เรื่องที่ไม่มีสอนในโรงเรียนแพทย์: The Untold Stories from The Medical School.
ผลประโยชน์ทับซ้อน

อัฐหลาน ซื้อขนมยาย ... ยายกิน

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้หนังสือชักชวนให้ไปลงทุนใน " เครื่อง MRI " ที่ติดตั้งอยู่แล้วในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัด เสนอจำนวนหุ้น ยอดเงินลงทุน ผลกำไร(ที่คาดว่า)จะได้รับ และแน่นอนว่าต่อท้ายด้วยผลประโยชน์ของประชากรในจังหวัดที่ไม่ต้องเิดินทางไปไกลสองร้อยกว่ากิโลเมตรเพื่อไปตรวจด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกันนี้ในจังหวัดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง

ด้วยหลักการง่าย ๆ ที่ว่าเครื่องนี้ราคานับสิบล้าน ต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ การอ่านผลการตรวจต้องการรังสีแพทย์ที่ได้กรับการอบรมมา ผลการตรวจสามารถมองเห็นความผิดปกติในอวัยวะที่ต้องการได้ชัดเจนและดีกว่าเครื่อง CT scan ในแทบทุกอวัยวะ และในปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถข้ามไปดูการทำงานของอวัยวะได้มากขึ้นกว่าสมัยก่อนที่ดูได้เพียงความผิดปกติทางโครงสร้างเท่านั้น

ความ "เหนือกว่า" ของมันต้องแลกด้วยราคาที่สูงขึ้น โรงพยาบาลในฝ่ายรัฐถ้าบริหารงานแบบ "ก้นรั่ว" และไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่จริงแล้วรับรองได้ว่าไม่มีทางมีเครื่องนี้ประจำโรงพยาบาลได้แน่ นั่นเป็นที่มาของเครื่องที่ว่า ว่าทำไมถึงมีได้แค่เครื่องเดียวในโรงพยาบาลเอกชน

ไหน ๆ ก็พูดถึงเครื่องนี้แล้ว พูดถึงมันอีกสักหน่อย ช่วงแรกผมรู้สึกดีกับมันมาก จากเดิมที่คนไข้ต้องรอ "เป็นเดือน" หรือ "หลายเดือน" กว่าจะได้ไปทำที่ต่างจังหวัด (ต้องผ่านระบบนัด ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์การรักษาพยาบาล และคิวที่ยาวเหยียด) กลายเป็นได้ผลในสองสามวัน ถึงแม้เครื่องในจังหวัดที่ผมอยู่จะเป็นแบบเก่าไปบ้าง ความละเอียดของภาพไม่สูงนักและคุณภาพสู้เครื่องดี ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ แต่การได้กำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไว้ในอุ้งมือย่อมดีกว่าการกำอากาศเปล่า ๆ เป็นแน่

แต่การเป็น "เอกชน" ของมันก็ทำให้เกิดกระบวนการ "ไม่ปกติ" อยู่บ้าง แต่เมื่อมันกลายมาเป็นการค้ากึ่งผูกขาด สิ่งเหล่านี้สามารถปิดหูปิดตาปิดปากคนหลายคนได้ไม่ยากนัก ทำให้สิ่งที่เป็นเหมือนฝันหวานของหมอหลายคนในจังหวัดอาจมีขมปนอยู่บ้าง ..... จนกระทั่งวันหนึ่งมันกลายเป็นฝันหวานปนขมที่กำลังจะจบลง

..............................................

เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนส่งจดหมายที่ผมเกริ่นไวัที่หัว blog ร้องขอการร่วมลงทุนในเครื่อง MRI ติดตั้งอยู่ในโรงพยาบาล... มันเกิดอะไรขึ้น ?

เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่บ้างว่าเครื่อง MRI เครื่องนี้ไม่ได้เป็นของโรงพยาบาลเอกชนที่ว่า แต่เป็นของบริษัทเอชนอีกแห่งหนึ่งที่มาขอเช่าพื้นที่ติดตั้งเครื่อง MRI หมอคนที่อ่านผลจากเครื่องอยู่ต่างจังหวัด รับอ่าน film ผ่านทางระบบ internet ... โลก online สัญญาเช่าระบุว่าถ้าคนไข้มาทำ MRI น้อยและเงินที่ได้ไม่คุ้มทุน บริษัท MRI ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ค่าเ่ช่าจะคิดจากกำไรที่ได้เท่านั้น

หนังสือจากโรงพยาบาลเอกชนแจ้งมาว่าปัจจุบันนี้สถานการณ์ของเครื่อง MRI กำลังอยู่ในช่วงขา่ดทุน บริษัท MRI จะต้องจ่ายค่าผ่อนเครื่อง(เงินดาวน์วางไปแล้ว อยู่ระหว่างผ่อน) ค่าบำรุงรักษา ค่า DF แพทย์ (คนส่งและคนอ่านได้เงินทั้งคู่) และค่าจ้างพนัึกงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการการสนับสนุนโดยต้องมีคนไข้ไปทำ MRI อย่างน้อยวันละ 5 คน (ไม่รู้ว่าสัปดาห์หนึ่งเขาคิดเจ็ดวันหรือแค่ห้าวันทำการ) แต่ปัจจุบันมีคนไข้ถูกส่งไปทำเฉลี่ย 3.5 คนต่อวัน

ขาดอีก 1.5 คนต่อวัน(ต้องหาคนไข้ไปทำเพิ่มอีกสามคนต่อสองวัน)ถึงจะไม่ขาดทุน

บริษัท MRI ให้การจูงใจแพทย์โดยคิดเงินค่า DF (ค่าส่งผู้ป่วยไปทำ MRI)ให้แพทย์ผู้่ส่งจำนวนหนึ่ง แต่จำนวนคนไข้ที่ไปทำก็ยังไม่มากพอ และบริษัทกำลังจะถอนตัวออกไป คงไปหาจังหวัดอื่น-โรงพยาบาลอื่นต่อไป แต่โรงพยาบาลเอกชนมีความต้องการให้เครื่องนี้อยู่ที่โรงพยาบาลต่อไป หมอเจ้าของโรงพยาบาลก็เลยออกหนังสือเชิญชวนให้ "ร่วมกันเป็นเจ้าของ" นั่นคือซื้อเครื่องนี้ต่อจากบริษัทที่เป็นเจ้าของเดิม โดยต้องจ่ายเงินค่าเครื่อง(เงินดาวน์ที่ลงไปก่อน) ผ่อนต่อ จ้างพนักงานต่อ บำรุงรักษาเอง และอาจรวมถึงการหาหมอมาอ่านผล MRI เอง

โรงพยาบาลเอกชนจะไปหาแหล่งเงินทุนจากไหน ???

ยอดเงินไม่ถึงห้าล้าน เดินไปหานักธุรกิจสักคนในจังหวัดก็ได้แล้ว แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น ... สิ่งที่โรงพยาบาลเอกชนต้องการไม่ใช่แค่เงินเพื่อซื้อเครื่อง MRI แต่เขายังต้องการ "ยอด" ... 5 คนต่อวัน เพื่อเป็นการรับประกันการไม่ขาดทุนของเครื่อง MRI ที่วางอยู่ในโรงพยาบาลของเขา

ดังนั้นหนังสือชักชวนลงทุนจึงถูกส่งไปให้แพทย์... โดยเฉพาะแพทย์ที่เคยส่งคนไข้ไปทำ MRI ที่โรงพยาบาลของเขา

..............................................

หนังสือมาถึงพร้อมกับคำถามเชิงจริยธรรมที่ว่าทุกวันนี้บริษัท MRI ในนามของโรงพยาบาลเอกชนให้ DF: Doctor fee เป็นเงินตอบแทนแพทย์ผู้ส่งคนไข้ไปทำ MRI (ผมไม่รู้ว่าเขาให้/ได้กันรายละเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะกี่บาทก็คงไม่ต่างกัน-คิดถึงเงินหนึ่งบาทเป็นสัญลักษณ์ก็ได้) เป็นผลประโยชน์ที่แพทย์ผู้ส่งได้รับ และแน่นอนว่าถ้าแพทย์ผู้ส่งเป็นเจ้าของเครื่องนี้ด้่วย จะเหมือนเขาเป็นเจ้าของในโรงพยาบาลเอกชนด้วย(หรือไม่ ?)

ในทางธุรกิจ โรงพยาบาลเอกชนอาจตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ดำเนินงานด้วยระบบเดิมแต่เปลี่ยนเจ้าของ แพทย์ผู้ร่วมทุนอาจไม่ได้ร่วมทุนกับโรงพยาบาลเอกชนแต่ร่วมทุนกับอีกบริษัทหนึ่ง ทว่าผลประโยชน์ที่แพทย์ได้ถึงอย่างไรก็ไม่ต่างกันอยู่ดี เงินจากกระเป๋าเดียวกัน ถ่ายผ่านคนกลางมาเข้ากระเป๋าหมอเหมือนเดิม

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าช่วยเขาไปเถอะ เงินไม่มาก (เขากระจายหุ้นไปหลายสิบหุ้น หุ้นละไม่มาเมื่อเทียบรายรับต่อเดือนของแพทย์) ช่วยแล้วจะได้มีเครื่อง MRI ไว้ให้คนในจังหวัดได้ทำ จะได้ไม่ต้องรอคิวทำที่ต่างจังหวัดอีกเป็นเดือน กำไรก็อย่าไปคิดว่ามันจะมาก แค่พอ "อยู่ได้" เท่านั้นก็ดีแล้ว

แต่บางสิ่งบางอย่างบอกผมว่าเมื่อเรา "ร่วมุทน" หรือ "ลงทุน" เมื่อนั้นสิ่งที่เราทำจะกลายเป็นธุรกิจ และธุรกิจที่ว่าย่อมต้องเป็นสิ่งที่ให้ผลตอบแทน ผลตอบแทนที่ได้นั้นย่อมจะมาจากการที่ผมส่งคนไข้ไปทำ MRI (ที่ผมเป็นเจ้าของ) นั่นเอง...

..............................................


ไม่ต่างจากยายทำขนม หลานเอาเงินตัวเองมาซื้อ เสร็จแล้วเอาไปให้ยายกิน
ยายอิ่ม... แถมยังได้กำไรอีกต่างหาก...

เพิ่งรู้สึกแฮะว่า "ผลประโยชน์" นี่มันหอมหวนชวนชิมเสียนี่กระไร แล้วยิ่งเป็น "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ยิ่งน่าเขมือบขึ้นไปอีกหลายเท่า



"...ถูกกฎหมายชอบธรรมมันก็จริง แต่สิ่งที่ไม่เหลือคือความศรัทธา"
ยืนยง โอภากุล
สมภารเซ้งโบสถ์
//www.carabao.net/MusicStation/musicPlay.asp?id=282



นำไป post ครั้งที่สองที่ thaiclinic.com/doctorroom หัวเรื่องเดียวกัน
//www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1250845851;start=0
ใช้ชื่อ "คนบ้าในห้องพักแพทย์"


Create Date : 21 สิงหาคม 2552
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 16:12:07 น. 0 comments
Counter : 1115 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Zhivago
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




มนุษย์เข้มแข็ง
กว่าที่ตนคิดไว้เสมอ
New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zhivago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.