คณะกรรมการ
มีคนเคยบอกว่าถ้าไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ก็ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อรับผิดชอบปัญหานั้น
ผมได้รับแต่งตั้งจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้เป็นประธานคณะกรรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 (สามเดือนก่อนหน้านี้) ความสำคัญของโรคนี้ก็คือมันเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดในโรงพยาบาล แต่คณะกรรมการชุดนี้เหมือนเป็นคณะกรรมการถูกสาป ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นกรรมการชุดนี้เท่าไหร่ เพราะปัญหาแต่ละเรื่องนั้นแทบไม่มีทางออกเอาเสียเลย ...ก่อนพูดเรื่องประชุม มาฟังเรื่องคณะกรรมการกันเสียก่อน
การตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นในระบบราชการ จะทำให้สามารถยืดเวลาของปัญหาออกไปได้อย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือนกว่าจะเริ่มดำเนินการประชุมได้ และจะต้องมีการประชุมมากกว่าหนึ่งครั้งกว่าจะเห็นลู่ทางในการแก้ปัญหา ดังนั้น หากต้องประชุมเดือนละครั้ง ก็จะหมายความว่าประเด็นใด ๆ ที่คณะกรรมการจะลงมติหรือหาทางออก จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามเดือน
...ไม่นับที่คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งเพื่อศึกษาปัญหา หรือเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งจะสามารถยืดเวลา ออกไปได้เหมือนกับการตั้งคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งขึ้นมา เท่ากับเอาเวลาที่ควรจะเป็น คูณสองเข้าไปอีกที ...แปลว่าต้องใช้เวลาถึงเกือบครึ่งปีสำหรับการแก้ปัญหาหรือหาข้อสรุปสำหรับประเด็นปัญหาหนึ่ง ๆ เลยที่เดียว
มีข้อยกเว้นบ้างไหม ?? เคยเห็นอยู่บ้างก็คณะกรรมการสันทนาการขององค์กรแพทย์ครับ เริ่มประชุมเวลา 20:00 น. ที่หน้าบ้านพักประธานกรรมการ สมาชิกต้องนำยาฆ่าเชื้อ (แอลกอฮอล์) มาด้วย หรืออย่างน้อยต้องนำสัตว์เลี้ยง ( ไก่ย่าง, หมูย่าง, ยำสามกรอบ, ฯ ) มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย พอเที่ยงคืนก็กล่าวปิดประชุม แยกย้ายกันเดินกลับบ้านแบบเมาไม่ขับ พรุ่งนี้ค่อยมาเอามอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ !!! วันรุ่งขึ้นก็เข้าประชุมกรรมการใหญ่ พูดได้เป็นตุเป็นตะ มีโครงการเรียบร้อย แถมทำได้อย่างที่พูดอีกต่างหาก
กลับมาเข้าเรื่อง ปัญหาพื้นฐานของกรรมการชุดนี้ก็คือเคยได้รับแต่งตั้งขึ้นมาครั้งหนึ่ง แต่ต้องยุบตัวไปโดยปริยายเพราะประธานไม่เคยเข้าประชุม !!! และหลังจากเรียกประชุมกันเองได้สองครั้ง วงก็แตกโดยปริยายเพราะไม่มีใครมีอำนาจพอจะตัดสินใจหรือออกคำสั่งใด ๆ ให้ผู้อื่นนำไปปฏิบัติได้ ก็เลยเหมือนมาคุยกันตามร้านกาแฟ ที่วิจารณ์การเมืองได้เป็นชั่วโมง หรือเป็นวัน ๆ จนแฟนต้องมาตามกลับบ้าน แต่พอให้เป็นนายกฯ เองกลับทำไม่ได้อย่างที่ไปวิจารณ์เขาไว้
...ผมเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดแรกนี้เหมือนกัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นสองปีก่อนหน้านี้
พอมาวันนี้ คณะกรรมการชุดนี้ได้รับการผลักดันจากประธานองค์กรแพทย์ ตอนแรกก็บอกว่าจะให้ผมเป็นกรรมการ ก็เลยเออออไปกับท่านประธานองค์กรเสียดิบดี แต่พอเห็นหนังสือแต่งตั้ง ...ลมแทบจับ ไหงชื่อมันดันไปอยู่บนสุดเลย แถมอายุก็เกือบจะน้อยที่สุดเสียอีก แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังไงก็ต้องประชุมอยู่ดี ลองมันสักตั้งก็แล้วกัน
คณะกรรมการประกอบด้วย ประสาทศัลยแพทย์ ประสาทอายุรแพทย์ รังสีแพทย์ แพทย์แผนกกายภาพบำบัด และพยาบาลตัวแทนจากทุกฝ่ายและทุกหอผู้ป่วยที่เกี่ยวข้อง
อย่าเล่ารายละเอียดเลยนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นบันทึกการประชุมไปเสีย
บทสรุปก็คือ ปัญหาหลักที่พบเป็นปัญหาแพทย์ไม่มาดูคนไข้ ซึ่งในปัจจุบันไม่ควรเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
มีแพทย์จำนวนหนึ่งที่ได้รับปรึกษาจากแผนกอื่น ๆ แล้วไม่ได้ตามมาดูผู้ป่วยที่หอผู้ป่วย กลับให้เจ้าหน้าที่นำ "ชาร์ท" ซึ่งประกอบด้วยประวัติ ผลการตรวจ ใบสั่งการรักษา และเอกสารทุกอย่างสำหรับการนอนโรงพยาบาลของผู้ป่วย ไปให้ตัวเองเขียนตอบรับการปรึกษาและเขียนสั่งการการรักษา (โดยไม่เคยเห็นผู้ป่วยเลย!!!)
ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาจนหาย (หรือตาย) โดยไม่เคยเห็นหน้าแพทย์ผู้รักษาตนเองเลย
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าโรคบางอย่าง แพทย์ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถรักษาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าเกณฑ์ของแพทยสภาจะบอกว่า จบแพทยศาสตร์บัณฑิตแล้วจะรักษาอะไรก็ได้ แต่ในความเป็นจริง แต่ละคนก็จะมีพื้นที่ที่ตัวเองจะรักษาผู้ป่วยได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกินความสามารถ ก็จะต้องปรึกษาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์มากกว่า เพื่อร่วมรักษาผู้ป่วยรายนั้น
หัวข้อนี้แหละที่เป็นปัญหา คนที่อยู่ในห้องประชุมก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น คนที่ทำอย่างที่ว่านั้นคือคนที่ไม่ได้เข้าประชุม (และไม่มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการ แต่เป็นแพทย์ที่อยู่ในทีมรักษาพยาบาลด้วย) และเป็นคนส่วนน้อย มันก็เลยไม่ค่อยมีใครอยากเป็นกรรมการชุดนี้เท่าไหร่นัก
แล้วคณะกรรมการจะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้ ? คณะกรรมการได้รับแต่งตั้งเพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา แต่ตอนแต่งตั้ง ไม่ได้มีดาบอาญาสิทธิ์มาด้วย ครั้นจะเอามาเองจากบ้านก็คงไม่ไหว เพราะมีแต่มีดหั่นผักกับมีดสับหมู
ก็เลยต้องย้อนกลับมาดูระเบียบขององค์กรแพทย์ ซึ่งบอกไว้ว่าแพทย์ต้องมาดูผู้ป่วยที่ได้รับปรึกษา ถ้าเร่งด่วนถึงชีวิตต้องมาดูทันที ถ้าเร่งด่วนแต่ไม่ถึงชีวิต ให้มาดูโดยเร็วโดยไม่เกิดแปดชั่วโมง แต่ถ้าไม่เร่งด่วนให้มาดูภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง
...แต่ดันไม่เขียนว่าถ้าไม่มาดูผู้ป่วย จะให้ทำอย่างไร !!!
เพราะคนเขียนมองโลกในแง่ดีเกินไป หรืออาจเป็นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนอย่างนี้บนโลกใบนี้
เอางี้แล้วกัน... ผมรวบหัวรวบหางให้ทุกหอผู้ป่วยทำบันทึกไว้ว่า ใครบ้างที่ไม่มาดูคนไข้แล้วเอาชาร์ทไปเขียนที่ห้องพักแพทย์ ใครบ้างที่รับปรึกษาแล้วไม่เคยมาดูคนไข้เลย แล้วรวบรวมเพื่อแจ้งผู้บังคับบัญชาต่อไป (ผมยังไม่รู้ว่าจะไปบอกใครเหมือนกัน แต่ต้องบอกอย่างนี้ไว้ก่อน)
จะให้คณะกรรมการตั้งระเบียบเพื่อบังคับคนที่เข้ามาประชุม (ซึ่งก็คือคนที่ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว) แต่เพียงกลุ่มเดียวก็ไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่าออกระเบียบมาให้คนทำงานต้องทำหนักขึ้นไปอีก ...นี่แหละที่เป็นสาเหตุของการที่ไม่ค่อยมีใครอยากมาเป็นกรรมการชุดนี้สักเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นถ้าจะตั้งระเบียบหรือข้อกำหนดอะไรออกมา ก็จะต้องออกมาเพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในระบบทำร่วมกัน เพื่อใช้บังคับคนที่ไม่เข้าประชุมให้ปฏิบัติตามไปด้วย เพราะหากไม่ทำอย่างนี้ คนที่เข้าประชุมก็จะลดลงเรื่อย ๆ และหากไม่ติดอาวุธให้ตัวเอง ก็จะไม่มีทางที่คณะกรรมการจะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพได้
จะเชื่อผมไหมถ้าผมบอกว่า โทรศัพท์ไปถามเพื่อนเกือบสิบแห่ง ไม่มีที่ไหนมีปัญหาเหมือนที่พบอยู่ที่นี่เลย คนเก่า ๆ หลายคนบอกว่า คน(แพทย์)ที่นี่อยู่กันสบายจนเคยตัว พอจะทำอะไรให้เป็นระบบก็จะเกิดการต่อต้าน หลีกเลี่ยง หรือแข็งขืนอยู่ร่ำไป
จะให้คนแก้ปัญหาของคน หรือเอาระบบมาแก้ปัญหาของคน ? ..ถ้าทำระบบไว้ดี มีการควบคุมดูแล มีการเสริมแรงและบทลงโทษที่เหมาะสม ก็จะควบคุมปริมาณปัญหาได้ระดับหนึ่ง และถ้าระบบมีการปรับปรุงอยู่เสมอ ก็จะลดปัญหาลงได้เรื่อย ๆ แม้จะไม่หมดไปเสียเลยก็ตาม และระบบทั้งหลายที่สร้างขึ้น จะต้องมีไว้สำหรับจัดการคนไม่ดี ไม่ใช่สำหรับทำให้คนดีต้องทำงานมากขึ้น และคนไม่ดีไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
ฝากไว้สำหรับคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละทุก ๆ คน
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
Create Date : 26 พฤษภาคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 10:10:28 น. |
Counter : 903 Pageviews. |
|
|
|