เรื่องที่ไม่มีสอนในโรงเรียนแพทย์: The Untold Stories from The Medical School.
เล่นเป็นพระเจ้า



จากประสบการณ์จริง เราบังอาจเล่นเป็นพระเจ้าได้ด้วยฤา ?

ค่ำวันหนึ่ง หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ และกำลังจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาวตัวโปรด หวังว่าจะได้ดูรายการ ‘TV Champion’ อย่างผ่อนคลายหลังจากทำงานมาทั้งวัน เสียงโทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้นอย่างเร่งเร้า

เมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นดู ที่หน้าจอขึ้นชื่อผู้เรียกเป็น ‘OHH…NO!’ (ชื่อสายโทรศัพท์ของโรงพยาบาล ผมตั้ง memory เป็นชื่อนี้ คงเพื่อบอกอะไรบางอย่าง) รู้ว่าต้องมีอะไรสักอย่าง วันนี้ผมอยู่เวร

“มีคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินค่ะ ‘จารย์’ ” น่าจะเป็นเสียงนักเรียนแพทย์ที่อยู่เวรห้องฉุกเฉินติดต่อเข้ามาขอคำปรึกษา
“ว่ามาเลย มีอะไร” ผมตอบสั้น ๆ พร้อมกับนึกเข้าข้างตัวเองว่าคงไม่น่าจะมีอะไรมาก
“จาก ER (ห้องฉุกเฉิน) ค่ะ เป็นผู้หญิงอายุ 21 ปี ตกจากรถมอเตอร์ไซค์ หมดสติ ส่งมาจากโรงพยาบาลชุมชนค่ะ…” ปล่อยให้เสียงเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ “ไม่ขยับแขนขาเลย ม่านตาขยายทั้งสองข้าง เกิดเหตุเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้ว ที่โรงพยาบาลชุมชนหัวใจหยุดเต้น ที่โน่น ปั๊มขึ้นมาแล้ว drip adrenaline (ให้ยากระตุ้นการเต้นหัวใจ) แล้วส่งมาที่เรา ตอนนี้วัดความตัดได้ต่ำมาก กำลัง ให้น้ำเกลือเต็มที่อยู่ค่ะ รายนี้กำลังท้องอยู่ด้วยค่ะ …”

“ปรึกษาหมอสูติฯ ไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมไป”
โดยไม่รอคำตอบ ผมปิดโทรศัพท์ ร่ำลาลูกเมีย แล้วคว้าจักรยานยนต์ขับไปโรงพยาบาล พร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเองว่าในสถานการณ์แบบนี้ จะต้องทำอะไรบ้าง

--------------


ที่ ER … ภาพที่ปรากฏต่อหน้า ผู้หญิงคนหนึ่งนอนหมดสติ มีเลือดซึมออกมาจากท้ายทอย ใส่อุปกรณ์ดามคอ ใส่ท่อช่วยหายใจอ นักเรียนแพทย์รีบเดินเข้ามาบอก

“G2P1 preg. 32 week ค่ะ ตอนนี้ BP ขึ้นมาแล้วค่ะ 100/60” ...ท้องที่สอง 32 สัปดาห์ คนลูกคนแรกยังมีชีวิต ขณะนี้ความดันโลหิตดีขึ้นบ้าง

หยิบหูฟังมาฟังเสียงหัวใจเด็กในครรภ์ได้ประมาณ 200 ครั้งต่อนาที ‘เอาไงดีวะ? …’ ผมถามตัวเอง

แพทย์ฝึกหัดแผนกสูติฯ เดินตามเข้ามาเกือบจะในทันทีที่ผมยกหูฟังขึ้นจากท้องผู้บาดเจ็บ ทันทีที่เหลือบไปเห็นก็รีบบอกไปว่า “ยังฟังเสียงหัวใจเด็กได้อยู่เลยน้อง ผมว่าลองถามอาจารย์ดูซิว่าจะทำไงกับเด็กดี”

ขณะที่แพทย์ฝึกหัดกำลังประเมินอาการผู้ป่วยอยู่ ผมก็รีบตรวจความรุนแรงของการบาดเจ็บทางสมองอย่างรวดเร็ว

...ไม่ลืมตา ไม่ขยับแขนขาเลย ม่านตาขยายและไม่ตอบสนองต่อแสงเลย ไม่มีการทำงานของก้านสมองใด ๆ เหลืออยู่เลย นั่นแปลได้ว่าหมดหวังเกือบจะโดยสิ้นเชิง

โอกาสรอดของแม่คงน้อยมาก หัวใจหยุดเต้นมาแล้วหนึ่งครั้ง และขณะให้ยากระตุ้นการเต้นหัวใจแล้วก็ยังไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ แต่สำหรับลูกนั้นต้องบอกตามตรงว่าผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเป็นอย่างไร

--------------


เสียงแพทย์ฝึกหัดแผนกสูติฯ ดังขึ้นจากด้านหลัง
“อาจารย์สูติฯ ถามว่าจะทำ Cesar ได้ไหมครับ ถ้าทำได้ให้ทำเลยครับ” ...หมายความว่าถ้ายังพอไหวให้ผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง น่าจะยังพอมีทางอยู่บ้างสำหรับเด็กในท้อง

“ทำได้เลยน้อง… เดี๋ยวผมคุยกับญาติเอง… ตามญาติให้ผมหน่อย…”

--------------


ช่วงเวลานี้แหละที่ไม่มีใครชอบเอาเสียเลย สามีผู้ป่วยเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง อายุคงไม่เกินยี่สิบห้า นั่งอยู่ต่อหน้าผมในขณะนี้ สวมเสื้อยืดเก่า ๆ กับกางเกงยีนส์สีซีด ที่หน้าอกเสื้อมีรอยเลือดแห้งกรังอยู่ มือและแขนทั้งสองข้างถูกชโลมไปด้วยเลือด ใบหน้าบอกถึงความกังวลอย่างที่สุด แทบไม่อยากคิดเลยว่าชายคนนี้เป็นคนขับรถจักรยานยนต์คันนั้น

“ …อาการหนัก …โอกาสรอดน้อย …รุนแรงมาก …สมองไม่ทำงานเลย ลูกมีโอกาสรอด แต่คงยังบอกแน่นอนไม่ได้ ตอนนี้หัวใจยังเต้นอยู่ ถ้าจะสู้ก็คงต้องผ่าท้องคลอดตอนนี้เลย แต่อาการแม่หนักมาก คงต้องบอกตามตรงว่าอาจไม่รอด พ่อคงต้องตัดสินใจแล้วล่ะครับ”
สำหรับผมนั้นคิดว่าไม่เคยมีใครคาดคิดเรื่องแบบนี้ไว้ล่วงหน้า คงต้องตัดสินใจไปตามปัญหาที่เกิดขึ้น

...นี่ไม่ใช่เพียงแค่ “ผูหญิงท้องได้รับบาดเจ็บรุนแรง” เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของครอบครัวหนึ่ง กับชีวิตอีกหลายชีวิตที่เกี่ยวข้อง การตัดสินใจใด ๆ ของผู้เป็นสามีและเป็นพ่อ จะส่งผลไปถึงชีวิตของเขาที่เหลือทั้งชีวิต
ชายหนุ่มนั่งนิ่ง คิดอยู่สักพักแล้วตอบอย่างช้า ๆ พร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา “ผมไม่มีทางเลือกใช่ไหมครับหมอ?”

สถานการณ์ไม่เปิดโอกาสให้มีทางเลือก จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้อยู่นั่นเอง...

--------------


ในห้องผ่าตัดวิสัญญีแพทย์เข้ามารออยู่แล้ว แพทย์พี่เลี้ยงแผนกกุมารตามเข้ามาในไม่ช้าพร้อมกับพยาบาลจากหอผู้ป่วยเด็กอ่อน ส่วนแพทย์ฝึกหัดแผนกสูติฯ ก็ไปพานักเรียนแพทย์แผนกสูติฯ มาช่วยผ่าตัดด้วย

ผมเหลือบไปมองทางหัวเตียง วิสัญญีแพทย์กับวิสัญญีพยาบาลกำลังเดินกันหัวปั่น ไฟจากจอ monitor กระพริบเป็นจังหวะ มีตัวเลขตัวใหญ่ ๆ ขึ้นอยู่บนหน้าจอ ‘150, 80/50, 98%’ พร้อมกับเสียงแหลมเล็กดังเป็นจังหวะ ...หัวใจเต้นหนึ่งร้อยห้าสิบครั้งต่อนาที ความดันโลหิตต่ำมาก ค่าออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ดี

อย่างนี้ไม่ดีแน่

บรรยากาศตอนนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ พยาบาลห้องผ่าตัดเดินและวิ่งไปทั่วห้อง บางครั้งก็ออกไปข้างนอก วิสัญญีแพทย์กระซิบเบา ๆ กับพยาบาลวิสัญญี แล้วพยายามให้น้ำเกลือจำนวนมากเข้าทางเส้นเลือด จากนั้นอีกไม่นานก็มีคนเอากล่องใส่ถุงเลือดเดินเข้ามาในห้องส่งให้กับวิสัญญีพยาบาล

แพทย์พี่เลี้ยงแผนกกุมารกำลังยุ่งอยู่กับเครื่องให้ความร้อนสำหรับเด็กแรกเกิดเครื่องเก่าที่ใช้งานมาหลายปี

แพทย์ฝึกหัดแผนกสูติฯ กำลังลงมีดผ่าตัด

...เข็มวินาทีของนาฬิกาห้องผ่าตัดดูเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“เด็กจะเป็นยังไงบ้างคะพี่?” แพทย์พี่เลี้ยงกุมารกระซิบถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน พี่ยังไม่เคยเจอ case แบบนี้เลย เด็กออกมาเมื่อไหร่ก็ฝากน้องดูต่อด้วยก็แล้วกัน”

ใช้เวลาไม่นานนัก เด็กทารกเพศชายก็ถูกดึงออกมา หลังจากนักเรียนแพทย์ดูดในปากเด็กทารกด้วยลูกยางแดงสองถึงสามครั้ง เด็กก็เริ่มส่งเสียงร้องเบา ๆ

--------------


วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนกับเรากำลังจะเอาชนะอะไรบางอย่างได้ อะไรบางอย่างที่เราต่อสู้มาตลอดเย็นวันนี้ หรืออย่างน้อยครั้งนี้ก็ขอภาวนาให้เราสามารถเอาชนะได้ด้วยเถิด หลายคนในห้องก็คงรู้สึกเหมือนกัน ภายใต้ mask สีซีดที่ปิดปากและจมูกอยู่ อาจมีรอยยิ้มที่มุมปากอยู่เล็กน้อยก็เป็นได้

ถึงไม่ชนะ อย่างน้อยเราก็ไม่น่าจะแพ้ สำหรับรายนี้

เมื่อตัดสายสะดือแล้วส่งเด็กมานอกบริเวณผ่าตัด ความตึงเครียดเริ่มเกิดขึ้นในทีมดูแลเด็ก เด็กทารกหายใจแผ่วมาก ตัวเขียว และเริ่มมีแขนขากระตุก จากน้อย ๆ ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น

“ไม่ค่อยดีเลยพี่ ขอใส่ tube ดีกว่า” เสียงแพทย์พี่เลี้ยงเอ่ยขึ้น ...เด็กต้องถูกใส่ท่อช่วยหายใจเนื่องจากการกระตุกและหายใจได้ไม่ดี

หลังใส่ท่อช่วยหายใจแล้ว เด็กยังมีกระตุกอยู่ตลอด ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีวิสัญญีแพทย์ก็ส่ง เข็มฉีดยาขนาด 10 ซึซี ซึ่งบรรจุสารละลายสีเหลืองใสเอาไว้มาให้
“พี่ เตรียม diazepam ไว้ให้แล้ว 10 มิลลิกรัมใน 10 ซีซี”

หลังจากแพทย์พี่เลี้ยงกับวิสัญญีแพทย์ช่วยกันคำนวณขนาดยา และฉีดไป 2 ครั้ง ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกระตุก ความตึงเครียดที่บริเวณให้การรักษาพยาบารทารกเริ่มสูงขึ้น แพทย์พี่เลี้ยงกุมารตัดสินใจรีบนำทารกกลับ NICU (หอผู้ป่วยหนักในระยะแรกเกิด) เพื่อไปดูแลต่อ

--------------


‘เราจะเอาชนะได้จริงหรือ?’ ผมถามตัวเอง

เสียงจากในบริเวณผ่าตัดดังสอดแทรกขึ้นมาในความตึงเครียดที่เกิดขึ้น “เลือดเต็มไปหมดเลยครับ ‘จารย์’ ”
“แผลที่ท้ายทอยก็มีเลือดเยอะเหมือนกันนะ เลอะเต็มผ้ายางเลย” เสียงวิสัญญีพยาบาลดังตามขึ้นมาติด ๆ …สงสัยว่ายังไม่มีใครได้เย็บแผลที่ท้ายทอยแน่
“ตามหมอศัลย์ฯ มาดูในท้องหน่อยสิว่าเลือดจากไหน เดี๋ยวผมเย็บแผลที่ท้ายทอยให้ก่อน”

แผลที่ท้ายทอยไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด ความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ไม่ลึกมาก กะโหลกศีรษะไม่แตก ปัญหาใหญ่ก็คือมีเลือดออกอยู่ตลอดเวลา เลือดส่วนใหญ่ไหลไปทางด้านหลังและนองอยู่เต็มผ้ายางที่ใช้รองผู้ป่วย

หลังจากเย็บแผลที่ท้ายทอยและพันด้วยผ้ายืด แล้วก็ชะโงกหน้าขึ้นมาดูในบริเวณผ่าตัด เสียงแพทย์ฝึกหัดแผนกสูติฯ บอกออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนว่า

“เวรศัลย์ฯ ยังผ่าอีกรายไม่เสร็จครับ ผมดูแล้วคิดว่าเลือดคงจากแผลผ่าตัดที่มดลูกมากกว่าครับ เพราะตอนแรกเปิดเข้ามายังไม่มีเลือดเลยครับ เพิ่งจะมามีตอนเสร็จแล้วนี่เอง”
“รีบหยุดเลือดแล้วเย็บปิดเลยดีกว่าครับน้อง ผมว่ารายนี้อาจจะมีเลือดไม่แข็งตัวแล้วละ ความดันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รีบถอยจะดีกว่า”

--------------


หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดไปยังหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติได้เลยทุกสิ่งทุกอย่างที่พอจะนึกขึ้นได้ถูกนำออกมาใช้เพื่อจะช่วยเหลือให้ “แม่” คนนี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ท่ามกลางความหวังที่ยิ่งน้อยลงทุกทีเมื่อเวลาผ่านไป

ผล PT, PTT; no coag. ...เลือดไม่แข็งตัว
hematocrit ไม่ถึง 20% ...ซีดมาก
ให้เลือด, ให้น้ำเกลือและสารละลายชนิดอื่นที่นึกได้อย่างเต็มที่, ให้ยากระตุ้นการเต้นหัวใจทุกชนิดที่นึกชื่อออก

--------------


...ทุกอย่างไม่เป็นผล ผู้เป็นมารดาเสียชีวิตหลังคลอดบุตรชายได้ 6 ชั่วโมง บิดารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาในวันเดียวกัน

ไม่มีใครเคยได้ถามว่าวันนั้นเขาเป็นคนขับรถจักรยานยนต์คันนั้นหรือไม่ ...เรื่องเช่นนี้บางครั้งหากไม่ทราบอาจจะดีกว่า

สำหรับเด็กทารก เมื่อนำไปที่หอผู้ป่วยแล้วจึงได้ให้ยากันชักจนเด็กหยุดกระตุกได้ในที่สุด แต่ไม่รู้สึกตัวอีกเลย เสียงร้องเบา ๆ ที่ได้ยินเมื่อก่อนใส่ท่อช่วยหายใจเป็นเสียงร้องครั้งเดียวของทารกคนนี้ เขาอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจเลย ไม่มีการขยับแขนขาแม้เพียงเล็กน้อย ต้องใช้เครื่องฃ่วยหายใจอยู่ตลอดสองเดือน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

..... สิ่งดี ๆ ไม่ได้มีเกิดขึ้นทุกวัน

--------------


ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ยุติธรรมจริง ๆ แต่นี่แหละคือสิ่งที่เกิดกับพวกเราผู้ซึ่งจำเป็นต้อง ‘เล่นเป็นพระเจ้า’ อยู่ตลอดเวลา

เราอาจเล่นเป็นพระเจ้าได้บางเวลา แต่เราไม่ใช่พระเจ้า และเราก็ไม่เคยจะเป็นพระเจ้าได้จริง ๆ เสียที

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดและบอกตัวเองอยู่เสมอ เมื่อมีใครสักคนถามว่าทำไมพวกเราจึงยังทนทำงานอย่างที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ก็คือ ‘หากไม่มีพวกเราที่กระทำเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าโลกจะกลายสภาพเป็นย่ำแย่เพียงใดไปแล้ว’ แม้ว่าบางครั้งคนที่ถามเช่นนี้อาจเป็นตัวเราเองก็ตาม

--------------


ถ้าคุณความดีของข้อเขียนนี้จะมีอยู่บ้าง ขอมอบให้แด่เพื่อนผู้อุทิศตนและเสียสละในวงการแพทย์ทุกคนครับ


หมายเหตุ: เขียนไว้เมื่อปี 2547 ใช้ศัพท์ทางการแพทย์ทั้งหมด ปรับปรุงเมื่อ 8 มค. 2550 ลดศัพท์ทางการแพทย์ลง และใช้ภาษาพูดที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น



Create Date : 08 มกราคม 2550
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 10:06:35 น. 4 comments
Counter : 1062 Pageviews.

 
เพิ่งมาอ่านย้อนหลัง
เขียนได้สุดยอดครับ

เราไม่ได้เล่นเป็นพระเจ้าหรอกครับ
แต่พระองค์ประสงค์จะให้เราเรียนรู้จากพระองค์ผ่านทางผู้ป่วยเหล่านั้นมากกว่า


โดย: jonykeano วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:19:44:22 น.  

 
อยู่ในวงการเดียวกันค่ะ คนที่ไม่อยูในวงการเดียวกับเรา เขาคงไม่เข้าใจพวกเราหรอกค่ะ


โดย: จุฑาทิพย์ IP: 61.7.255.2 วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:22:38:45 น.  

 
บทความนี้ควรอยู่ในหนังสือ มากกว่าอยู่ใน Blog ครับ
จะเป็นประโยชน์ต่อมหาชนครับ


โดย: ลูกศิษย์ IP: 192.168.0.179, 118.173.37.66 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:22:08:27 น.  

 
เขียนได้ดีทีเดียวค่ะ
เห็นด้วยที่จะเผยแพร่ต่อ


โดย: หวังว่าใครอีกหลายๆคนคงเข้าใจ IP: 118.173.232.88 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:36:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Zhivago
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




มนุษย์เข้มแข็ง
กว่าที่ตนคิดไว้เสมอ
New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
8 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zhivago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.