02/06/2006
ไม้แบดฯ อันใหม่ / เราคงเหนื่อยกันเกินไป
วันสุดสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรมากมาย แต่จริง ๆ แล้วกลับมีหลายเรื่องทีเดียว ผ่านไป แล้วก็ผ่านมา
เดินงานขายของที่ศูนย์ฯ ตั้งใจตั้งแต่เมื่อวานว่าจะซื้อไม้แบดฯ อันใหม่ เกือบปีผ่านไป ฉันไม่ได้ไปตีนานจนไม้อันเก่าโดน "ยึด" ไปเสียแล้ว จริง ๆ ก็ยังไม่ได้มีโอกาสจะไปตีในช่วงนี้หรอก แต่มีงานขายของอยู่หน้าประตู เพื่อความสะดวกจะไม่ซื้อมาเลยก็กะไรอยู่ สรุปว่าเสียเงินอีกนั่นล่ะ ทั้ง ๆ ที่ห้วงเวลาที่ผ่านมานี้รายจ่ายเยอะมาก เอาเถอะ ทน ๆ กันไป
เดินไปเดินมาวนอยู่นานพอสมควร ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม ของแต่งบ้านต่าง ๆ ดูสวยไปเสียหมด แต่ก็อย่างว่า ของสวย ๆ มักเปนของไม่จำเปนสักเท่าไหร่ แต่ก็ล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน
เดินจนเมื่อยถึงได้เวลาไปรับไม้แบดฯ ฉันตั้งใจอธิษฐานตั้งจิตปรารถนา ว่าขอให้ไม้แบดฯ อันนี้ ได้มีโอกาสใช้ ไม่เอามาต้งไว้เฉย ๆ เหมือนรองเท้าผ้าใบคู่นั้น แค่นี้ก็คงเปนสุดยอดปรารถนาแล้วล่ะ
ตกเย็น... ปลายสุดสัปดาห์ ชวนคนใกล้ตัวไปกินหมูกระทะ ไม่ได้กินหมูกระทะนานเท่าไหร่แล้วนี่ แต่รู้สึกว่านานมากจริง ๆ ร้านใกล้บ้านร้านนี้เคยคนแน่นมากจนฉันทนไม่ได้ แต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดีหรือผลพวกจากฝนฟ้า คนโล่งพอสมควรอยู่ ทั้ง ๆ ที่เปนวันศุกร์ต้นเดือน ก็เลยได้นั่งสบาย ๆ และถือเปนครั้งแรกที่มา รสชาติก็ใช้ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะโด่งดังขนาดชื่อเสียง น่าจะดังจากชื่อเจ้าของร้านเสียมากกว่า
ยังไม่ทันกินเสร็จเพื่อนคนเดิมก็โทรมานัด ก็เลยต้อง "พเนจร" ต่อไปอีกทั้ง ๆ ที่แทบจะอยู่หน้าบ้านแล้ว นั่งรถอีกยาวนานข้ามเมือง ไปจนถึงเกือบสุดรามอินทรา ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง คนแน่นมาก กว่าจะได้ที่นั่งก็ต้องรอนานพอสมควร พร้อม ๆ ฝนกระหน่ำ คิดผิด ที่มาร้านแน่น ๆ แต่ก็คิดถูกที่ถ้านั่งร้านอื่นคงโดนฝนไปแล้ว แต่.....เสียดาย ไม่น่ากินหมูกระทะมาก่อนเลย
เราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ เรื่องโน้น เรื่องนี้ รู้สึกคราวนี้เปนเรื่องเครียด ๆ ในความรู้สึก...... ชีวิตเราดูแตกต่างกันอย่างหน้ามือเปนหลังมือ สำหรับฉัน กับชีวิตที่เรียบ ๆ ไม่มีความเคลื่อนไหว น่าเบื่อ และไร้อนาคต แต่สำหรับเพื่อนกลับเปนชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว และสุ่มเสี่ยงตลอดเวลา คราวนี้เหมือนกับถึงเวลาต้องแสวงหาชีวิตใหม่อีกแล้ว เพียงแต่วันนี้ยังเตรียมตัวไม่ค่อยทันด้วยซ้ำไป
กลับมาถึงบ้านพร้อมเพื่อนมาส่ง คนใกล้ตัวเพลียหลับไปแล้ว ทั้งงานหนัก อดนอน และผจญกับอากาศเย็น ดูเธอไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ฉันก็เข้าใจ และก็กลับในเวลาที่ไม่แตกต่างจากเดิมนัก แต่เธอก็ไม่ถึงขนาดงอแงอะไร
เรานั่งกินต่อกันอีกเล็กน้อย ปรกติฉันไม่เคยชวนใครนั่งดื่มกันที่บ้าน แต่คราวนี้รู้สึกอยากนั่งคุยต่อ ในที่ ๆ เสียงเงียบสงบ การคุยกันอยู่สองคนไม่ได้มีสาระอะไรมากมาย เหมือนกับคุยกันด้วยชีวิตเสียมากกว่า ผ่านเลยวันใหม่ไปนานแล้ว ร่างกายดูร่วงโรยเต็มที แต่หัวใจเหมือนได้ปัดขยะที่รกรุงรังออกไปเสียบ้าง ไม่มากนัก แต่ก็ยังดี
Create Date : 02 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2549 7:40:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 619 Pageviews. |
|
|
|
|
|