “แมน..แมน..” หนุ่มหล่อขี้เมาเดินเซไปฟุบกับโต๊ะ “ผมจะไปเอามาเสิร์ฟให้ใหม่ครับ” พูดไปแล้วไม่แน่ใจว่ายังมีของหวานเหลืออีกหรือไม่ “ไม่ต้องเอามาให้ใหม่หรอกน้อง พวกพี่เป็นฝ่ายทำเสียหายเอง..” มองหนุ่มขี้เมาที่นั่งฟุบอยู่กับโต๊ะ “เพื่อนพี่ไม่เคยกินเหล้ามาก่อน นึกอยากแมนขึ้นมา..ขอโทษแทนมันด้วยครับ” “แมน..ฮะ..ฮะ..ผมแมนคับ..ฮะ..ฮา” หนุ่มเมาโงหัวขึ้นอ้อแอ้..ขยี้ตามองมาที่ผมทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็ฟุบหลับ “ไปไขก๊อกกี่เที่ยวแล้วไม่รู้..บ่อยเกินนะไอ้ป๋อง” พี่ศิษย์เก่าเบิ๊ดหัวเพื่อนที่ไม่รู่สึกตัว ผมก็คิดเหมือนกันว่าบ่อยเกิน..นายขี้เมาเกือบเดินชนกองชามหลังครัวตั้งหลายครั้ง |
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 2607062
บทความทั้งหมด
|