กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
space
space
9 ธันวาคม 2567
space
space
space

บทสรุป


 
 
สรุป
 

     พระพุทธศาสนาเท่าที่คนไทยเราเกี่ยวข้องอาจแยกได้เป็น ๒ ด้าน คือ  ด้านที่เป็น ธรรมวินัย  โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่าพุทธธรรมอย่างหนึ่ง และด้านที่เป็นวัฒนธรรม อีกอย่างหนึ่ง
 
     อย่างแรกคือ ธรรมวินัย หมายถึงหลักการเดิมแท้ๆล้วนๆ ของพระพุทธศาสนา หรือตัวแท้ตัวจริงของพระพุทธศาสนานั้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน หรือทรงแสดงและทรงบัญญัติไว้ ซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา  และรักษาสืบทอดต่อกันมาด้วยการจารึกจดจำและสื่อสารอ้างอิงพระคัมภีร์เหล่านั้น
 
     อย่างหลังคือ วัฒนธรรม หมายถึง พระพุทธศาสนาอย่างที่คนไทยรู้เข้าใจ และประพฤติปฏิบัติสะสมสืบต่อกันมา จนซึมแทรกเข้าไปในชีวิตจิตใจ กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งลักษณะนิสัยและความเป็นอยู่ซึ่งปรากฏออกมาทางวิถีชีวิตของหมู่ชน และอาศัยหมู่ชนที่ดำเนินตามวิถีชีวิตนั้นนั่นแหละเป็นเครื่องรักษาสืบทอดตัวมันเอง
 
     พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย ต้องอาศัยการศึกษาเล่าเรียน และตั้งใจปฏิบัติจึงจะปรากฏตัว และแสดงผลได้  แต่พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม  ปรากฏตัวและแสดงผลอย่างเป็นไปเองในวิถีชีวิตที่ดำเนินอยู่โดยไม่ต้องรู้ตัว
 
     พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย และพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมนั้น  ต่างก็สัมพันธ์อิงอาศัยซึ่งกันและกัน กล่าวคือ การที่พระพุทธศาสนาจะกลายเป็นพระพุทธศาสนาของไทย เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไทย หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความเป็นไทยได้  ก็เพราะได้สะสมสืบทอดซึมแทรกเข้าไปในชีวิตจิตใจของคนไทยทั่วไปจนกลายเป็นวัฒนธรรมของไทย  แต่ในเวลาเดียวกัน พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย ก็เป็นหลักกลางหรือเป็นมาตรฐานสำหรับทบทวนตรวจสอบว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมเข้าใกล้หรือถอยห่างออกไปจากหลักการที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา และเป็นแหล่งซึ่งอำนวยเนื้อหาสาระสำหรับปรับหรือช่วยดึงพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมให้เข้าสู่หรือให้ใกล้เข้ามาสู่หลักการที่แท้จริงของพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้นๆ
 
     พูดง่ายๆว่า  ถ้าไม่กลายเป็นพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม  พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยก็ไม่อาจเข้าสู่ความเป็นไทย และถ้าไม่ได้ศึกษาตรวจสอบ และคอยเพิ่มสาระจากพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย  พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมก็จะถอยห่าง หรือเคลื่อนคลาดจากหลักการที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาออกไปเรื่อยๆ
 
     พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย  โดยเฉพาะพุทธธรรมไม่มีการเสื่อม ไม่มีการเจริญ เพราะเป็นความจริงที่ดำรงอยู่ตามธรรมดาของมัน และเป็นหลักการที่เป็นกลางๆ สุดแต่ใครจะศึกษา และนำมาใช้ให้ได้ผลดีเหมาะกับกาลเทศะอย่างไร  คำที่พูดว่า พระพุทธศาสนาเจริญหรือเสื่อมนั้น หมายถึง  พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม หรือพระพุทธศาสนาที่เชื่อถือ และปฏิบัติกันอยู่ในวิถีชีวิตของหมู่ชนนั้นๆ
 
     คำว่า  “พระพุทธศาสนาเสื่อม”  หมายความว่า  พระพุทธศาสนาที่หมู่ชนนั้นเชื่อถือและปฏิบัติอยู่ในเวลานั้น เลือนลาง หรือห่างเหินจากหลักการที่แท้จริง คือจากธรรมวินัยไกลออกไปมากขึ้น ความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติตามธรรมวินัย จางคลาย และลดน้อยลงไปจากวิถีชีวิตของหมู่ชนนั้น
 
     คำว่า  “พระพุทธศาสนาเจริญ”  หมายความว่า  พระพุทธศาสนาที่หมู่ชนนั้นเชื่อถือและปฏิบัติอยู่ในเวลานั้นหนักแน่นหรือใกล้เคียงมากขึ้นในทางที่เป็นไปตามหลักการที่แท้จริง คือ ธรรมวินัย ความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติตามธรรมวินัยเฟื้องฟูและซึมแทรกเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของหมู่ชนนั้นมากขึ้น
 
     พระพุทธศาสนาในประเทศไทย  ได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงต่างๆ มามากมายตลอดเวลายาวนานในประวัติศาสตร์  มีทั้งความเสื่อมและความเจริญสลับกันไป  มองในแง่หนึ่ง  ความเจริญและความเสื่อมเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง  ตามหลักของความเป็นอนิจจังจะให้คงที่อยู่อย่างเดิม  เป็นไปไม่ได้โดยเฉพาะความเสื่อม  ย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าความเจริญ เหมือนล้อเลื่อนที่ตั้งอยู่ ณ จุดหนึ่งบนทางลาด  ถ้าปล่อยก็ย่อมเลื่อนไหลในทางที่ต่ำลงไป การที่จะไม่ให้ไหลลง  แม้แต่เพียงจะให้ทรงอยู่กับที่  ก็ต้องใช้ความพยายามขืนไว้ไม่ต้องพูดถึงการที่จะให้เลื่อนขึ้นไป ซึ่งจะต้องใช้กำลังมากมายในการขับเคลื่อนหรือผลักดัน  ยิ่งถ้าให้ขึ้นบนทางยาวจนถึงจุดสูงสุด  ก็ยิ่งยากแทบสุดเข็น
 
     ข้อเปรียบเทียบนี้เป็นเพียงเรื่องของวัตถุ ซึ่งไม่มีชีวิตจิตใจ ใช้แต่กำลังเพียรพยายามด้วยแรงกาย  ก็ยังยาก  ยิ่งวัฒนธรรมนี้  มีองค์ประกอบสลับซับซ้อน และเป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ  การจัดการให้เป็นไปในทางที่มุ่งหมาย  ก็ยิ่งยากมากกว่านั้น  พระพุทธศาสนาที่ได้กลมกลืนเข้ามาเป็นเนื้อหาของวัฒนธรรมไทย  เมื่อผ่านกาลเวลายาวนาน  ถ้าไม่เพียรพยายามคอยตรวจสอบเนื้อหานั้นกับหลักการที่แท้คือธรรมวินัย  ไม่คอยดึงให้เดินหน้าใกล้เข้ามาสู่หลักการที่แท้นั้นมากขึ้นๆ หรือไม่หมั่นเติมเนื้อหาสาระของธรรมวินัย  เข้าไปเสริมไว้เรื่อยๆ ก็ย่อมเสื่อมโทรมและเลอะเลือนไปอย่างแน่นอน
 
     สาเหตุซึ่งมักพ่วงมากับความเก่าแก่คร่ำคร่าที่เนื่องจากความล่วงกาลผ่านเวลายาวนาน อันทำให้เกิดความเสื่อมโทรมเลอะเลือนแก่พระพุทธศาสนา มีข้อที่สำคัญ ดังนี้
 
        ก. ภาวะลงร่อง และแข็งทื่อ  ซึ่งทำให้จํากัดตัวคับแคบเวียนวนอยู่ในที่เดิม หรือย่ำอยู่กับที่ และยากต่อการแก้ไขรับปรุง  ยากที่จะปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สบสมัย  สบเหตุการณ์  ภาวะนี้มักเกิดขึ้นเพราะเหตุว่า สิ่งที่เชื่อถือและปฏิบัติสืบๆ กันมายาวนาน เมื่อสักว่าทำตามๆ กันไป ก็มักทำให้เกิดการย้ำเน้นเด่นชัดอยู่ในความหมายเพียงแง่หนึ่งแง่เดียวหรือเกิดความซ้ำที่ซ้ำทางตายตัว  ตลอดจนเกิดมีรูปแบบขึ้นมาจับตัวแข็งทื่อ และกลายเป็นเครื่องห่อหุ้มคลุมปิดไว้
 
        ข. ภาวะคลาดเคลื่อน และไขว้เขว  ซึ่งทำให้วิปริตผิดเพี้ยนห่างไกลออกไปจากหลักการและความหมายที่แท้จริง  ตลอดจนหลงพลาดออกไปนอกลู่นอกทาง  ภาวะนี้เกิดขึ้น  เพราะการแปลความหมายผิดพลาด และปฏิบัติด้วยความประมาท  ไม่หมั่นตรวจสอบกับหลักการเดิมแท้ให้ถูกต้องชัดเจนอยู่เสมอ
 
        ค. ภาวะเคลือบพอก และปะปน  ซึ่งทำให้ลางเลือนและเลอะเลือน  มองไม่เห็นของจริง และสับสน จับผิดจับถูกหลงเอาสิ่งที่เคลือบที่พอกหรือปลอมปนอยู่ เป็นตัวแท้ตัวจริง ภาวะนี้เกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจ และปล่อยให้ความเชื่อถือ และข้อปฏิบัติภายนอกเข้ามาหุ้มหอบดบังหรือคลุกเคล้าปนเปกับเนื้อหาสาระที่แท้จริง  จนเห็นสิ่งเคลือบพอกเป็นของจริง หรือแยกของจริงไม่ออก
 
        ง. ภาวะถดถอย และล้าหลัง ซึ่งทำให้ไม่สามารถก้าวหน้าใกล้เข้าไปสู่หลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนา  แต่กลายเป็นห่างไกลออกไปจากหลักการที่แท้นั้นมากยิ่งขึ้น  ภาวะนี้เกิดจากความขาดการศึกษา  ขาดความรู้ความเข้าใจ และปล่อยปละละเลย  มัวแต่จมอยู่กับเรื่องราวเก่าๆไม่ปรับปรุงความเชื่อถือ และการปฏิบัติด้วยการคอยดึงให้ใกล้เข้าไปๆ สู่หลักการที่แท้ของพระศาสนา  ไม่ศึกษาธรรมวินัยให้รู้เข้าใจ  โดยสัมพันธ์กับสภาพความคิดนึกและความเป็นไปต่างๆ ที่เป็นอยู่จริงในเวลานั้นๆ
 
     ปัจจุบันนี้   พระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีสภาพดังที่ได้กล่าวข้างต้น คือ คนไทยส่วนใหญ่ละเลย หรือทอดทิ้งศิลปวัฒนธรรมของตนที่สืบมาแต่อดีต  หันไปตื่นเต้นสนใจรับและลอกเลียนวัฒนธรรมจากประเทศตะวันตก  สภาพเช่นนี้ได้เป็นมาตลอดเวลา ๑ ศตวรรษเศษๆ
 
     อย่างไรก็ตาม  ในช่วงเวลาประมาณ ๒ ทศวรรษที่ผ่านมานี้เป็นที่สังเกตว่า ประชาชนทั่วไป รวมทั้งคนรุ่นหนุ่มสาวได้หันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนากันมากขึ้น  โดยเฉพาะคนที่สนใจในการปฏิบัติบำเพ็ญสมาธิ หรือจิตภาวนา  นับว่ามีจำนวนมากทีเดียว
 
     โดยนัยนี้  สภาพปัจจุบันของพระพุทธศาสนาในสังคมไทย  เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์แบ่งที่เคยพูดไว้จึงต้องแยกพูดเป็น ๒ ด้าน คือ พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยกำลังได้รับความสนใจ ตื่นตัวศึกษาปฏิบัติกันแพร่หลาย  แต่พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมกำลังเสื่อมถอย เลอะเลือน และถูกละเลย ภาวะที่แบ่งออกเป็น ๒ ด้านนี้  จะบังเกิดเป็นผลดี  ก็ต่อเมื่อมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแห่งการที่จะกลับเข้าประสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อไป
 
     การที่พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม เสื่อมถอย เลอะเลือน และถูกละเลย ย่อมเกิดจากสาเหตุสำคัญ ๒ ประการ คือ
 
        ประการแรก   คนไทยปล่อยให้ศิลปวัฒนธรรมของตนตกอยู่ในภาวะลงร่อง แข็งทื่อ ภาวะคลาดเคลื่อน ไขว้เขว  ภาวะเคลือบพอก แฝง ปะปน และภาวะถดถอย ล้าหลัง
 
        ประการที่สอง  คนไทยหันไปตื่นเต้นกับความเจริญทางวัตถุและระบบการต่างๆ ที่เข้ามาใหม่จากภายนอก จนมองข้าม ดูถูก ไม่เห็นคุณค่า และความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมของตน
 
     สาเหตุเหล่านี้เป็นปัจจัยหนุนแก่กันและกันเองด้วย  กล่าวคือ เมื่อวัฒนธรรมของตนถูกปล่อยให้ตกอยู่ในภาวะลงร่องแข็งทื่อ  ตลอดจนล้าหลังแล้ว  ก็ย่อมชวนให้เบื่อหน่าย  ไม่น่าสนใจ คนก็ยิ่งหันไปชื่นชมวัฒนธรรมจากภายนอกมากขึ้น  เมื่อคนหันไปเอาใจใส่เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมจากภายนอก วัฒนธรรมของตนเองก็ยิ่งถูกปล่อยให้อยู่ในภาวะแข็งทื่อ  เป็นต้น  ตลอดจนล้าหลังยิ่งขึ้น  ผลรวมก็คือ ความเสื่อมโทรม เลอะเลือน และถูกละเลยแห่งวัฒนธรรมของตนเองมากยิ่งๆ ขึ้นไป
 
     ความจริง ความเสื่อมโทรม เลอะเลือน และถูกละเลยแห่งวัฒนธรรมของตน พร้อมกับการหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมจากภายนอกนั้น  นับว่าเป็นการประสบสถานการณ์ร้าย  และความกระทบกระเทือน ซึ่งถ้าวางท่าทีให้ถูกต้อง  ก็จะทำให้เกิดผลดี  คือเป็นเหมือนสัญญาณปลุกที่ทำให้เกิดความรู้ตัว ตื่นตัว และลุกขึ้นมาแก้ไขปรับปรุง  อย่างน้อยก็จะได้เกิดความตระหนักรู้เท่าทันธรรมดาที่ว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมที่ถูกปล่อยให้เป็นไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆ จะตกอยู่ในภาวะแข็งทื่อ คลาดเคลื่อน ถูกปะปน และล้าหลัง  เมื่อรู้ตระหนักอย่างนี้แล้ว  ก็จะได้รีบเร่งดำเนินการตรวจสอบทบทวนตัวเอง  ทำการชำระสะสาง เคาะขูดสนิม  ล้างสิ่งที่พอก  ลอกสิ่งที่เคลือบ  ร่อนกรองสิ่งปลอมปนทิ้งไป และจัดปรับใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง กระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวต่อไป
 
     ยิ่งมาประจวบพอดีว่า ขณะนี้คนไทยหันมาสนใจศึกษาปฏิบัติพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยมากขึ้น  ก็เท่ากับเป็นโอกาสเหมาะที่สุด  ทั้งนี้ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาแล้วว่า ความเสื่อมโทรมเลอะเลือนของพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม  จะแก้ไขได้ก็ด้วยการตรวจสอบกับหลักการที่แท้ในพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย และคอยนำเอาเนื้อหาสาระในพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยมาเติมใส่อยู่เสมอๆ เพื่อไม่ให้จางเลือน และเพื่อดึงให้เดินหน้าเข้าไปหาหลักการที่แท้นั้นมากยิ่งขึ้นๆ   เมื่อคนหันมาสนใจศึกษาปฏิบัติตามธรรมวินัยกันแล้ว  ก็เท่ากับได้เครื่องตรวจสอบและเนื้อหาสาระที่ต้องการใช้แก้ไขปรับปรุงนั้นมา โดยไม่ต้องรอหรือหนักแรงกับการทำเรื่องนี้อีก
 
     ในเวลาเดียวกัน  แม้ว่าจะเป็นการดีที่คนไทยหันมาสนใจศึกษาปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยกันมากขึ้น  แต่ผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์สุขของประเทศชาติอย่างแท้จริง  ก็ไม่ควรพอใจเพียงเท่านั้น  พึงตระหนักในหลักการที่กล่าวมาแล้วว่า  พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยจะกลายเป็นพระพุทธศาสนาของไทย  ก็ต่อเมื่อได้ซึมซาบกลมกลืนเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทย จนกลายเป็นพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม  ถ้าตระหนักดังนี้แล้ว  การที่คนไทยหันมาสนใจศึกษาปฏิบัติพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย  ก็เท่ากับเป็นการย่างเข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญของการพื้นฟูพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมให้กลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นใหม่ และก้าวหน้าต่อไปได้อีก
 
     รวมความว่า  การศึกษาและปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย  เป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับการดำรงรักษาและพัฒนาพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม  ดังนั้น  ในสภาพปัจจุบัน แม้ว่าพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมจะเสื่อมโทรม เลือนลาง และถูกละเลย  แต่เมื่อคนหันมาสนใจศึกษา และปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัยกันมากขึ้น  ก็จึงเป็นนิมิตดีว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมจะกลับมีชีวิตชีวารุ่งเรืองเฟื้องฟูขึ้นได้อีก  แต่การจะเป็นอย่างนี้ได้  จะต้องเป็นการกระทำด้วยความสำนึกตระหนักในเป็นหมาย และตั้งใจโน้มการปฏิบัติให้ส่งผลมายังเป้าหมายนั้น คือให้การศึกษาและปฏิบัติตามหลักการแห่งพระธรรมวินัย  ส่งผลต่อพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม ด้วยการประสานกลมกลืนเนื้อหาสาระแห่งพระธรรมวินัยนั้นให้ซึมซาบเข้าไปในกระแสความรู้ความเข้าใจ และการประพฤติปฏิบัติที่เป็นวิถีชีวิตของหมู่ชน
 
     ถ้าการศึกษาและปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย กับการรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรม ยังดำเนินอยู่คู่เคียงกัน โดยมีความสัมพันธ์ในทางที่อิงอาศัยเกื้อกูลกันดังได้กล่าวมา พระพุทธศาสนาของชาวไทยก็จะยังเจริญมั่นคงอยู่ในประเทศไทย เพื่อประโยชน์สุขโดยตรงแก่ชนชาติไทย และโดยอ้อมแก่มวลชนชาวโลก ตลอดกาลนาน



 
 
     พุทธมณฑล คือ พื้นที่ภายในขอบเขตพิเศษที่ได้อุทิศถวายแด่พระพุทธเจ้า หรือบริเวณที่อุทิศให้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้จัดสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติ   เป็นหลักฐานและเป็นที่ประกาศยืนยันความจริงที่ว่า พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย   เป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมไทย  เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ชนชาวไทยตั้งอยู่ในสามัคคี   เป็นหลักการแห่งเสรีภาพในการนับถือศาสนา  เป็นสถาบันที่ดำรงยืนยงมาคู่ชาติไทย  เป็นหลักคำสอนสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของคนไทยที่รักความเป็นอิสระเสรี  เป็นแหล่งสำคัญที่หล่อหลอมเอกลักษณ์ของชาติไทย   เป็นมรดกและเป็นคลังสมบัติอันล้ำค่าของชนชาติไทย  เป็นหลักนำทางในการพัฒนาชาติไทย   และเป็นแหล่งของดีมีค่าที่ชนชาติไทยมอบให้แก่อารยธรรมของโลก
 
     ศูนย์กลางของศาสนาประจำชาตินี้ พึงเป็นจุดรวมพลังชีวิตของพระพุทธศาสนา ดุจหัวใจเป็นศูนย์รวมพลังชีวิตของบุคคล เป็นแหล่งแพร่กระจายหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนาออกไปหล่อเลี้ยงวัดวาอาราม และองค์กรที่เผยแพร่พระธรรมวินัย ดุจหัวใจเป็นแหล่งสูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทั้งปวงทั่วร่างกาย
 
     พุทธมณฑล ในอุดมคติพึงเป็นศูนย์กลางที่ประมวลรักษา และเผยแพร่พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมวินัย เป็นที่ทบทวนตรวจสอบพระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมที่เชื่อถือและประพฤติปฏิบัติกันมาในสังคมไทย ให้คงอยู่และคืนเข้าสู่มาตรฐานและครรลองที่ถูกต้อง พร้อมทั้งแพร่กระจายเนื้อหาสาระของพระธรรมวินัยออกไปผสมผสานซึมซาบเข้าสู่วิถีชีวิตของประชาชน ให้พระพุทธศาสนาฝ่ายวัฒนธรรมมีกำลังมั่นคง และเจริญก้าวหน้าตามแนวทางแห่งหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนา
 
     ถ้าการณ์เป็นไปได้เช่นนี้   พุทธมณฑลที่ร่มรื่นด้วยสวนป่าอันงอกงามน่ารื่นรมย์  ก็จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงามของพุทธธรรมที่แพร่หลายออกไป  อำนวยสันติสุข  และความร่มเย็นเบิกบานแก่ประชาราษฎร์ทั่วทั้งสังคม
 
 


Create Date : 09 ธันวาคม 2567
Last Update : 9 ธันวาคม 2567 9:48:35 น. 0 comments
Counter : 114 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space