เคล็ดลับรักษาสุขภาพ สำหรับคนวัย 30 up (ข้อ 151-154)
151.
ชีวิตที่ต้องโลดแล่นไปในทุกวันนั้นมีเรื่องราว
มากมายที่ต้องพบเจอและจัดการ นอกจากจะ
ทำให้ร่างกายอ่อนล้า จิตใจก็ยังอ่อนเพลียอีกด้วย
การลองฝึกนั่งสมาธิหรือฝึกเล่นโยคะบ้าง
ให้ผลดีอย่างยิ่งต่อทั้งสุขภาพกายและใจ ผลที่ได้
คือจิตใจที่สงบและผ่อนคลาย ร่างกายที่ได้ยืดเส้น
ยืดสายให้กล้ามเนื้อคลายปวดเมื่อยตึงเครียด
คนที่เล่นโยคะเป็นประจำหรือนั่งสมาธิสม่ำเสมอ
จะมีความคิดอ่านปลอดโปร่ง นอนหลับสบาย
จิตใจกระชุ่มกระชวยและดำเนินชีวิตได้อย่าง
เบิกบาน
152.
ดูแลบ้านและห้องนอนให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
เปิดหน้าต่างรับเอาแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์บ้าง
อย่าใช้แต่เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
ปัดกวาดเช็ดบ้านให้สะอาด บ้านที่อับทึบ ได้แสง
และสายลมไม่พอเพียง มีแต่ฝุ่นละอองเต็มไปหมด
ย่อมทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บป่วยง่าย การจัดบ้านให้
สะอาดและสวยงามยังมีผลดีต่อความสดชื่นของ
จิตใจ ส่งผลให้กระชุ่มกระชวย และมีความคิด
สร้างสรรค์เพิ่มขึ้น
153.
เขาว่ากินน้ำพริกปลาทูทุกวัน แล้วจะสวยนัก
ซึ่งก็คงเป็นเพราะน้ำพริก ปลาทู เป็นเมนูสุขภาพ
ราคาไม่แพงแต่คุณค่าสูงล้น
คนที่กินปลา กินผักสด หรือผักลวกจิ้มน้ำพริก
ย่อมไม่อ้วนและมีสุขภาพดี แต่ที่ค้นพบกันเพิ่ม
เติมต่อมาก็คือ น้ำพริกปลาทู ไม่ใช่เมนูของคนสวย
เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับคนวัย 30 ขึ้นไปที่ควรจะได้
"น้ำมันปลา" มาช่วยละลายคอเลสเตอรอล
น้ำมันปลาที่บรรจุขายเป็นขวดอาจมีราคาสูงเกินไป
แต่น้ำมันปลาจากปลาทูนี่แหละราคาย่อมเยาแต่มี
ประโยชน์มากมาย
ปลาทูยังเป็นปลาที่ย่อยง่ายกว่าปลาอีกหลายชนิด
เพราะปลาทูมีโมเลกุลสั้นและก็อุดมไปด้วยสาร
อาหารดีๆอีกหลายสิบชนิด
154.
หาโสมมากินบ้างทุก 1-3 เดือนสักครั้งก็ยังดี เพราะโสม
นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมาย
ที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงมีกำลังวังชา มีผิวพรรณ
ที่เปล่งปลั่งผุดผ่อง
โสมยังช่วยบำรุงพลังเพศ บำรุงกล้ามเนื้อหัวใจ
ช่วยให้ต่อมไร้ท่อทำงานได้ดี เริ่มกินตั้งแต่วัยนี้
วัยต่อไปจะได้ยังคงคึกคักสดใสไม่แก่เร็ว
(คัดลอกจาก:หนังสือเคล็ดลับรักษาสุขภาพสำหรับคนวัย 30 UP โดย หยก ตั้งธนาวัฒน์)
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
++++++++++++++
@เมื่อได้เป็น อาจารย์ใหญ่ ให้นักศึกษาแพทย์ ตั้งแต่ยังไม่ตาย@
แหมขึ้นหัวข้อซะน่ากลัว จริงๆอุทิศร่างกายให้กับ รพ. เป็นอาจารย์ใหญ่ไว้แล้วล่ะ
พอดีวันนี้ไปหาหมอตามนัดค่ะ
คุณหมอบอกว่าจะขออนุญาติให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา (case study)
ถือว่าเป็นการสอบเลยถ้าผ่านก็ผ่าน เราโอเคยินดีค่ะ
หมอบอกเราว่าให้บอกแต่อาการแต่ไม่ให้บอกว่าเป็นโรคอะไร
ให้นักศึกษาแพทย์วินิจฉัยเอง เราน่ะคันปากอยากบอกจะแย่ 555
จริงๆอยากได้กุศลผลบุญมากกว่าเผื่อว่าอาการของโรคจะดีขึ้น
(โปรดอย่าถามว่าเป็นโรคอะไร เพราะหมอไม่ให้บอก ฮาป่ะ)
เป็นนักศึกษาแพทย์หนุ่มร่างสันทัด แต่ไม่ค่อยสูงอ่า เรียกเราว่าคุณน้า
(พอได้ๆ เคยเจอหมออายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา เรียกเราว่าคุณป้าอ่ะ เซ็งเลย)
มองหน้าว่าที่แพทย์หนุ่มก็แอบหวังลึกๆว่า ถ้าลูกเราเป็นหมอก็ดีเนอะ
แต่ลูกบอกแล้วว่าไม่เอา เพราะเป็นหมอคน ถ้าวินิจฉัยผิด คนไข้ตาย ก็โดนฟ้องสิ
ถ้าหมอสัตว์ก็ดูอีกที ก็คงต้องแล้วแต่เค้าว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน
- ด้วยตอนนี้สุขภาพไม่เอื้ออำนวย ถ้าเราไม่ได้ตอบเม้นท์ของใคร ต้องขออภัยด้วย
Create Date : 13 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2555 17:53:12 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1974 Pageviews. |
|
|
อ๊ะ..เจิมด้วยรึเปล่า