๐ กมโลภิกขุ ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ ๐ กมโลภิกขุ ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ .. บทที่ 2 .. สะดุ้งตื่นแต่เช้ามืด ผมคลำหัวตัวเอง..ถูกผีหลอกจนหัวโกร๋นเชียวหรือ..บ้าสิ..ฮะ ๆ ก็นายเป็นพระหัวจะไม่โกร๋นได้ไง ! จำได้... เมื่อคืนหลังจากลงไปป๋อมแป๋มในแม่น้ำสักพัก มีมือ ๆ หนึ่งฉุดผมขึ้นนอนแผ่บนท่า..หลวงพี่เขียดที่จำวัดอยู่ห้องแรกถัดจากส่วนของหลวงตาใบคงได้ยินเสียงคนตาขาวตกน้ำ ท่าน้ำที่ผมวิ่งไปอยู่ห่างจากศาลานิดเดียว ลักษณะคล้ายโป๊ะท่าเรือ ขึ้นลงได้ตามระดับน้ำ ผมจึงตะเกียกตะกายอยู่ข้างท่านั่นเอง ความจริงผมว่ายน้ำเป็น แต่เวลานั้นเหมือนลูกหมาพุ้ยน้ำมากกว่า หลวงตาโผล่หน้าต่างออกมาหัวเราะหึ ๆ ผมรักษาเชิงบอกหลวงพี่เขียดว่าออกมาอาบน้ำ หลวงพี่เขียดก็หัวเราะเหมือนหลวงตา “ก๊อก ๆ” “ตื่นได้แล้วพระนิด” เสียงหลวงพี่อาจก้องศาลา “ครับ” ผมหยิบขันน้ำแปรงสีฟันออกจากห้องเดินไปท่าน้ำเล็กที่อยู่ท้ายศาลา “ไงท่าน..ได้ข่าวว่าอาบน้ำแต่ดึก..หึ ๆ” หลวงพี่อาจตามมานั่งบนม้านั่งยาวที่สร้างติดถาวรข้าง ๆ ท่า ..ท่าน้ำเล็กนี้ต้องไต่บันไดลงไปในน้ำเพราะอยู่บนตลิ่ง มีเรือที่ใช้บิณฑบาตทางน้ำหลายลำผูกโซ่ลอยเรียงอยู่ “แครก ๆ ฟอด ๆ” ก้มหน้าก้มตาแปรงฟัน “ถามจริง..เมื่อคืน อาบน้ำหรือวิ่งหนีอะไรมา..ฮะ ๆ” รายการพระค้นพระ “ฟอดๆ ครอกแครกๆ ปู้ด พรวด !” เสียงแปรงฟัน กลั้วน้ำ และบ้วนออกมา แสง สี เสียงธรรมชาติ มิได้ลามกหยาบโลนอนาจารแต่ประการใด “ไงล่ะพระนิด” หลวงพี่อาจยังไม่หยุดกวน หลวงนิดอุตส่าห์เพ่งสมาธิอยู่ในโพรงปากแล้วนะนี่ “ตูม !” ตัดสินใจวางแปรง โดดลงน้ำ จะได้ไม่ถูกเซ้าซี้เยาะเย้ยต่อไป..กลัวสัญชาตญาณก่อนบวชเข้าสิง...ฮึ่ม ! ..... ขบวนหลวงทั้งหลายเดินตามกันเป็นแถว พระชัยไม่ได้มาด้วย..แปลกที่ไม่มีหลวงพี่บนศาลาเดียวกับผมสักรูป เราเดินไปเรื่อย ๆ ยังมืดอยู่ หัวแถวเดินดุ่มเหมือนมีจุดหมายที่คุ้นเคยข้างหน้า ผมมองทัศนียภาพยามเช้ามืดอย่างชื่นใจ อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน เผลอซื๊ดลมหายใจ อยากจะอ้าแขนออกรับอรุณ ติดที่ต้องหนีบลูกบวบและอุ้มบาตรเท่านั้น “จุ๊ ๆ” พระรูปติดกับผมคงได้ยินเสียงสูดโอโซน “ครับ..รู้แล้ว !” ใครจะกล้าพูดออกมา..แค่นึกในในใจ แถวหยุดลงบ้านแรกเมื่อฟ้าสาง ไม่มีญาติโยมสักคนแถวนั้น แปลกใจว่าหลวงพี่หัวแถวหยุดทำไม..สักครู่โยมผู้เฒ่าคนหนึ่งกระย่องกระแย่งลงจากเรือน วางขันข้าวบนบันไดขั้นบนสุด เดินลงมาสามขั้น เลื่อนขันลงมา จนตัวถึงพื้นจึงหยิบขันเดินมาที่แถวของพระ เริ่มใส่บาตรตั้งแต่หัวแถว..ความจริงมีทั้งสิ้นห้ารูป พูดว่าขบวนเสียงง “อ้อ ! พระใหม่” ยายไม่ได้มองจริงจังแต่รู้ ตักข้าวร้อน ๆ ที่เหลือทั้งหมดลงบาตรผม..ร้อนนะ ! เพิ่งเห็นห่อใบตองเล็กๆ ที่ยายเตรียมไว้ข้างขัน..นึกว่าให้ฉันข้าวเปล่า ๆ เสียอีก..นายนิด ! หลวงพี่พาเดินรับบาตรไปเรื่อย ๆ บางทีลงจากถนนเข้าไปตามซอยวกวนไปมา..ถ้าปล่อยผมไว้กลางทางกลับวัดไม่ถูกแน่..จนถึงบ้านหลังหนึ่งทรงไทยสูงสง่า มีสวนดอกไม้หน้าบ้าน ถนนโรยกรวดสวยงาม หญิงสาวคนหนึ่งยืนคอยพระอยู่พร้อมบริวารสองคนถือถาดใส่เครื่องคาวหวานและถาดดอกไม้กำ บ้านโยมเฒ่าหลังแรก แถวพระยืนนิ่งสำรวมให้ยายใส่อาหาร แต่บ้านทรงไทยหลังนี้แถวพระจะเคลื่อนเข้ารับบาตรทีละรูป..ผมคิดตามที่ตาเห็น..ทำไมปฏิบัติไม่เหมือนกัน ทั้งที่ก้มอยู่กับพื้นกรวดข้างหน้า ผมเห็นสาวผู้นั้นยืนเหยียบบนรองเท้าแตะของเธอ ขยุกขยิกเกร็ง กลัวจะตกจากรองเท้า พื้นก็ไม่ได้สกปรกอะไร ไหน ๆ จะทำบุญทั้งที..เหมือนไม่เต็มใจ จนถึงพระรูปสุดท้าย..จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่พระนิด..นิสัยของเมื่อวานซืนยังค้างอยู่ แทนที่จะเลื่อนไปยื่นตรงหน้าเหมือนพระรูปอื่น ผมไปเกือบถึงซะงั้น สาวเจ้าขยุกขยิกเอื้อมทัพพีข้าวมาที่บาตรผม..ไม่ถึง ! เดี๋ยวเธอคงต้องลงจากรองเท้าเหลือเท้าเปล่า ๆ ...แต่..เอากะเธอสิ..ยื่นขันข้าวให้บริวารนำมาตักใส่ให้ผม..เฉยเลย “ฮึ !” ไม่ดังสักเท่าไหร่แต่ผมก็ได้ยิน อดช้อนสายตาขึ้นดูไม่ได้ “ขวับ !” รับค้อนไปหนึ่งด้าม..เออนะ..แม่พิมพิลาไลย “อะ แอ้ม..” หลวงพี่รูปเดิมคงไม่ได้มีอะไรติดคอ ยิ้ม ๆ ชำเลืองมาที่ผม บ้านสุดท้ายอยู่ไม่ไกลจากวัด..ต้องเลี้ยวจากถนนเข้าไปเช่นเคย ทางตรงดิ่งคล้ายเพื่อบ้านหลังนี้โดยเฉพาะ..ไม่ใช่บ้าน ก็บ้านน่ะแหละ หลังใหญ่มากแต่ไม่สวยงามวิจิตรอะไรแค่หลังใหญ่แข็งแรง ใต้ถุนบ้านเสานับไม่ถ้วนนั้นเป็นลานดินกว้างใช้เป็นโรงงานทำเตา เตาที่ใช้ถ่านฟืนหุงข้าวทำอาหาร “โยมแม่..” หลวงพี่หัวแถวทักโยมสูงอายุที่หิ้วปิ่นโตเข้ามา “พระใหม่จ้ะ..พระศานิตย์เพื่อนพระมหาชัย” “อ้าว ! แล้วพระมหาชัยไม่ได้มาด้วยหรือ..คงไปสายอื่น” วางเถาปิ่นโตลงบนฝาบาตรพระลูกชายและอีกสามรูป “พระมหาชัยไม่ได้ไปสายไหนหรอก” หลวงพี่ตอบยิ้ม ๆ “สวยจริงนะพระกรุงเทพฯ” โยมแม่ชมดื้อ ๆ ..ทำไมว่าสวยล่ะครับ..คนรูปหล่ออย่างผมก็เขินนะซิ เถาปิ่นโตเกือบหล่น..หนักนะ..ซ้ำยังหยิบจับไม่ถนัด...ลูกศิษย์เห็นท่าไม่ดีรีบคว้าไปหิ้ว ..... กลับถึงวัด..กำลังจะแยกย้ายไปตามกุฏิของตัว ผมเร่งฝีเท้าไปที่หัวแถว “ทำไมหลวงพี่..เอ่อ..รู้จักชื่อผมล่ะครับ” “พระมหาชัยสนิทกับผมและครอบครัว เราเป็นญาติกันห่าง ๆ ผมชื่อคิม ชื่อจริงคิ้มเพียว..” ชื่อคิมเท่ดี แต่คิ้มเพียว..แหะ ๆ “พระมหาฝากให้ผมดูแล คุณถึงเข้ามาอยู่ในสายผม” “อ้อ..ขอบคุณครับ” จะมัวโอ้เอ้อะไรอีกไม่ได้ ลูกศิษย์ยืนเขม้นอยู่ทางแยกไปศาลาที่พัก..สมุนนายดำคงหมั่นไส้พระสวย ๆ เอ๊ย ! หล่อ ๆ อย่างผมเป็นแน่ เข้าไปยืนบนแท่นหินกลางที่ล้างเท้า..คล้ายบ่อหินเล็ก ๆ มีขอบกั้นน้ำทั้งสี่ด้าน ตรงกลางเป็นแท่นพอยืนได้ ในบ่อนั้นมีน้ำขังอยู่ วางไว้ติดเชิงบันได เวลาจะขึ้นศาลาต้องไปยืนบนแท่นหินใช้เท้าวักน้ำขึ้นถูกับหินและหลังเท้าอีกข้างจนสะอาด แต่ถ้าเหยียบสุนัขตายก็อีกเรื่องหนึ่ง “ท่าทางทะมัดทะแมงเหมือนกันนะ..” หลวงพี่เขียดที่ฉุดผมขึ้นจากน้ำเมื่อคืนยืนอุ้มบาตรต่อคิวล้างเท้าอยู่ “ไม่เป็นไรแล้วหรือ?” “เชิญครับหลวงพี่” ผมก้าวออกจากแท่นหิน เช็ดเท้ากับผ้าขี้ริ้วเชิงบันไดรีบขึ้นศาลา ไม่อยากพูดเรื่องเมื่อคืนอีก วางบาตรลงบนแท่นเตี้ย ๆที่ มีบาตรหนึ่งวางอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ทันหลวงพี่เขียดที่ดูเหมือนจงใจรีบนำบาตรมาวาง “มีอะไรปรึกษาได้นะ รู้ใช่ไหมว่าผมอยู่ห้องใกล้หลวงตา ทำนองเลขาน่ะ เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรขอยาที่ผมได้ เห็นสำลักน้ำอยู่เมื่อคืน” อีกแล้วจนได้ “ขอบคุณครับ” ก้มลงไหว้ตัดบท เดินผ่านสองประตูจึงถึงห้องผม “เดี๋ยวออกมาฉันอาหารสวมแค่อังสะเท่านั้นนะ” ไม่วายร้องบอก “แล้วไม่ต้องใส่สบงหรือ?” เปล่า ! ใครจะกล้าถามออกไป ประมาณเจ็ดโมงกว่า มีเสียงถ้วยชามกระทบกัน ผมแง้มประตูห้องดู เห็นลูกศิษย์กำลังยกอาหารมามาวางกลางศาลาด้านริมระเบียง เป็นวงพอนั่งได้ห้าหกคน..ท้องร้องจ๊อก ๆ ทันที “ฉันเช้าครับ” นายดำยื่นลูกตาดำ ๆ ลอดประตูที่แง้มอยู่..ผมผงะออกแทบไม่ทัน..อิดออดพอมีพระรูปอื่นผมจึงออกจากห้อง หลวงตารูปหนึ่งผมหงอกขาวออกมาเป็นอันดับแรก สองคือพระนิดผู้หิวโหย หลวงพี่รูปหล่อของจริง หลวงพี่เขียดเดินตามหลังหลวงตาใบ และหลวงพี่อีกรูปขาวซีดตัวเล็ก ๆ หูติ่ง ปากหวอเกือบแหว่ง ทุกรูปถือชามและช้อนส้อมของตัวเองมา ผมจึงกลับเข้าห้องมองหาและพบช้อนชามที่ญาติโยมจัดเตรียมไว้ให้ ออกมาที่วงอีกครั้งเพิ่งสังเกตว่าไม่มีพระญาติสนิทของผม ท่านมหาข้ามคืน หลวงเพื่อนมหาชัย..ไปไหนของเค้านะ หรือไปฉันร่วมวงกุฏิหลวงพี่คิ้มเพียวจากเส้าหลิน..ก็ท่านล่ำบึก ตัวใหญ่ ขาวจั๊ว ตาหยีออกอย่างนั้น “พระมหาขัยอยู่ไหนล่ะ?” หลวงตาใบเปรยขึ้นหลังจากนั่งล้อมวงทุกรูปแล้ว “อ้าว ! เอ่อ..” ผมถอนกระแสจิตจากเมืองจีนทันที ทุกสายตามองมา “นึกว่าไปบิณฑบาตสายอื่น สายที่ผมไปไม่มีหลวงพี่ที่ศาลานี้เลย..ครับ” ความจริงเพราะผมรีบและเพราะหลวงพี่อาจมากวนตั้งแต่ลืมตาตื่น “ผมจะลองดูในห้อง..” “ไม่ต้อง..” สายไปเสียแล้วผมลุกจากวงไปที่ประตูห้องพระมหาชัย สังหรณ์ใจเล็ก ๆ “ก๊อก ๆ” เงียบ “ก๊อก ๆ โครม ๆ” นึกได้ถึงกิติศัพท์การนอนขี้เซาของญาติคนนี้ “ตูม !” คราวนี้ไม่ใช่แค่เคาะเพราะค่อนข้างแน่ใจ ผมขว้างระเบิดใส่ประตู “มีอะไรหรอ..” ท่านมหาแง้มประตูออกมา ขี้ตางัวเงีย . ![]() |
BlogGang Popular Award#21
![]() สมาชิกหมายเลข 2607062
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]บทความทั้งหมด
|







ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [