ล่าไอค์มันน์
วันก่อนเพิ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "ล่าไอช์มันน์" (Adolf Eichmann)
ไอช์มันน์ (หลายคนบอกว่าออกเสียงเป็น ไอค์-มัน) เป็นมือขวาของฮิตเลอร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ติดยศนายพล มีหน้าที่ "แก้ปัญหาสุดท้าย" ของคนยิวหกล้านคนที่เยอรมันกวาดต้อนไปเข้าค่ายกักกัน ไอช์ฺมันน์ร่วมมือกับหมอเยอรมันอีกคนจัดการประหารยิวหกล้านคนอย่างโหดเหี้ยม...
หลังสงครามไอช์มันน์หายตัวไปไม่มีร่องรอย อิสราเอลตามหาตัวจนแทบพลิกแผ่นดินเพื่อจะเอาตัวมาขึ้นศาลอาญา(ศาลอาญา ไม่ใช่ศาลอาชญากรสงคราม)ในอิสราเอลข้อหาฆ่า่พลเรือนยิวหกล้านคนในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้ง ที่สอง
ไอช์มันน์หนีอยู่สิบสองปี...
ปรากฎว่าวันหนึ่งมีคนสงสัยว่าไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งในบัวโนส ไอเรส อาเจนตินา เป็นลูกชายไอช์มันน์ ด้วยไอ้หนุ่้มใช้นามสกุล "ไอช์มันน์" อย่างเปิดเผย อายุตรงกับลูกชายคนหนึ่งของไอช์มันน์ด้วย และมีคนส่งข่าวผ่านเจ้าหน้าที่กฎหมายในเยอรมัน(ซึ่งมีเชื้อยิวอยู่) เจ้าหน้าที่กฎหมายคนนั้นส่งข่าวไปยังหัวหน้าหน่วยมอสสาดในอิสราเอล(คงเทียบ ได้กับ CIA ของสหรัฐ)
มอสสาดส่งคนไปขับรถผ่านบ้าน สอบถามคนแถวนั้น แอบเอากล้องไปถ่ายรูป โดยใช้เจ้าหน้าที่สนามสี่คนที่ไม่ใช่สายลับ ไม่ใช่มืออาชีพ แต่สุดท้ายก็สามารถหาข้อมูลไปส่งให้อิสราเอลยืนยันตัวไอช์มันน์ได้
มอสสาดในยุโรปสืบมาได้ว่าลูกเมียไอช์มันน์นั้นพอเยอรมันแตกก็ไปอยู่ออสเตรีย จากนั้นเมียแต่งงานใหม่กับคนอาร์เจนตินาแล้วย้ายไปอยู่บัวโนสไอเรส( ที่เดียวกันกับที่สงสัยว่าไอช์มันน์ไปซ่อนตัวอยู่) ทีมงานก็เลยสงสัยว่าการแต่งงานใหม่นั้นอาจเป็นการแต่งกับไอช์มันคนเดิมที่เปลี่ยนชื่อเสียงเปลี่ยนสัญชาติใหม่ พอกลับมาแต่งงานกันแล้วก็ย้ายไปอยู่ที่เดียวกัน ...ปรากฎว่้าจริง
จากนั้นหน่วยมอสสาดส่งทีมชุดใหญ่สองชุดไปในนามนักท่องเที่ยว ทุกคนเดินทางออกจากอิสราเอลต่างวันต่างเที่ยวบินกัน แวะพักที่ประเทศใดประเทศหนึ่งอย่างน้อยหนึ่งประเทศก่อนจะไปลงที่บัวโนส ไอเรส และรวมทีมกันที่นั่น (หัวหน้าหน่วยมอสสาดก็เป็นหนึี่งในนั้นด้วย-ปลอมตัวไป-เป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้) ในนั้นมีนักปลอมแปลงเอกสาร หมอ เจ้าหน้าที่เทคนิค และแม่บ้านหญิงคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย
หัวหน้าหน่วยมอสสาดไปพักโรงแรม แห่งหนึ่ง นัดพบลูกทีมทีละคนสองคนตามร้านกาแฟ เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเช่าบ้านได้หลายหลังเอาไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด (เช่าไว้เจ็ดหลัง) และบางครั้งก็ไปประชุมกันที่บ้านเช่า safe house เหล่านั้น
ไปรวบตัวไอช์มันน์ได้ที่หน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าบ้านหลังกลับจากที่ทำงาน โดยที่ก่อนหน้านั้นทีมงานมาเฝ้าดูอยู่หลายวันจนยืนยันหนักแน่นว่าเวลาเดินกลับบ้านของไอช์มันน์เป็นช่วงไหน มีใครอยู่ด้วยบ้าง และจังหวะไหนจะเหมาะ ก่อนจะซักซ้อมกันมาอย่างดีหลายครั้ง (ไอช์ฺมันน์เดินลงจากรถเมล์ เข้าซอยเพื่อเดินเข้าบ้านเป็นกิจวัตรในเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน) หลังจากจับได้แล้วจึงเอาไปยืนยันตัวใน safe house หลังหนึ่ง
จริง ๆ แล้วก่อนจะไปจับตัวมานั้นนั้นทีมงานได้แต่ "คาดว่า" คนคนนี้เป็นไอช์มันน์โดยมีโอกาส ถูกแค่สองในสาม อาศัยยืนยันจากหลักฐานภาพถ่ายโดยให้คนที่เคยเห็นไอช์มันน์มาดูภาพ และให้เจ้าหน้าที่เทียบภาพถ่ายใหม่กับภาพในอดีต เป็นสองส่วนจากสามส่วนที่คิดกันเอาไว้ อีกส่วนที่ไม่ได้ใช้คือเอาคนที่เคยเห็นมายืนประจันหน้าก่อนจับเพื่อชี้ตัว แต่เสี่ยงเกินไปเลยยกเว้นวิธีนี้เสีย
ไอช์มันน์สารภาพในเวลาไม่นาน หลังจากหลุดปากตอบคำถามเฉพาะที่ตัวเองรู้เท่านั้นออกไปกับทีมงานจับตัว เขาปลอมตัวเป็นนายร้อย SS (หน่วยพิทักษ์ฮิตเลอร์) ถูกจับไปทำงานในค่ายกักกัน และปลอมตัวอีกครั้งเป็นนายสิบหน่วย SS เหมือนเดิม (หน่วยนี้จะสักกรุปเลือดเอาไว้ใต้รักแร้ ถูกตรวจพบได้ง่าย ตัวไอช์มันน์เองก็อยู่หน่วยนี้ เลยปลอมตัวเป็นทหารหน่วยอื่นไม่ได้) ตอนหลังได้ขอให้ทหารที่ควบคุมค่ายจัดการพาหนีโดยปลอมเอกสารประจำตัว ก่อนจะหนีไปบัวโนสไอเรสในที่สุด เขาเอาเงินที่ไ้ด้(จากการปล้นยิวในช่วงสงคราม)ไปลงทุนแต่ขาดทุน และในที่สุดก็ย้ายบ้านไปอยู่ชานเมือง ในเขตชนบท
ลูกชายไอช์มันน์ให้ สัมภาษณ์ในอีกหลายปีต่อมาว่าหลังจากพ่อถูกจับตัวไปก็ได้ไปขอความช่วยเหลือ จากนายทหาร SS ที่หลบหนีมาและติดต่อกันมาเป็นระยะ มีการส่ง "ปลาน้อย" (น่าจะเป็นพวกลูก ๆ หรือคนไม่สำคัญมากในกลุ่ม) ออกสืบหา แต่ไม่ได้แจ้งความเพราะถึงตรงนั้นก็คิดอยู่แล้วว่าต้องโดนอิสราเอลจับตัวไป (ฝ่ายทีมจับตัวก็อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน ไม่เห็นข่าวคนหายในหนังสือพิมพ์) ส่วน "ปลาใหญ่" (น่าจะหมายถึงพวกนายทหาร SS เก่าที่มีคดีติดตัว) ก็แยกย้ายกันหนีไป
สุดท้ายไอช์มันน์ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินที่มาส่งทูตพิเศษของอิสราเอลที่มาร่วมพิธีที่อาร์เจนตินา โดยปลอมตัวเป็นลูกเรือคนหนึ่งแล้ววางยาส่งขึ้นเครื่องไป ลูกเรือคนนั้นก็คัดมาเป็นพิเศษ เอาที่เค้าหน้าเหมือนไอช์มันน์แล้วให้ไอช์มันน์สวมรอยขึ้นเครื่องกลับไปแทน ทีมงานส่วนหนึ่งขึ้นไปกับเครื่องบินด้วย เครื่องบินลำนี้มีการเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว กำหนดการบินจะเป็นตัวกำหนดเวลาช่วงจับตัวไอช์มันน์ โดยวางแผนว่าจะจับตัวมาไว้ไม่นานเพื่อรับประกันความปลอดภัยว่าจะอยู่ใน อาร์เจนตินาไม่นาน จากนั้นส่งขึ้นเครื่องบินไปเลย
เครื่องบินพิเศษนั้นบินมาส่งทูต แล้วทำเหมือน "ตีเครื่องเปล่า" กลับไป แต่โดยธรรมชาติของสายการบินจะต้องขายตั๋วให้คนทั่วไปกลับไปด้วยเพื่อจะได้ ไม่เสียเที่ยว จึงสามารถกันที่ว่างไว้ให้สมาชิกในทีมจับตัวรวมทั้งหมอดมยา ขึ้นไปดูแลไอช์มันน์ต่อบนเครื่องได้หลายคน
ปรากฎว่าเอาเข้าจริงต้องกักตัวไว้เป็นสิบวัน เพราะเครื่องบินถูก delay จากทางการอาร์เจนตินา ด้วยการต้อนรับยังไม่พร้อมเครื่องจึงไม่ออกจากอิสราเอล ทีมงานเลยต้องแออัดยัดเยียดกันอยู่ในบ้านเช่า จำนวนคนในบ้านเกือบสิบคนแต่ต้องทำเป็นว่ามีคนอยู่แค่สองคน ที่เหลือซ่อนตัวอยู่ในบ้านพร้อมกับขังไอช์มันน์ไว้ในห้องห้องหนึ่ง กำหนดให้มีสองคนเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับไอช์มัีนน์ ไอช์มันน์ไม่ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวตลอดเวลา ต้องมีคนคอยประกบอย่างน้อยหนึ่งคน และอีกคนคอยดูอยู่หน้าห้อง ถูกใส่แว่นตาที่มีครอบไม่ให้มองเห็นอะไร หมอคอยตรวจร่างกายเป็นระยะ
ตลกร้ายของเรื่องก็คือผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านซึ่งทีมงานจัดไป ดันกลายเป็นยิวที่เคร่งศาสนา ทำอาหาร-กินอาหารก็ต้องเป็นตามศาสนาเป๊ะ ๆ กระทั่งการไปซื้ออาหารที่ไม่ถูกหลักศาสนาก็ทำไม่ได้ แทนที่จะช่วยเรื่องอาหารการกิน กลับต้องให้คนอื่นทำอาหารให้ ตัวเธอเองมีหน้าที่แค่ยกอาหารไปให้ไอช์มันน์เท่านั้น (ทีมงานจับตัวอยากให้ไอช์มันน์ผ่อนคลาย ก็เลยให้ผู้หญิงไปปรากฎตัวให้เห็นบ้าง สุดท้าย ไอช์มันน์ยอมลงชื่ออนุญาตให้จัุบตัวไปอิสราเอลได้-ลงชื่อหรือไม่ลงชื่อก็คง ไม่ต่างกันนะ ผมว่า)
ทีมงานที่เหลือจัดการกลบเกลื่อนร่องรอยแล้วหลบหนีออกจากอาร์เจนตินาทางเครื่อง บินและทางรถไฟก่อนนายกรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศการจับตัวไอช์มันน์อย่างเป็นทางการ
ไอช์มันน์ถูกนำตัวขึ้นศาลอาญา พิพากษาประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 15:36:05 น. |
Counter : 2884 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: mookyja 19 กุมภาพันธ์ 2553 15:58:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ทุนด้วยค่ะ
ทุนเรียนฟรี 1 ปี พร้อมที่พักระหว่างเรียน IELTS-EFL / PreMaster @Cambridge, UK รวม 30 ทุน
ถ้าผู้ได้ทุนเป็นนักเรียน โรงเรียนจะได้รับเงินบริจาค จากวิทยาลัย 10000 บาท ต่อนักเรียน 1 คนด้วยค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Mrs Rachinya Wilson,
International Director & Scholarship Coordinator
Cambridge Seminars Tutorial College
143-147 Newmarket Roead,
Cambridge, CB5 8HA
UK
Tel 00 44 1223 313 464
00 44 1223 300 123
00 44 7940 589 077
E mail camsem@hotmail.co.uk
rachinya@camsem.co.uk
rachinya.wilson@cambridgesemainars.co.uk
Websites: //www.cambridgeSTcollege.com
//www.camsem.co.uk
//www.cambridgeseminars.co.uk
หรือ ติดตามเอกสารประชาสัมพันธ์ทุนนี้ได้ที่สถานศึกษา หน่วยงานราชการทุกแห่งที่สังกัด กรมสามัญการศึกษา สำนักงานการศึกษาเอกชน กรมอาชีวศึกษา สกอ และ กพ
หรือ ติดตามได้ในบล๊อกนะคะ
กรุณาช่วยบอกต่อทุกคนที่รู้จักเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ