เรื่องที่ไม่มีสอนในโรงเรียนแพทย์: The Untold Stories from The Medical School.
จะสอนกันยังไง ?



เมื่อวานมีประชุมแผนก ฯ เพื่อนคนหนึ่งที่เป็นคนดูแลนักเรียนแพทย์ปีที่ 5 ประกาศกลางที่ประชุมว่านักเรียนแพทย์ที่เดิมเคยแบ่งมาสอนที่แผนกปีละสองรุ่น รุ่นละ 7-8 คน ( 6 สัปดาห์ต่อรุ่น) ทางศูนย์แพทย์ฯ "ฝากบอก" มาว่าเปลี่ยนเป็นขึ้นพร้อมกันทั้งรุ่น 15 คน โดยเวลารวมเท่าเดิมคือ 6 สัปดาห์ !!!

เป็นเรื่องแล้วล่ะสิครับทีนี้


ศูนย์แพทย์ฯ คืออะไร (อันที่จริงน่าจะถามว่าคือใครมากกว่า) ? แล้วที่ทำอย่างนี้นั้นมัน ..ชอบธรรม หรือไม่ ?

ถ้าใครไม่รู้จักศูนย์แพทย์ฯ ขออนุญาตให้รายละเอียดไว้สักเล็กน้อยครับ ศูนย์แพทย์ฯ ในที่นี้มีชื่อเต็มว่า "ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลีนิก"
...อ้าว แล้วเจ้า ชั้นคลีนิกนี่มันอะไรอีกล่ะ ?

ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปก็แล้วกัน การเรียนแพทย์ในปัจจุบันนั้นเขาเรียนกัน 6 ปี จบออกมาได้แพทยศาสตร์บัณฑิต ระหว่างเรียนจะแบ่งเป็น 3 ช่วง ปีแรกเป็น premedication คือเรียนวิชาทั่วไป ให้พอมีความรู้ไปใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์คนอื่นเขาได้บ้าง ส่วนปีที่ 2-3 เป็นชั้น preclinic คือเรียนเพื่อเตรียมตัวไปปฏิบัติกับผู้ป่วยเจ็บในชั้นปีที่ 4-6 ต่อไป ซึ่งชั้นปีที่ 4-6 นั้นจะเรียกเป็นชั้น clinic

...ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลีนิก เป็นหน่วยงานที่จะควบคุมดูแลนักศึกษาชั้นปีที่ 4-6 ของโรงพยาบาลนั้นเอง ดำเนินงานโดยแพทย์ที่มีหัวหน้าท่านหนึ่ง ซึ่งมีอาวุโสพอสมควร และอาจจะมีความรู้เรื่องการเรียนการสอน และหลักสูตรอยู่พอควร เพื่อเป็นผู้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างของนักเรียนแพทย์ในศูนย์ และประสานงานเรื่องการเรียนการสอนให้ต่อเนื่องเรียบร้อย

นักเรียนของศูนย์ที่ผมทำงานอยู่ ช่วงสามปีแรกส่งไปเรียนในกรุงเทพฯ นะครับ ส่วนสามปีหลังกลับมาเรียนกับโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์แพทย์อีกที

ประเด็นของเรื่องก็คือศูนย์แพทย์ฯ ซึ่งควรเป็นผู้ดูแลหลักสูตรและประสานงานการเรียนการสอน กลับประกอบไปด้วยหัวหน้าซึ่งเป็นแพทย์อาวุโส และรอง/ผู้ช่วย ซึ่งก็เป็นแพทย์ที่ต้องทำงานรักษาคนเจ็บคนป่วยอยู่ ก็เลยไม่ได้ทำงานการเรียนการสอนเต็มที่ ประสบการณ์เรื่องการเรียนการสอนก็ไม่มี ประสบการณ์เรื่องการจัดการระบบโรงเรียนแพทย์ก็ไม่มี เลยเหมือนกับ "เตี้ยอุ้มค่อม" คือแทนที่จะถูไถไปได้ ก็จะพาลพังกันไปทั้งสองคน


...แล้วตั้งโรงเรียนขึ้นมาทำไม ในเมื่อไม่เห็นมีอะไรจะพร้อมกันเอาเสียเลย?
เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันได้คุยถึงหัวข้อของวันนี้กันพอดีครับ


เข้าเรื่องดีกว่า ..เดิมแผนกอายุรกรรมจะส่งนักเรียนปีสี่และปีห้าไปเรียนที่โรงพยาบาลอื่น เพราะจำนวนแพทย์น้อย คนไข้มาก ไม่สามารถสอนนักเรียนได้ ก็เลยแบ่งนักเรีนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเรียนศัลยกรรมที่นี่ อีกกลุ่มไปเรียนอายุรกรรมที่อีกจังหวัดหนึ่ง พอครบหลักสูตร (6 สัปดาห์) ก็สลับกัน คือเอาเด็กที่ผ่านการเรียนแผนกอายุรกรรมจากอีกจังหวัด กลับมาเรียนศัลยกรรมต่อ แล้วกลุ่มเดิมก็ไปเรียนอายุรกรรมที่ต่างจังหวัด เป็นอย่างนี้มาแล้วสามปี

พอมาปีที่สี่นี้ ทางอายุรกรรมก็เลียบเคียงถามแผนกศัลยกรรมมาบ้างว่าจะสอนทีเดียว 15 ตนเลยได้ไหม (รุ่นนี้ควรมี 16 แต่เสียชีวิตไปหนึ่ง) แต่ก็ไม่ได้ถามอย่างเป็นทางการ หรือนำเข้าที่ประชุมตัวแทนแผนกในที่ประชุมศูนย์แพทย์ฯ เลย พอวันดีคืนดี 4 สัปดาห์ก่อนนักเรียนขึ้น ก็มาบอกว่าให้รวบหัวรวบหาง สอนมันทีเดียวไปเลย ออกเป็นตารางสอนกันเรียบร้อย

ไม่มีการประชุม ไม่มีรายงานการประชุม ไม่มีใครได้ให้ความเห็นถึงการเรียนการสอนในแบบรวมกลุ่มใหญ่นี้ ไม่เคยมีการสอบถามผู้สอนว่าบทเรียนที่มีจะรองรับการสอนแบบนี้ได้ไหม ไม่มีมติที่ประชุม ไม่มีคำสั่งรองรับ(แปลว่าไม่ต้องมีคนรับผิดชอบ ทุกคนที่เกี่ยวข้องมีความเห็นชอบกันเอง; อย่างไม่เป็นทางการ)

ทางศัลยกรรมมีหน้าที่จับเด็กสิบห้าคนยัดเข้าในกล่องที่ควรจะมีเด็กแปดคนอยู่อย่างพอดี ๆ !!!!!

ผมไม่อยากยกประเด็นการเมืองมาเกี่ยวข้อง ..แต่มันเหมือนการเมืองไทยยังไงไม่รู้แฮะ

คุณถูกบังคับให้สอน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ความพร้อมในการสอนนักเรียนแพทย์ชนบทในโรงพยาบลศูนย์นั้นต่ำ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
การดูแลนักเรียนให้ทั่วถึงนั้นยิ่งเป็นไปได้ยากขึ้นไปอีก

ด้วยปรัชญาการทำงานที่ยึดอยู่บนงานบริการเป็นอันดับหนึ่ง งานวิชาการและบริหารเป็นอันดับสอง และการเรียนการสอนมาเป็นอันดับสุดท้าย ไม่มีใครหยุดผ่าตัดหรือหยุดตรวจคนป่วยมาสอนหนังสือเป็นแน่ รูปแบบการเรียนการสอนที่เตรียมไว้สำหรับนักเรียนจำนวนแปดคน จะต้องเอามากระจายให้นักเรียนสิบห้าคน

...ถ้าอยากรู้ว่ามันกร่อยขนาดไหน ลองนึกถึงโอวัลตินที่ชงมาอร่อย ๆ แล้วต้องเอาน้ำมาใส่เพิ่มเป็นสองเท่า แล้วแบ่งกันกินสองคน หรือเอามาม่ามาต้ม แล้วรอให้มันอืด ๆ ค่อยแบ่งกันกินสองคนก็แล้วกัน

ผมจะไม่ว่าอะไรเลยหากการเรียนการสอนเพื่อผลิตแพทย์คนหนึ่งออกมาจะเป็นเพียงการบรรยายในชั้นเรียน แล้วก็จบกันไป กลับไปอ่านหนังสือแล้วมาสอบ อันนี้ให้สอนเป็นร้อยก็ยังไหว ขอแค่ห้องเรียนเย็น ๆ กระดานใหญ่ ก็พอ

แต่กระบวนการเรียนการสอนเพื่อผลิตแพทย์คนหนึ่งนั้นมีมากกว่านั้นเยอะ เด็กที่เป็นผลผลิตแบบนี้ต้องมองเป็นงานหัตถกรรม ที่ต้องค่อย ๆ ปั้นแต่งให้เข้ารูป จัดให้เข้าที่เข้าทางทีละน้อย ไม่ใชผลิตออกมาแบบงานอุตสาหกรรมแบบนี้ นักเรียนต้องไปดูแลคนไข้บนตึก ต้องฝึกทำหัตถการต่าง ๆ กับคนไข้ (เจาะเลือด ใสสายสวน เย็บแผล ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ฯลฯ) ซึ่งไม่ใช่จะเอาเด็กมาอัดกันเรียนให้แน่น ๆ แล้วคนสอนก็สบาย เพราะเดิมสอนสองรุ่น แต่คราวนี้เหลือรุ่นเดียว ประหยัดเวลาลงครึ่งหนึ่ง แล้วคุณภาพการเรีนการสอนก็แย่ลงครึ่งหนึ่งด้วย ดีไม่ดีจะมากกว่าครึ่งด้วยซ้ำ การดูแลนักเรียนที่ไม่ทั่วถึง การจัดการเรียนการสอนที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละแบบ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะเตรียมการเรียนการสอนแบบใหม่ได้ในเวลาเพียงสี่สัปดาห์

อย่าว่าแต่คนที่แทบไม่มีประสบการณ์การเรีนการสอนเลย ต่อให้คนที่เป็นอาจารย์มืออาชีพ แล้วต้องปรับระบบการเรียนการสอนให้นักศึกษาปริญญาโทเหล่านี้ก็ยังยากใช่เล่น จากเดิมที่อาจเตรียมการสอนแบบกลุ่มย่อย เตรียมกรณีศึกษาให้วิเคราะห์ เตรียมหัวข้อให้วิจารณ์ ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นการบรรยายในห้องเรียน (แล้วก็ไม่แคล้วมีนักเรียนหลับเกือบครึ่ง) การได้ฝึกปฏิบัติงาน ได้เห็นผู้ป่วย ได้ประสบการณ์ ทั้งหลายเหล่านี้จะต้องลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ทำไมต้องให้นักเรียนมาเป็นผู้รองรับความไม่พร้อมในการเรียนการสอน โดยที่ต่างก็ทราบผลลัพธ์ของการจัดการแบบนี้อยู่แล้วเล่า ???


นี่เป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของสถาบันใหม่หลาย ๆ แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาบันที่ไม่มีหน่วยงานสนับสนุนหรือมีคนที่มีความตั้งใจ แต่ขาดความรู้และประสบการณ์มาจัดการ
ถ้าขอคำแนะนำเป็นการส่วนตัว ผมว่าถ้าใครสักคนอยากเรียนแพทย์ อยากมีมาตรฐานที่เหมาะสม ควรศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้บ้าง ถ้าเป็นคนเก่ง คนมีความสามารถ ผมแนะนำให้เรียนในสถาบันที่มีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับ ดีกว่าเอาตัวเองมาเสี่ยงกับระบบและคนที่ไม่พร้อม

อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง

Last Update : 28 เมษายน 2549 0:04:50 น

-------------------------------------


ล่าสุด ทางศูนย์แพยศาสตร์ศึกษา ยอมจัดตารางหมุนเวียนใหม่ เป็น 2 รุ่น รุ่นละ 8 คน ตามการยืนยันของแผนกไปแล้วครับ และคาดหวังว่าปีต่อไปคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก


Create Date : 27 เมษายน 2549
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 10:35:53 น. 2 comments
Counter : 728 Pageviews.

 
จบไปแล้ว 1 รุ่น
เป็นไง บ้าง ล่ะ ครับ
การเรียนการ สอน ไม่อำนวยจริง ๆ จะผลิตแพทย์ ที่ได้ พบ. <แพทย์ศาสตร์บัณฑิต> ได้ไงครับ .... อันตรายกับคนไข้ ครับ ...
นักเรียนที่จบไปแล้ว ... ห่วยมากเหรอครับพี่...
ผมว่า ระบบห่วยมากกว่าครับ....
เรียนที่ไหน เหมือนกันแหละครับ เรียนที่ไม่พร้อม...case เยอะ ถ้าขยัน ก็ได้เยอะครับ


โดย: oha IP: 203.188.44.37 วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:19:51:16 น.  

 
ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน ..ไม่นึกว่าจะมีคนมาอ่านกันเร็ว ๆ อย่างนี้ด้วย
เห็นด้วยครับว่าส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ระบบ และคนที่อยู่ในระบบก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มากนัก



โดย: zhivago (Zhivago ) วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:5:51:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Zhivago
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




มนุษย์เข้มแข็ง
กว่าที่ตนคิดไว้เสมอ
New Comments
Group Blog
 
 
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zhivago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.