ใส่ซอง-ฝากพิเศษ
ไม่ว่าจะเรียกอะไร เงินก้อนนี้มีค่าเท่ากัน ผมต้องเขียนเรื่องนี้ ผมต้องมีที่ระบาย ดูแล้วที่นี่น่าจะเหมาะที่สุดที่จะพูดเรื่องนี้ออกมา ขออภัยด้วยหากเรื่องนี้จะทำให้พี่น้องในวิชาชีพจำนวนหนึ่งต้องระคายเคืองหรื ออารมณ์เสีย แต่เมื่อใครสักคนต้องพบกับเรื่องแบบนี้บ่อย ๆ เขาก็ต้องการสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเขาสามารถพูดออกไปแล้วมีคนฟัง (หรืออ่าน) บ้างตามสมควร ถ้ามันจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาบ้างก็คงจะดี อย่างน้อยมันก็คงไม่ได้เป็นแค่บทความทางโลกเสมือนจริงที่คนอ่านแล้วผ่านเลยไ ปโดยไม่น่าจดจำ มาถึงเรื่องที่ผมจะบอกดีกว่า... บ่ายวันหนึ่ง "ป้าศรี" ภรรยา "ลุงศักดิ์" ซึ่งเป็นผู้ป่วยคนหนึ่งของผมมารับยาให้สามีซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ป้าศรีมาที่ห้องตรวจแห่งนี้ทุกสองถึงสามเดือน วันนี้ป้าศรีดูไม่เหมือนวันอื่น ...ป้าใช้ร่มแทนไม้เท้า ค่อย ๆ เดินอย่างเชื่องช้า เหมือนหนึ่งว่าแต่ละก้าวของป้านั้นก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างหนัก ตาจ้องเขม็งไปที่พื้นข้างหน้าในระยะไม่เกินหนึ่งก้าว จ้องมองเหมือนกลัวจะสะดุดเศษฝุ่นผงที่ตกอยู่บนพื้น "ปวดหลังหรือป้า?" ผมถามแบบเดาสุ่ม ปกติป้าศรีเป็นคนที่คล่องแคล่วมาก การบาดเจ็บของสามีทำให้เธอต้องทำงานส่งลูกคนเดียวเรียนมหาวิทยาลัยแต่เพียงผ ู้เดียวพร้อมไปกับให้การพยาบาลสามีที่ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันจะลุกขึ้นมานั่งห รือเอ่ยชื่อภรรยาที่แต่งงานกันมายี่สิบกว่าปีอีกเลย ก่อนนี้ป้าศรีจะเป็นคนเข็นเปลพาลุงศักดิ์เข้าห้องตรวจด้วยตัวเองแทบทุกครั้ง จนกระทั่งผมและป้าศรีเห็นพ้องต้องกันว่าลุงศักดิ์คงมีอาการดีขึ้นกว่านี้ไม่ ได้ จึงนัดป้าศรีให้มารับยาถ่าย น้ำยาทำแผล ยาลดเกร็ง ฯ เป็นระยะ ป้าศรีทรุดตัวลงนั่งอย่างเชื้องช้า เหมือนภาพยนตร์ฉายภาพช้าในจังหวะที่ไม่จำเป็น ก่อนร่างกายจะสัมผัสเก้าอี้ ป้าศรีเกร็งตัวและหน้าเพื่อรอรับความเจ็บปวดที่จะตามมา "ปวดหลังค่ะหมอ ปวดมาหลายเดือนแล้วหมอ" ป้าศรีตอบเป็นภาษาถิ่น "ป้าไปรักษากับหมออะไรมาบ้างแล้วไหมล่ะ?" ป้าศรีเป็นคนตัวเล็ก น้ำหนักไม่เกินห้าสิบกิโลกรัม ส่วนลุงศักดิ์เป็นคนตัวสูง แม้ว่าก่อนนี้จะไม่อ้วนมาก และน้ำหนักลดลงไปอีกมากหลังจากไม่สบาย ก็ยังเป็นปัญหาสำหรับป้าศรีทุกครั้งที่ต้องพยุงลุงให้ลุกขึ้นนั่งหรือพลิกตะ แคงตัว "ป้าไปรักษากับ 'หมอสม' มาแล้วล่ะหมอ ไปหาแกที่คลีนิก เอ็กซเรย์แล้วหมอบอกว่ากระดูกทับเส้น" "แล้วป้าปวดมากไหมล่ะครับ ?" ผมพูดพลางพลิกเวชระเบียนผู้ป่วยนอกดู ลุงศักดิ์อายุ 52 ปี ส่วนป้าศรีก็คงห้าสิบหรือห้าสิบเอ็ดปี "ป้าอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ?" "ป้าห้าสิบแปดแล้วหมอ ...ป้าแก่กว่าลุงหลายปี" หลังพูดเสร็จ แววตาป้าศรีดูว่างเปล่าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังเต้นผิดจังหวะอย่างไรพิกล "แล้วหมอบอกว่ายังไงบ้างล่ะครับป้า ..จะต้องผ่าตัดไหม ?" "หมอก็บอกให้ผ่าตัดนั่นแหละค่ะ แต่ป้าไม่มีตังค์เลยหมอ" แววตาป้าศรีกลับไปดูเหมือนว่างเปล่าอีกครั้ง "ไม่เห็นเป็นไรเลยป้า ของลุงก็ยังใช้สามสิบบาทเลย" ...ผมโกหก ลุงศักดิ์ใช้ พรบ. ปกติแล้ว ป้าศรีจะเป็นคนยิ้มแย้มอยู่เสมอ เผชิญหน้ากับปัญหาได้อย่างเหมาะสมมาโดยตลอด แม้การป่วยของลุงศักดิ์จะร้ายแรงจนทำให้ชีวิตของทั้งสามคนในบ้านต้องเปลี่ยน แปลงไปตลอดกาล ป้าศรีก็ไม่เคยแสดงให้เห็นว่ายอมแพ้ ไม่เคยร้องไห้ ป้าศรียอมรับความพิการอันรุนแรงของสามีได้ ตราบใดก็ตามที่ป้ายังดูแลสามีด้วยตัวเองได้ ...แต่วันนี้ผมยืนยันได้ว่าป้าศรีกำลังยอมแพ้อย่างช้า ๆ และอย่างทรมาน
"ป้ากลัว..." ป้าศรีเว้นจังหวะถอนหายใจ แล้วพูดต่อช้า ๆ "ป้ากลัวว่าใช้สามสิบบาทแล้วป้าจะไม่หาย ป้ากลัวเดินไม่ได้" ป้าศรีทิ้งคำพูดไว้แค่นั้น แต่สีหน้าและดวงตาเหมือนกับจะบอกว่า 'แล้วใครจะดูแลลุงศักดิ์ต่อล่ะ ?' "ของป้าเป็นคนละโรคกันกับของลุงนะครับ โรคของป้าพอผ่าตัดแล้วส่วนใหญ่ก็ดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็ไม่ปวดมาก ไม่ได้ผ่าแล้วแย่ทุกรายนะครับป้า" ป้าศรีหยุดนิ่งไปนาน นึกคำพูดอะไรบางอย่างอยู่ แล้วก็ค่อย ๆ พูดช้า ๆ แต่น้ำเสียงหนักแน่น "หมอศักดิ์บอกว่าถ้ากลัวก็ฝากพิเศษก็ได้ หมอคิดหมื่นหนึ่ง แล้วจะดูแลเป็นพิเศษ จะรีบลัดคิวให้ ...ป้าไม่มีเงินเหลือแล้วหมอ ลูกยังเรียนไม่จบเลย" ผมเชื่อว่าป้าศรีไม่โกหก ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเหตุผลอะไร แต่ผมก็เชื่ออย่างนั้น "ป้าบอกหมอไปก็ได้ว่าป้าไม่มีเงิน รอเข้าคิวผ่าตอนลูกปิดเทอมก็ได้ ลูกจะได้มาช่วยดูแลลุงตอนป้านอนโรงพยาบาล" ผมนึกถึงแววตาของลูกสาวป้าศรีซึ่งแน่วแน่เหมือนแม่ไม่มีผิดเพี้ยน "ป้าไปรักษาที่คลีนิกทุกทีเลยหมอ หมอแกยังไม่ได้นัดผ่าตัดเลย ข้างบ้านก็บอกว่าใส่ซองไปเถอะ ตอนแกมาผ่าก็ใส่ซองไปหมื่นนึงเหมือนกัน" "ป้าจะมารักษาที่โรงพยาบาลไหมล่ะ ? เดี๋ยวหมอนัดเจอหมอคนอื่นให้" ผมนึกชื่อหมอรุ่นราวคราวเดียวกันได้สองถึงสามคน คนที่อย่างไรก็ไม่มีวันเรียกเงินจากคนป่วยเหล่านี้ น่าเสียดายที่รายชื่อเหล่านี้ลดน้อยลงทุกที ...เมื่อไหร่มันจะมาถึงคิวของผมนะ "ไม่ดีหรอกหมอ ป้ารักษากับแกมานานหลายเดือนแล้ว มาผ่ากับหมอคนอื่นแล้วถ้าแกมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี" "ไม่เป็นไรหรอกป้า ไปขอใบส่งตัวมา แล้วมาหาผมคราวหน้าก็ได้ แล้วผมจะส่งไปให้หมอเขาดูให้ เขาไม่ว่าหรอก" "แล้วมันจะไม่เป็นไรหรือคะ หมอ ?" ...ตั้งแต่ผมรู้จักป้าศรีมาเกือบปี คนเดียวที่ป้าศรีทำร้ายและทำลายคือตัวป้าศรีเอง "ไม่เป็นไรแน่ ๆ ป้า ตอนผ่าลุงศักดิ์หมอยังไม่เรียกเงินป้าเลย บาทนึงป้าก็ยังไม่เคยให้หมอ หมอก็รักษาลุงมาตลอด..." มันต้องเป็นแบบนี้ มันต้องไม่มีใครไปรีดเลือดจากคนที่เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คนที่แทบไม่มีความหวังใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว ผมเชื่ออยู่เสมอว่าในวงการแพทย์ 'ความหวัง'ไม่มีวันตีค่าเป็นเงินได้อย่างแน่นอน ผม ...เรา ไม่เคยทำอะไรกับเรื่องแบบนี้ได้เลย นี่เป็นการให้โดยเสน่หา (ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสะกดแบบนี้ถูกหรือเปล่า) เป็นการปฏิบัตินอกระบบราชการ มันเป็นเวชปฏิบัติส่วนตัวซึ่งผู้ทำจ่ายค่าตอบแทนให้กับรัฐแล้วด้วยการไม่รับ เงินหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน เป็นการให้เพื่อขอคิวผ่าตัดและขอการรักษาที่ดีกว่า(หรืออาจไม่ดีกว่า)มาตรฐา นโดยไม่มีหลักฐานการรับเงิน คิวผ่าตัดอยู่ที่ปลายปากกา มิหนำซ้ำ จะผ่าตัดหรือไม่ก็อยู่ที่แพทย์นั่นเอง ผมเชื่อว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่กัดกร่อนศรัทธาและท้าทายวงการแพทย์ อยู่ทุกวัน ก่อนนี้ผมเคยคิดว่าวงของการรับซอง/รับเงินนั้นถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มแคบ ๆ แต่สิบปีที่ปฏิบัติอยู่ในวงการ ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นแพทย์สาขาใดก็สามารถหาช่องทางเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่ย ากเย็นนักถ้าวันนั้นคุณลืมเอาคุณธรรมติดตัวไปที่คลีนิกด้วย และหลายคนยินดีที่จะลืม และลืมได้บ่อยเสียอีก สุดท้ายผมนัดป้าศรีมาอีกสองเดือน ป้าศรียอมรับความจริงที่ว่าถ้าเป็นมากกว่านี้ผลการรักษาอาจไม่ดี และลูกสาวอาจจะต้องลำบากเพราะต้องดูแลคนเจ็บสองคนแทนที่จะดูแลคนเจ็บคนเดียว ถ้าปวดมากหรือแย่ลง ป้าศรียินดีที่จะให้ผมปรึกษาหมอคนอื่นให้ ...หวังว่ารายชื่อหมอที่ผมคิดไว้จะไม่ลดน้อยลงในช่วงสองเดือนต่อจากนี้ไป ถ้านักเรียนแพทย์หรือแพทย์ฝึกหัดได้ผ่านมาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ ผมขอฝากเรื่องนี้ไว้ให้คิดไว้ด้วยว่าวันหนึ่งข้างหน้า ชีวิตของเราจะเดินไปในทิศทางใด จนถึงปัจจุบันผมยังเชื่อว่าคนดีมีมากกว่าคนไม่ดี แต่คนไม่ดีที่ฉลาดจะทำอันตรายคนอื่นได้มากกว่าคนไม่ดีที่โง่อย่างแน่นอน ถ้ามันจะทำร้ายจิตใจมากจนเกินไป ก็ขอให้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเรื่องหนึ่งก็ได้ แล้วเราจะเจ็บปวดกับมันน้อยลง
post ครั้งแรก Thaiclinic.com/doctorroom 14 กค. 2549 หัวเรื่องเดียวกัน ใช้ชื่ออื่น
Create Date : 14 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 10:09:11 น. |
|
2 comments
|
Counter : 868 Pageviews. |
|
|
|
โดย: keano (jonykeano ) วันที่: 5 กันยายน 2549 เวลา:22:05:39 น. |
|
|
|
โดย: ชาวบ้านเมืองกรุง IP: 10.15.20.111, 202.57.146.188 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:53:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|