 |
|
|
|
 |
|
พุทธศาสนาเป็นแหล่งสำคัญที่หล่อหลอมเอกลักษณ์ของชาติไทย |
|
- ๗ – - พระพุทธศาสนา เป็นแหล่งสำคัญที่หล่อหลอมเอกลักษณ์ของชาติไทย
ความรักอิสรเสรีภาพ ที่กล่าวมาแล้วในข้อก่อนนั้น เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชนชาติไทย แต่เพราะเป็นคุณลักษณะที่มีความสำคัญโดดเด่น และมีแง่ที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ จึงได้แยกพูดเป็นข้อหนึ่งต่างหาก นอกจากความรักอิสรเสรีภาพแล้ว เอกลักษณ์ไทยที่ค่อนข้างเด่นชัด ก็คือ ความมีน้ำใจเมตตาอย่างเป็นสากล ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ เรื่อย ๆ ปลงใจได้ไม่ชอบความรุนแรง และความรู้จักประสานประโยชน์ ลักษณะเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์แต่ละอย่างๆ แต่ทั้งหมดทุกอย่างนั้นสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน หรือมีแกนสอดประสานอันเดียวกัน และพระพุทธศาสนาเป็นแหล่งสำคัญที่หล่อหลอมให้เกิดเอกลักษณ์เหล่านี้ หรือว่า หลักความเชื่อถือและการปฏิบัติที่สืบเนื่องมาจากพระพุทธศาสนา เป็นแกนรอยประสานเอกลักษณ์เหล่านี้ ความมีน้ำใจ เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของคนไทย ซึ่งชาวต่างชาติมักกล่าวขวัญถึง อย่างที่เคยเอ่ยอ้างแล้วข้างต้น ความมีน้ำใจของคนไทยนี้ เป็นไมตรีจิตอย่างสากล คือ แสดงออกแก่คนทั่วไปเสมอเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ไม่แบ่งพวกแบ่งหมู่ ไม่จํากัดชาติศาสนา คนไทยให้เกียรติแก่คนต่างชาติต่างศาสนา ยินดีต้อนรับคนต่างถิ่นต่างลัทธิ บางทีให้เกียรติแก่คนต่างชาติต่างถิ่น ต้อนรับด้วยความมีน้ำใจ อย่างเป็นพิเศษ ยิ่งกว่าที่แสดงออกต่อคนชาติเดียวกัน แม้ว่าในบางกรณีจะมีทัศนคติไม่สู่ดีต่อคนบางกลุ่มบางพวกบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไปอย่างรุนแรง และไม่ผูกใจเหนียวแน่นยาวนาน ลักษณะนี้แสดงออกอีกด้านหนึ่ง คือ การปรับตัวเข้าได้ง่ายและอยู่ร่วมกันได้ดีกับคนที่มีชาติ หรือถือศาสนาต่างกัน ความมีไมตรีอย่างสากลนี้ สอดคล้องกับหลักการของพระพุทธศาสนาที่ถือว่า มนุษย์และแม้สัตว์อื่นทุกอย่าง ตั้งแต่ดิรัจฉานเป็นต้นไป ล้วนเป็นเพื่อนทุกข์ มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา เสมอกันทั้งสิ้น ต่างก็มีกรรมเป็นของตน เป็นไปตามอำนาจของกรรมที่ตนกระทำเช่นเดียวกัน และสอนให้มีเมตตาอย่างเป็นอัปปมัญญธรรม คือ แผ่ออกไปอย่างกว้างขวางไม่มีประมาณ ไม่จำเพาะแดน ไม่จํากัดขอบเขต ทั่วถึงสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่า คนไทยมีลักษณะจิตใจที่ไม่ยึดติดถือมั่นอย่างรุนแรงต่อสิ่งทั้งหลาย จึงไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรจริงจังเกินไป แม้จะเกิดความเสื่อม ความสูญเสีย ความพลัดพรากต่างๆ ก็ยอมรับความจริงได้ง่าย มองเห็นความเป็นธรรมดา ปลงใจได้ไม่เศร้าโศกเสียใจมากเกินไป หรือนานเกินควร แม้จะเกิดเรื่องราวถูกเบียดเบียนบีบคั้นข่มเหง คนไทยก็ลืมง่าย ไม่ผูกใจโกรธเกลียดนาน จึงเป็นคนไม่เครียด มีความรู้สึกผ่อนคลาย เรื่อย ๆ สบายๆ ไม่พยาบาทจองเวร และไม่ชอบความรุนแรง เหตุร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจึงมักเป็นประเภทชั่ววูบแล้วก็ผ่านไป เข้าทำนองที่ว่า “ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด” “แล้วก็แล้วกันไป อโหสิกันเสียเถิด” “อนิจจัง มีเกิดก็มีดับ” และ “เกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ทำใจเสียเถิดนะ” ลักษณะจิตใจอย่างนี้ มีหลักพระพุทธศาสนาเป็นฐานหล่อเลี้ยง และสนับสนุนหลายประการ เฉพาะอย่างยิ่ง หลักอนิจจัง ที่สอนให้รู้เท่าทันธรรมดาของสังขารทั้งหลายว่าเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็จะต้องดับไป ซึ่งสัมพันธ์กับหลักความไม่ยึดติดถือมั่น ให้ไถ่ถอนสลัดละอุปาทาน และหลักการวางใจต่อโลกธรรมทั้งหลาย ตลอดจนหลักที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร และหลักเมตตากรุณาธรรมที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนั้น ความไม่ยึดติดถือมั่นอย่างใดอย่างหนึ่งเหนียวแน่นรุนแรงจนเกินไปนี้ ยังส่งผลสืบเนื่องต่อไปอีก ช่วยให้ชาวไทยเป็นคนปรับตัวเข้ากับคนใหม่สิ่งใหม่ได้ง่าย พร้อมที่จะรับวัฒนธรรมตลอดจนสิ่งสนองแปลกใหม่จากภายนอก และรู้จักประสานประโยชน์ สามารถมองข้ามส่วนหรือลักษณะที่ขัดแย้ง ที่ไม่เหมาะไม่เข้ากัน ที่ไม่เป็นผลดีหรือที่ไม่พอใจ จับฉวยแต่ส่วนหรือลักษณะที่ใช้ได้ ไปกันได้เหมาะกัน เอื้ออำนวย เป็นคุณเป็นประโยชน์ เอามาผสมผสาน หรือจัดสรรให้สอดคล้องในทางที่จะบังเกิดผลเป็นประโยชน์ คุณลักษณะทั้งหลายที่จะเกิดเป็นเอกลักษณ์ของชาติขึ้นได้นั้น จะต้องเป็นที่ยอมรับเชื่อถือปฏิบัติกันจนเคยชินอย่างกว้างขวางทั่วไปในสังคม และได้รับการปลูกฝังถ่ายทอดสืบกันมาตลอดเวลายาวนานจนแนบแน่นซึมซาบอยู่ในชีวิตจิตใจอย่างเป็นปกตินิสัยของคนส่วนใหญ่ และแสดงออกมาทางพฤติกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นไปเอง การที่หลักความเชื่อถือ และการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาได้หล่อหลอมตัวออกมาเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาได้เข้ากลมกลืนสนิทอยู่ในชีวิตจิตใจของคนไทย จนถึงขั้นที่กล่าวได้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความเป็นไทย อย่างไรก็ตาม ว่าโดยทั่วไป สิ่งทั้งหลายที่แม้จะดี ก็ย่อมมีด้านที่เสีย หรือส่วนที่ด้อยอยู่ด้วยในตัว ลักษณะต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ ถ้าปฏิบัติผิดเรื่องผิดที่ และขาดหลักการที่เป็นคู่กำกับ หรือเป็นส่วนเติมเต็มให้เป็นการปฏิบัติที่ครบวงจร ก็อาจก่อผลเสียหายเป็นโทษได้ เช่น ความเป็นคนเรื่อย ๆ สบายๆ ปลงใจได้ ไม่จริงจังกับเรื่องราวทั้งหลายมากนัก อาจทำให้กลายเป็นคนที่ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ หรือที่ประสบ โดยไม่คิดแก้ไขปัญหา ไม่คิดเปลี่ยนแปลง และปรับปรุง ขาดความกระตือรือร้น ตลอดจนเป็นคนเฉื่อยชา และปล่อยปละละเลย ไม่ป้องกันแก้ไข และไม่ก้าวหน้าสร้างสรรค์
การที่จะเกิดโทษอย่างนี้ขึ้น ก็เพราะถ่ายทอดสืบต่อคุณลักษณะเหล่านั้นตามๆ กันมา โดยไม่ได้ตรวจสอบตนเอง และไม่ได้ทบทวนหลักความเชื่อ และหลักการปฏิบัติทางพระศาสนา ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มาของคุณลักษณะเหล่านั้นให้ชัดเจนมองเห็นทั่วตลอดอยู่เสมอ เพื่อให้แนวความคิด และพฤติกรรมของตนดำเนินไปสู่การปฏิบัติที่ครบวงจร เช่น มองเห็นความเป็นอนิจจังแล้วปลงใจได้ สบายใจหายทุกข์ร้อน เลยหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น ไม่ใช้ปัญญามองหาเหตุปัจจัยในกระบวนการของความเป็นอนิจจัง และดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ให้ตรงเหตุตรงปัจจัยด้วยความไม่ประมาท คุณธรรมที่จะต้องใช้กำกับเอกลักษณ์ทั้งหลายอยู่เสมอ ก็คือ ปัญญา และอัปปมาทธรรม
Create Date : 07 ธันวาคม 2567 |
Last Update : 7 ธันวาคม 2567 11:52:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 117 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|