.. ลืมแล้วหรือไร .. บทที่ 17 ... ลืมแล้วหรือไร ... ... บทที่ 17 ... . สามวันต่อมาผมนั่งดูทีวีฆ่าเวลาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง..ข่าวภาคเช้าประกาศตามหาคนหาย..ชายอายุ 32 ปี เป็นโรคอัลไซเมอร์หายออกจากบ้าน ถ้ามีผู้พบเห็นขอให้แจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้ที่สุดจะมีรางวัลให้ “ทำไมไม่ดูแลให้ดี..” ผมพึมพำ “คนแก่ไม่สบายทั้งคน สงสัยไม่มีลูกเมียมั้ง” “ไม่มีลูกเมียจริง..” ชายคนหนึ่งได้ยินที่ผมพูดเอ่ยขึ้น “แต่อายุ 32 ยังไม่แก่นะ” “ทำไมลุงรู้ล่ะครับ?” ผมหันไปถาม “บอกแล้วว่าไม่แก่..” ชายคนนั้นขึงตามาที่ผม “ชั้นเองที่หนีออกมาจากบ้าน” “เฮ้ย ! ออกไป” พนักงานร้านกาแฟออกมาไล่ชายคนนั่นแล้วหันมาพูดกับผม “คนสติไม่ดีน่ะครับเดินไปเดินมาแถวนี้นานแล้ว” “โรคอะไรนะที่ได้ยินในข่าว” ผมถาม “อัลไซเมอร์ครับ โรคหลงลืมที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ” “อายุลามสิบสองปีไม่น่าเป็นโรคนี้นะ” “อายุน้อยก็เป็นอัลไซเมอร์ได้ครับ..” เจ้าของร้านที่นั่งอยู่หน้าทีวีเดินมาหา “ผมพอรู้มาบ้าง..คนอายุตั้งแต่หกสิบปีขึ้นไปสมองจะฝ่อลง มากน้อยแล้วแต่ปัจจัย สมองบางส่วนทำหน้าที่บกพร่อง ความจำ ความรู้สึกทั้งทางกายและใจเสื่อมลง หลงลืมหรือความประพฤติต่างจากเดิม บางคนเป็นมากไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าคือใครหนาวร้อนอย่างไร ออกเดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างชายในข่าว” ผมรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาทันที..ก็บางทีผมจำทางไม่ได้ เห็นอะไรผิด ๆ เพี้ยน ๆ เหมือนกัน “คนอายุน้อยเป็นอัลไซเมอร์เพราะหลายสาเหตุ จากความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง การประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนสมอง การขาดสารอาหารและวิตามินบางชนิด หรือความผิดปกติของฮอร์โมน..ผมมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแลอยู่จึงหาความรู้เรื่องนี้ครับคุณตินห์” “เอ๊ะ !” ผมแปลกใจ “ทำไมรู้จักชื่อผมล่ะครับ?” “ตอนท้ายข่าวลงรูปและชื่อของคุณ..” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเจ้าของร้าน “ไปสถานีตำรวจกับผม กลับบ้านเถอะครับ” “คุณอยากได้เงินใช่ไหม..” ความคิดหนึ่งผุดขึ้น “ผมจะให้มากกว่าที่ประกาศในข่าว” ผมเปิดเป้ที่เพิ่งถอนเงินทั้งหมดมาจากธนาคาร “นี่ไง ๆ” “ฮะ ๆๆ” เจ้าของร้านหัวเราะเสียงดัง หันไปสั่งลูกน้อง “ปิดร้าน !” “จะทำอะไรชั้น?” ผมตกใจที่ถูกลากเข้าหลังร้าน “ลูกพี่จะทำอะไรน่ะ !” พนักงานตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ “ไม่เห็นหรือเงินยัดอยู่เต็มเป้..ชั้นไม่ใช่คนร้ายแต่เงินมากอย่างนั้นและไอ้นี่ก็อัลไซเมอร์จำอะไรไม่ได้” “พี่ไม่ฆ่ามันใช่ไหม?” “เออ..ถ้าฆ่ามันก็ต้องฆ่าเอ็งด้วย..” เจ้าของร้านหน้าขึงขัง “ถอดเสื้อออกก่อนเผื่อใครจะจำมันได้ เอาเอกสารทิ้งให้หมด ข้าว่าจะพาไปทิ้งที่ป่ารกสักแห่ง ถ้ามันโชคดีคงเอาตัวรอดได้ และแน่นอนคงจำอะไรไม่ได้ ผมได้ยินการสนทนาทั้งหมด โล่งใจที่จะไม่ถูกฆ่าแต่ถูกจับถอดเสื้อ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับผมอีก ขณะที่นึกสงสัยอยู่นั้นไม้ท่อนหนึ่งฟาดลงมาพี่ท้ายทอย..และสติก็ดับวูบลง ......... ผมรู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ สงสัยถูกมดกัด แปลกใจที่ไม่ได้ใส่เสื้อ มีเป้ใบหนึ่งวางอยู่ใกล้ ๆ เปิดดูพบว่ามีเสื้อผ้าและเงินจำนวนหนึ่ง..ผมเหลียวมองรอบ ๆ ไม่มีใครอยู่ ผมหยิบเงินออกมานับ มีถึงหนึ่งหมื่นบาท ใครนะลืมเป้ใบนี้ไว้ โชคดีของผมแท้ ๆ ที่มีเสื้อใส่และมีเงินตั้งเยอะไว้ซื้ออะไรกิน “โอยย ย” ผมครางออกมาเพราะรู้สึกปวดที่ท้ายทอย สลัดหัวถี่ ความปวดยิ่งทวีมากขึ้น “โอ้ย !” ผมร้องในที่สุด “คุณ ๆ” ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงจากรถปิกอัพ “ใครเป็นอะไรครับคุณจร” ชายสูงอายุเปิดประตูรถด้านคนขับตามลงมาอีกคน “ไม่รู้ใครครับลุง นอนร้องกุมหัวบิดตัวอยู่เสื้อผ้าไม่ใส่” “พาไปอนามัยกันครับ ลุงช่วยผมพานายคนนี้ขึ้นรถกัน” “พาไปบ้านไร่ของคุณชัยชนะไม่ดีหรือครับ?” ชายสูงอายุเสนอความเห็น “ลุงยง !” ชายหนุ่มเสียงหงุดหงิด “ชอบไปยุ่งกับพวกเขา..แต่ก็นะจะค่ำแล้วอนามัยคงไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่” ........ ผมตัวกระเด้งอยู่เบาะหลัง ชายสองวัยคงพาผมไปที่ไหนสักแห่ง..บ้านไร่คุณชัยชนะ ! “ใครกันอีกล่ะนี่จอหน์” เสียงหญิงสาวดังขึ้นข้างตัวผม “อ้าว ! มาแล้วหรือเจน” เสียงชายหนุ่มตอบ “นายคนนี้นอนร้องโอย ๆ อยู่ในป่าจอหน์กำลังพาเขาไปบ้านคุณชัยชนะ” . ในความปวดหัวผมได้ยินเสียงชายหญิงพูดโต้ตอบกัน..ก่อนจะหมดสติอีกครั้งจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าพวกเขาคือตัวละครในนิยายเรื่อง ลวงใจ ที่ผมเคยอ่าน . ![]() |
BlogGang Popular Award#21
![]() สมาชิกหมายเลข 2607062
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]บทความทั้งหมด
|







ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [