... คือรัก ... บทที่ 4 .. บทที่ 4 .. .. Happy New Year .. งานสร้างแบบด้วยหนังสือพิมพ์ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งอยากรู้ผล ผมนำแบบเหล่านั้นมาติดกาวและสก็อตเทป..เหมือนจะได้เรื่อง แต่ก็ไม่ วันหนึ่งผมไปเดินเที่ยวตลาดนัดกับแม่ ที่ชุ่มชนท่ารถสายเข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้ตั้งใจซื้ออะไรจริงจังแต่ก็ซื้อจนได้ แม่ซื้อถ้วยชามพลาสติกสีสวย กิ๊บติดผม หวี เครื่องสำอาง น้ำหอม “เร่เข้ามา..เร่เข้ามา..” พ่อค้าคนหนึ่งตะโกนอยู่หลังกองผ้านา ๆ สี “ผ้านำเข้าจากต่างประเทศราคาถูกไม่น่าเชื่อ” “ไปดูหน่อยนะแม่” สิ่งจูงใจให้อยากเข้าไปดูคือสีและลวดลายแปลกตา มันไม่ฉูดฉาดตัดกันอย่างที่เคยเห็น แต่ละผืนจะมีสี ๆ หนึ่งคลุมอยู่..พูดอย่างไรดี..คือ..ไม่ว่าลวดลายจะเป็นดอกดวงหรือลายเรขาคณิตมากสีอย่างไร แต่ละสีจะมีสี ๆ หนึ่งเจืออยู่ด้วยเสมอ..นี้ละที่ถูกใจผม..แค่ดูเท่านั้นไม่รู้จะทำอะไรกับมัน “ที่ว่าจากต่างประเทศ..” แม่จับผ้าดู “จากไหนหรือ..เนื้อธรรมดาทั้งนั้น” “จากรัสเซียน่ะเจ้..” พ่อค้าดึงผ้าจากกองออกโชว์ มันไม่ได้เป็นผืนยาวอย่างที่ขายในร้าน แต่เป็นชิ้น ๆ บางชิ้นขาดแหว่งก็มี “เป็นเศษผ้าสีละนิดละหน่อย แต่ถ้าค้นดี ๆ ก็จะเจอสีเดียวกันไปใช้งานเป็นเรื่องเป็นราว..ที่สำคัญถูกมาก” “ไหนดูสิว่าถูกจริงไหม?” แม่เลือกผ้าสีที่ถูกใจกองโต “อั๊วบอกราคาแล้วเจ้ต้องซื้อนะ” พ่อค้าบอกราคาที่แม่นึกไม่ถึง “ซื้อมาทำไมเป็นก่ายกอง” แม่บ่นเมื่อกลับถึงบ้าน “แต่มันถูกมากและสวยมาก..” ผมคลี่ผ้าออกเต็มบ้าน “สวย..สวย..” “ตี๋แหละชวนแม่เสียเงิน” “เปล่าสักหน่อย..” ผมพับผ้าซ้อนเป็นตั้ง “แม่เลือกเองซื้อเองนี่นา..” นึกอะไรได้ “ตี๋จะทำปลอกหมอนอิงให้เจ้าโซฟาหวาย" “ยังไม่มีหมอนสักใบ..” แม่เดินเข้าหลังบ้าน “นายตี๋ก็เพ้อไป” แม่ขึ้นข้างบนไปลองเครื่องสำอางที่ซื้อมา ปีต่อมาแม่ได้เลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนขึ้น จนสิ้นปีผมยังไม่ได้คืบหน้าไปทางไหนเลย แม่ได้โบนัสก้อนโต แย้มเป็นนัย ๆ ว่าจะซื้อของขวัญให้ผมชิ้นหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นซื้อให้ “ตี๋..” วันที่ 30 ธันวาคม แม่อารมณ์ไหนไม่รู้ “พรุ่งนี้เราทำอะไรพิเศษกินกันไหม ชวนข้างบ้านที่เหงา ๆ มาสนุกกัน” “ไม่เอาลาบน้ำตกแล้วนะแม่..” ผมก็พูดไป เอาจริง ๆ เข้า ข้าวเหนียวนุ่ม ๆ ร้อน ๆ นั่งล้อมวงกินก็อร่อยพอ “สุกี้ไหมแม่?” “กินที่บ้าน ไม่ได้ไปศูนย์การค้า..” แม่ทำท่าคิด “สั่งมากินก็ไม่ไหว แพง และบ้านเราอยู่ซอกซอยจะมาส่งถูกหรือ” “ทำเองก็ได้นี่แม่น้ำแกงจืดธรรมดา ไม่ต้องมีหม้อไฟฟ้าก็ได้ หม้อแกงตั้งบนอั้งโล่ ผัก หมู ลูกชิ้น ปลาหมึก วุ้นเส้น แค่นี้ก็อร่อยนะแม่..” กลืนน้ำลาย “หนังหมูที่เป็นแผ่นฟอง ๆ ด้วย ตี๋ชอบกิน” “น้ำจิ้มล่ะ?” แม่ถาม “เดี๋ยวนี้เขาทำสำเร็จรูปใส่ขวดขายกันแล้ว..ตกลงนะแม่” ผมโมเม วันรุ่งขึ้น สองแม่ลูกคิกคักทำงานกันแต่เช้า มีไอ้แขกเด็กข้างบ้านไปช่วยหิ้วของที่ตลาด..อาหารสด ผักสด ตามที่วางแผนกันไว้แต่เมื่อคืน “แหม ๆ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้” แม่ปรามเมื่อผมแวะเข้าร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือ “ติดสายรุ้งให้สดใสสมเป็นปีใหม่หน่อยสิแม่” ผมซื้อกระดาษย่นไปตัดเป็นสายรุ้ง..มัวเลือกสีกระดาษและเดินดูของสวยงามในร้านไม่ทันสังเกตว่าแม่หายไปกับไอ้แขก “ไปเดินดูอะไรนิดหน่อย” แม่บอกเมื่อกลับมา..ผมนึกสงสัยเมื่อเห็นไอ้แขกอมยิ้มพิกล ถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็มีลาบน้ำตกจากเพื่อนบ้านมาร่วมวง..เรานั่งกินกันบนพื้นหน้าบ้าน ตั้งเตาอั้งโล่เยื้องจากบ้านกันลูกไฟกระเด็น..ลมหนาวพัดหวือเข้ามาชวนให้หม้อสุกี้อบอุ่นและอร่อยขึ้นกว่าปกติ ไอ้แขกเข้าสมัยกว่าใคร หิ้วเครื่องเล่นเทปเล็ก ๆ ติดมาด้วย เปิดเพลงรำวงปีใหม่และเพลงเพราะ ๆ จากวงสุนทราภรณ์ เพลงจิงเกิลเบลล์ก็มีติดมา กำลังกินเพลิน คุยอำสนุกสนานทั้งเด็กผู้ใหญ่..ผมสะดุ้ง..มีสองมืออ้อมมาปิดตาพร้อมร่างที่ค้อมโอบข้างหลัง “แฮปปี้นิวเยียร์ครับตี๋” “ใคร?” ผมแกะสองมืออุ่น ๆ ออก “ผมป๋องไง จำไม่ได้หรือ..” ป๋องหันไปไหว้แม่ “สวัสดีครับคุณแม่” “อย่าว่าแต่ตี๋เลย แม่ก็ยังจำแทบไม่ได้” “เกือบสองปี..” ไม่รู้ทำไมสำเนียงเหมือนต่อว่า “ป๋องหายไป” “ก็มาแล้วไง..” ป๋องหยิบห่อกระดาษสีสวยออกมาจากเป้ “ของขวัญปีใหม่สำหรับเพื่อน_ _ _ของผม” ( ที่เว้นไว้คือคำพูดที่เบาจนเกือบไม่ได้ยินของป๋อง..เดาซิครับ ) “ทำไม..” ผมและป๋องขยับออกจากวง “ให้อะไรผมด้วย” “อยากมอบความสุขให้ใครสักคนในวันปีใหม่..แกะดูหน่อยว่าจะชอบไหม” “โห ! ..” ผมดีใจแกมแปลกใจกับความตั้งใจของป๋อง “กางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตแขนยาว..ดีจัง ผมยังไม่มีใส่ทั้งสองอย่าง” “ความจริงผมจะมาชวนตี๋ไปเที่ยวงานปีใหม่ที่หอ..” “เดี๋ยวนะ..” ยังไม่ทันที่ป๋องจะพูดจบ ผมรีบเข้าหลังบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ป๋องให้ “โอ้โฮ ! ..” ไอ้แขกแอบมองป๋องกับผมโดยตลอด “พี่ตี๋เป็นหนุ่มแล้วนะนี่” สิ้นเสียงอุทานทุกคนที่ล้อมวงอยู่หน้าบ้านหันมามอง “ไอ้แขก..” เสียงคำรามในลำคอ..ผมและป๋องไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป “ตี๋..” เจ้าของชีวิตผมหันมาก่อนใคร “ชุดหล่อมาจากไหนน่ะ?” “ของขวัญปีใหม่น่ะแม่” “อ๋อ..” แม่มองป๋อง “มาสนุกกับพวกเราสิ” “ผมจะมาชวนตี๋ไปฉลองขึ้นปีใหม่ครับ..” ป๋องพูดขึ้นเมื่อนั่งลงข้างแม่ “แต่ไม่ไปแล้ว อยู่ทานสุกี้ ลาบข้าวเหนียวที่นี่ดีกว่า” “พี่ป๋องอยู่จนถึงตอนนับถอยหลังขึ้นปีใหม่เลยนะครับ” ไอ้แขกกระแซะเข้ามา ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากนั่งยิ้มมองคนโน้นทีคนนี้ที..แม่..ป๋อง..แม่..ป๋อง “อยู่ดูในหลวงท่านอวยพรประชาชน และสมเด็จพระสังฆราชให้พรนะ” แม่ชวน “แล้วป๋องจะกลับหอยังไง..” ผมกระซิบข้างหู “อยู่ค้างที่นี่..พรุ่งนี้ค่อยกลับ” แม่ได้ยินเสียงกระซิบของผม “กินกัน..กินกัน..” แม่สรุป “ปีนี้เป็นปีสุดท้าย..” ป๋องเอ่ยขึ้นขณะช่วยผมล้างชาม “เรียนหนักมาก แทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากตำราและฝึกงาน..” เบียดไหล่ผมให้ตั้งใจฟัง “ไม่ได้กลับบ้านเท่าไหร่..ถ้ากลับก็กลับทางตรงไม่ได้อ้อมมาทางนี้..เข้าใจผมนะ” “อือ..” ไม่ใช่ไม่ตั้งใจฟัง แต่ผมไม่คาดหวังจะได้ฟังคำชี้แจงจากป๋อง..เท่าที่ได้รู้จักกัน ผมและป๋องนับวันที่พบกันได้ เป็นเพื่อนห่าง ๆ กันมากกว่า โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเราเริ่มจากอุบัติเหตุไม่ใช่ความต้องการของใครทั้งนั้น แค่ข้าวหลามและขนมหวานจากนครปฐมก็มากพอแล้วสำหรับความสัมพันธ์นี้..ผมจึงตกใจ แปลกใจ ดีใจกับชุดที่กำลังใส่อยู่ “อือ ทำเฉยนี่นะ..” ป๋องจงใจกระแทกใหล่ผมอีก “สัญญาว่าเรียนจบเมื่อไหร่ผมจะมาหาตี๋บ่อย ๆ สม่ำเสมอ..สัญญา” จะมากไปไหม เมื่ออาบน้ำแปรงฟันเสร็จผมใส่ยีนส์ตัวเท่นอน ถอดเสื้อแขนยาวสีครีมลายทางเล็กๆ สีขี้ม้าอมเทาออก ใส่เสื้อยืดตัวเก่งที่ใส่นอนเป็นประจำ “เห่อจัง!..” ป๋องแกล้งอำ “ป๋องก็เหมือนกันอาบน้ำแล้วไม่ยอมเปลี่ยนชุด” โต้กลับข้าง ๆ คู ๆ “ก็ชุดนอนของตี๋เล็กไปหน่อย” ป๋องไม่ยอมแพ้ เตียงนอนของผม..โซฟาหวายสารพัดใช้งานเสริมด้วยม้ายาว ปูทับด้วยที่นอนฟองน้ำ..ไม่ใหญ่พอจะนอนได้สบาย ๆ สองคน..ผมจะนอนบนพื้นให้ป๋องนอนบนโซฟา ป๋องไม่ยอมยืนยันจะนอนบนพื้นแทนผม..เกี่ยงกันไปมาจนในที่สุดลากที่นอนปูบนพื้นหน้าโซฟา..ที่นอนของเราสองคน อากาศเย็นปลายเดือนธันวาเป็นใจให้เรานอนเบียดกันได้..นอนไปนอนไป..ค่อนรุ่ง..ไม่แน่ใจว่าเพราะละเมอหรืออย่างไร ไม่ใช่ป๋อง ! ..เป็นผมต่างหากที่ไม่รู้สึกตัว ขยับถีบกางเกงยีนส์ออก..ก็สาก แข็ง อึดอัดอย่างนั้น ชมว่ารูปประกอบสวยหน่อยครับ
โดย: ดาเรน (สมาชิกหมายเลข 2607062 ) วันที่: 3 กันยายน 2567 เวลา:9:40:35 น.
|
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 2607062
บทความทั้งหมด
|