27/12/2009
หอศิลปกรุงเทพฯ
ดูเหมือนจะว่างในวันนี้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอก งานบ้านยังมีอยู่ตามปรกติ แต่ใจมันเบื่อหน่ายการอยู่คนเดียวต่างหาก
การเดินทางอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย ฉันถามตัวเองขณะอยู่บนรถไฟฟ้าว่าจะไปไหน แต่ก็ยังนึกไม่ออก มีฟุตบอลสี่เส้าที่สนามศุภฯ แต่ก็ไม่ได้สนใจไปดู มากกว่าเดินดูของที่ระลึกนิดหน่อย แต่มันก็คงไม่ถึงขนาดต้องลงทุนออกไป ไม่มีอะไรที่คิดจะไปเดินซื้อหา ยิ่งเพิ่งจะมาเดินห้างสองสามวันก่อนติด ๆ กัน มีเพียงอย่างเดียวที่คิดออกคือ หาที่เดินออกกำลังเสียบ้าง เพราะอยู่บ้านก็คงเอาแต่นอน
แวะสนามศุภฯ เปนที่แรก ไม่ได้คิดมาดูฟุตบอลทั้งที่อยู่หน้าสนาม แวะซื้อพวกงกุญแจตามสูตร ก่อนที่จะเดินไปดูเสื้อหลังสนาม วันอาทิตย์ร้านปิดไปกว่าครึ่ง ดู ๆ ไปก็เท่านั้นเพราะยังไม่คิดจะซื้อ รอให้ชุดใหม่รับฟุตบอลโลกออกก่อนค่อยมาตัดสินใจ แต่ก็คิดเอาล่ะว่า เดินออกกำลัง
เดินกลับมายังฝั่งสยาม ที่หอศิลป์มีงานเทศกาลเกี่ยวกับดนตรี เลยถือโอกาสเข้าไปดูเสียหน่อย เลยกลายเปนที่หลักของวันนี้ทีเดียว
ฉันจำไม่ได้ว่าหอศิลป์นี้มีกี่ชั้น แต่ใหญ่โตกว่าที่คิดเอาไว้มาก และเดินมันครบเสียทุกชั้น ฆ่าเวลาไปได้มากทีเดียว เทศกาลดนตรีที่ชั้นล่างไม่มีอะไรน่าสนใจเอาเลย มีแต่ของอะไรก็ไม่รู้มาวางขาย ส่วนที่จัดแสดงมีอยู่หน่อยเดียว และก็ไม่มีรายละเอียดอะไรที่ได้ความรู้ มันคงเปนเรื่องปรกติของเมืองไทย ที่มีการจัดแสดงแค่ให้คนมาถ่ายรูป แล้วก็มีของมาขาย
เดินขึ้นไปดูชั้นบน พื้นที่จัดแสดงดูโล่ง ๆ ศิลปะสมัยใหม่ที่ดูไม่เห็นจะสวยงามตรงไหน คำบรรยายที่อ่านไม่รู้เรื่อง ศิลปะมันชักจะไปกันใหญ๋แล้ว
ขึ้นสูงจนถึงนิทรรศการศิลปะสมัยใหม่ขอบญี่ปุ่นที่นำมาแสดง ค่อยจะมีอะไรที่ดูรู้เรื่องมากขึ้น มีหลายชิ้นที่ถึงจะแปลกตาในแบบสมัยใหม่นี้ แต่ก็ยังดูมีอะไรดึงดูดตาให้หยุดดู แต่ก็ไม่ทุกชิ้นเหมือนกัน มีหลายอย่างที่ดูแล้วออกจะคิดว่านี่เปนศิลปะแล้วหรือ โดยเฉพาะพวกแนวจัดวาง และสื่อผสม ไม่เข้าใจและงง
ขึ้นไปสูงสุดจนถึงภาพถ่ายของสมเด็จพระเทพฯ ค่อยเปนสิ่งเดียวที่รู้สึกว่าเปนความงาม คงเพราะ "ท่าน" ถ่ายภาพด้วยความรู้สึกแบบมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ที่เห็นความงามตรงกัน คนที่ไม่ได้เรียนมาทางศิลปะโดยเฉพาะถึงดูรู้เรื่อง เสียดายที่กว่าจะขึ้นมาถึงชั้นสูงสุดนี่ก็เย็นเกินไปและเดินจนเมื่อยเสียแล้ว จึงไม่ได้มีโอกาสดูอย่างละเอียดทุกภาพ ได้แต่เดินดูผ่าน ๆ และพิจารณารูปที่เตะตาเท่านั้น
ฉันกลับมาคิดว่าศิลปะคืออะไร ศิลปะเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เรื่องของความงามเสียแล้วหรือ มันกลายเปนเรื่องชองการทดลองนำเสนอความคิดผ่านสื่อไปเสียหมดแล้วหรือ มันต้องมีอะไรเบื้องหลังงานตลอดหรือ และมันแยกตัวออกจากคนธรรมดาที่เดินเข้าไปดูแล้วหรือ หรือนี่เองที่ทำให้งานศิลปะรวมทั้งหอศิลป กลายเปนส่วนเกินของชีวิตคนธรรมดาไป
ฉันเดินกลับมา กลับไปกินข้าวที่หน้าบ้าน ถึงจะน่าเบื่อ แต่ก็รู้สึกไม่เท่ากับอาหารตามห้าง ที่เพิ่งกินมาติด ๆ กัน ไม่ได้อะไรกลับมา ทั้งสิ่งของ และความรู้สึก สิ่งเดียวที่สมหวังกับความตั้งใจของวันนี้ก็คือ ได้เดินมากพอดูทีเดียว ถึงจะเปนการเดินทอดน่อง เดินๆ หยุด ๆ แต่การเดินกว่าสี่ห้าชั่วโมง คงช่วยลดอาหารสะสมที่กินเข้าไปในช่วงปีใหม่นี้ได้บ้างล่ะ วันนี้กำลังผ่านไปอีกวันแล้ว
Create Date : 27 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 1 มกราคม 2553 10:50:27 น. |
|
1 comments
|
Counter : 618 Pageviews. |
|
|
|
กาลเวลากำลงเริ่มต้นใหม่
ขอเป็นดั่งกำลังใจ
ให้ก้าวในปีต่อไปไม่ทุกข์ทน
ที่ผ่านมาอาจลำบากเจอเรื่องยากใจหมองหม่น
นั่นเป็นการทดสอบความเป็นคน
อีกไม่นานความหม่นจะจางไป
ต่อไปนี้จะขอเริ่มมาเต่งเติมชีวิคใหม่
จะไม่เศร้าเหงาต่อไปมีหัวใจเป็นเดิมพัน