รู้ชนะ ไม่รู้แพ้?
รู้ชนะ ไม่รู้แพ้?
รุ้งตัดแวง สปาย-กลาส
คาดหมายกันก่อนจบมหกรรมว่า จีนมีสิทธิเป็นเจ้าเหรียญทองในโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน มีเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่กุมโอกาสพลิก
ถือว่าเป็นการประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ เพราะใครๆ ก็อยากได้เหรียญทอง
แต่สายตาที่คนภายนอกมองจีนก็คือ มุ่งเน้นจะเอาเหรียญทองสถานเดียว ถ้าเป็นอย่างอื่นคือ 'ไร้ความหมาย'
นักกีฬาจีนที่ได้ 'เพียง' เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดง ไม่ค่อยอยู่ในสายตาของสาธารณชนและสื่อจีน
ย้อนกลับไปเมื่อโอลิมปิก 1984 (พ.ศ.2527) นักกีฬาคนหนึ่งถูกม็อบมาล้อมที่บ้านเพราะทำได้ 'เพียง' เหรียญทองแดง
ในปีนี้ นักแบดมินตัน 4 คนของจีนถูกขับออกจากการแข่งขัน เพราะ 'ล้มแบด' ตามยุทธวิธีเอาเหรียญทองอย่างเดียวในระบบ ทัวร์นาเมนต์
สื่อฝรั่งยังตอกย้ำสภาพการณ์นี้ด้วยรายงานเจาะลึกเบื้องหลังว่า จีนดึงตัวเยาวชนที่มีแววเป็นนักกีฬาตั้งแต่อายุยังน้อยไปฝึกฝนอย่างเข้มงวดเกินอายุในค่ายนักกีฬาที่มีคำขวัญติดไว้บนข้างฝาว่า 'เหรียญทอง'
ระหว่างการแข่งขันต้องไม่มีเรื่องมารบกวน จิตใจนักกีฬา เช่น กรณี อู๋ หมิงเซียะ นักกีฬากระโดดน้ำหญิงที่เพิ่งคว้าเหรียญทอง มารู้ทีหลังว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง
ค่านิยมเช่นนี้ขัดต่อคำกล่าวของ 'ปิแอร์ เดอ คูร์แบร์แตง' บิดาผู้ก่อตั้งโอลิมปิกสมัยใหม่ที่ว่า กีฬาโอลิมปิกมีไว้เข้าร่วม มิได้มีไว้เพื่อเอาชนะกันเท่านั้น
ทั้งยังขัดต่อหลักน้ำใจนักกีฬา ที่สอนให้ 'รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย'
ก่อนหน้านี้ นักกีฬาในประเทศคอม มิวนิสต์อย่างเยอรมนีตะวันออกถูกจับฉีด สเตียรอยด์ จนทำให้มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังจนถึงวันนี้
จำนวนเหรียญทองสร้างความภูมิใจให้แก่คนในชาติก็จริง แต่วิธีการได้มาซึ่งเหรียญทองเหล่านั้นก็สำคัญเช่นกัน
(cr. khaosod online)
Create Date : 09 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 9 สิงหาคม 2555 13:45:47 น. |
|
21 comments
|
Counter : 2868 Pageviews. |
|
|
|