กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
space
space
3 ธันวาคม 2567
space
space
space

พุทธศาสนาเป็นแกนนำ และเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมไทย



- ๒ –
 
- พระพุทธศาสนาเป็นแกนนำ และเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมไทย
 
     ดังได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า วิถีชีวิตของคนไทยผูกพันอยู่อย่างแนบแน่นกับพระพุทธศาสนา ความเชื่อถือ และหลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ซึมแทรกผสมผสานอยู่ในแนวความคิดจิตใจ และกิจกรรมแทบทุกด้านของชีวิตไทยตลอดเวลายาวนาน โดยยังคงเนื้อหาสาระเดิมที่บริสุทธิ์ไว้ได้ก็มี   ถูกดัดแปลงเสริมแต่งตลอดจนปนเปกับความเชื่อถือ และข้อปฏิบัติสายอื่น หรือผันแปรไปด้วยเหตุอื่นๆ จนผิดเพี้ยนไปจากเดิมก็มาก
 
     ในทางจิตใจ เห็นได้ชัดว่า หลักธรรมความประพฤติปฏิบัติการดำเนินชีวิต และกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและเนื่องด้วยพระพุทธศาสนา ได้หล่อหลอมชีวิตจิตใจและลักษณะนิสัยของคนไทย ให้เป็นผู้มีจิตใจกว้างขวางและร่าเริงแจ่มใส ชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แสดงความเป็นมิตร เข้ากับใครๆ ได้ง่าย ยินดีในการให้และแบ่งปัน พร้อมที่จะบริจาคและให้ความช่วยเหลือ  อย่างที่เรียกว่า เป็นคนมีน้ำใจ อันเป็นลักษณะเด่นชัด   ที่ชนต่างชาติมักสังเกตเห็นและประทับใจ  จนตั้งสมญาเมืองไทยว่าเป็นดินแดนแห่งความยิ้มแย้ม หรือ สยามเมืองยิ้ม
 
     ประเพณีและพิธีการต่างๆ ในวงจรชีวิตของแต่ละบุคคลก็ดี  ในวงจรเวลาหรือฤดูกาลของสังคมหรือชุมชนก็ดี   ล้วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยตลอด  ถ้าไม่เป็นเรื่องของศาสนาหรือสืบเนื่องจากพระพุทธศาสนาโดยตรง  ก็ต้องมีกิจกรรมตามคติความเชื่อ หรือแนวปฏิบัติในพระพุทธศาสนาแทรกอยู่ด้วย
 
     สำหรับวงจรชีวิตของบุคคล  เช่น  ตั้งชื่อ  โกนผมไฟ  บวช  แต่งงาน  ทำบุญอายุ  พิธีศพ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะจัดย่อยละเอียดถี่มากกว่านี้ หรือตัดออกบ้างให้น้อยกว่านี้ เหลือเฉพาะที่สำคัญหรือจำเป็น  ก็พูดรวมๆ ได้ว่า  ตั้งแต่เกิดจนตาย  ล้วนจัดให้เนื่องด้วยคติในพระพุทธศาสนา

     ส่วนในวงจรกาลเวลาของสังคมและชุมชน ก็มีงานประเพณี และเทศกาลประจำปี ทั้งที่เป็นเรื่องทางพระพุทธศาสนาโดยตรง เช่น  มาฆบูชา วิสาขบูชา  เข้าพรรษา ออกพรรษา  กฐิน  เป็นต้น และที่จัดให้เข้าในคติของพระพุทธศาสนา  เช่น  ตรุษ สงกรานต์  สารท  ลอยกระทง  เป็นต้น  ตลอดจนงานนมัสการปูชนียวัตถุสถานประจำปีของวัดต่าง ๆ
 
     ด้วยเหตุนี้  ในท้องถิ่นทั้งหลายทั่วสังคมไทย  ฤดูกาลจึงผ่านเวียนไปโดยไม่ว่างเว้นจากงานพิธีทางพระพุทธศาสนา จนชีวิต และสังคมไทยผูกพันแนบสนิทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระพุทธศาสนา  ดังได้กล่าวข้างต้น  เทศกาล  งานประเพณีและพิธีการต่างๆ เหล่านี้  นอกจากเป็นเครื่องผูกพันและร้อยประสานรวมใจประชาชนทั่วทั้งถิ่นและทั้งสังคมให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวมีความสามัคคีกันแล้ว  กิจกรรมบุญกุศลในโอกาสเหล่านี้  ล้วนโน้มน้อมไปในทางการให้  การบริจาค สละ และสลัดคลายความยึดติด จึงเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจ และฝึกนิสัยของคนไทย ให้มีอัธยาศัยกว้างขวางเผื่อแผ่  มีไมตรีและน้ำใจ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว
 
     ภาษาเป็นส่วนประกอบสำคัญยิ่งของวัฒนธรรม และคำบาลีสันสกฤตก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของภาษาไทย  คำบาลีนั้นมาจากพระพุทธศาสนาโดยตรง  ส่วนคำสันสกฤตมาจากพระพุทธศาสนาบ้าง  มาจากศาสนาฮินดูบ้าง  แต่รวมความแล้ว  พระพุทธศาสนาก็เป็นแหล่งใหญ่แห่งความเจริญงอกงามของภาษาไทย  แม้แต่ถ้อยคำสามัญที่ใช้ในชีวิตประจำวัน  ก็เป็นคำที่มาจากบาลีสันสกฤตหลายส่วน
 
     ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ในประโยคว่า  “คุณวรินทร์ รับประทานอาหารเช้าแล้ว ก็ขับรถยนต์พาบุตรหญิงคนเล็กไปส่งให้คุณครู   ที่โรงเรียนอนุบาล  แล้วแวะส่งภรรยา ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย  ที่สถาบันของเธอ จากนั้นจึงไปยังที่ทำงาน”   คำว่า  อาหาร  รถยนต์  บุตร  ครูอนุบาล  ภรรยา  อาจารย์มหาวิทยาลัย และสถาบัน  เป็นคำบาลีสันสกฤตทั้งสิ้น
 
     อีกตัวอย่างหนึ่ง  ลองดูข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง  ในวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๓๐ นี้ว่า   “ในการพิจารณาเรื่องนี้กระทรวงเกษตร ฯ ได้เน้นเรื่องการประกันภัยเกษตรกร  โดยให้กลุ่มสหกรณ์ชาวนาเป็นผู้ดำเนินการ  แต่กระทรวงพาณิชย์  ไม่เห็นด้วย และเสนอว่ากลุ่มสหกรณ์ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการดำเนินงาน  ทั้งทางด้านการบริหาร ...”    คำว่า พิจารณา  เกษตร  ภัย  เกษตรกร  สหกรณ์  การพาณิชย์  ประสิทธิภาพ และบริหาร  ก็เป็นคำบาลีสันสกฤตทั้งนั้น
 
     ยิ่งในภาษาราชการ และภาษาทางวิชาการ ก็ยิ่งมีถ้อยคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตมากขึ้น  ตลอดกระทั่งการตั้งชื่อบุคคล และสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ไพเราะ หรือเพื่อให้เห็นสำคัญ ก็นิยมตั้งเป็นคำบาลีสันสกฤต  ยิ่งกว่านั้น  ยังนิยมให้พระสงฆ์ที่เคารพนับถือเป็นผู้ตั้งให้เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
 
     ภาษาเป็นอุปกรณ์ของวรรณกรรม และวรรณกรรมก็ช่วยให้ภาษาเจริญเติบโต   อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  นอกจากภาษาของพระพุทธศาสนา คือ บาลี รวมทั้งสันสกฤต จะเป็นเครื่องมือหลักของกวีไทยทั้งหลายแล้ว  เรื่องราวต่างๆ ในคัมภีร์พุทธศาสนายังเป็นที่มาแหล่งใหญ่ของบทประพันธ์ และกวีนิพนธ์ทั้งหลายในประเทศไทย  สืบแต่โบราณอีกด้วย  วรรณคดีไทยเรื่องสำคัญๆ  ที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่อดีต  เป็นเรื่องราวในระพุทธศาสนาโดยตรงบ้าง  ได้รับอิทธิพลโดยอ้อมบ้าง เป็นผลงานนิพนธ์ของพระสงฆ์ในวัดเองบ้าง  ประพันธ์โดยท่านที่ได้รับการศึกษาไปจากวัดบ้าง
 
     แม้ว่าในปัจจุบัน  ภาษาไทยและวรรณกรรมไทยจะขยายตัวเจริญเติบโตขึ้น โดยได้รับอิทธิพลจากภาษาต่างประเทศสายอื่น และเรื่องราวแปลกใหม่ในขอบเขตที่กว้างขวางออกไป จนบางครั้งทำให้ถ้อยคำที่มาจากบาลีสันสกฤตบางส่วน และวรรณคดีไทยเก่าๆ เหล่านั้นดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องของอดีตนานไกลที่ล่วงผ่านพ้นสมัยไปแล้วแต่กระนั้นก็ตาม  ถ้อยคำและวรรณคดีไทยเก่าๆทั้งหลาย ก็ยังคงความสำคัญ ในฐานะเป็นที่สืบค้นความเป็นไทย และความเป็นมาของไทย พร้อมทั้งภูมิธรรมภูมิปัญญาของไทยอยู่ต่อไป
 
     ยิ่งกว่านั้น  การที่จะนำสังคมไทยให้เดินหน้าไปสู่ความเจริญพัฒนาอย่างได้ผลดี  มีเนื้อหาสาระแท้จริง โดยไม่ล้มเหลวเสียก่อน และทั้งไม่สูญเสียความเป็นไทยด้วยนั้น คนไทยในช่วงต่อแห่งยุคสมัยนี้   จะต้องเป็นผู้ฉลาดที่จะสืบทอดความเป็นไทยเอาไว้เป็นแกนในของตัว พร้อมไปด้วยกันกับการรับเอาความเจริญใหม่ๆ จากภายนอกเข้ามาผนวก และกลั่นย่อยเสริมตัวให้เติบขยายและก้าวหน้าต่อไป
 
     นอกจากภาษาและวรรณคดีแล้ว ศิลปะและดนตรีไทยก็เนื่องอยู่ด้วยกันกับพระพุทธศาสนา เพราะเหตุว่า นอกจากวัง ซึ่งเป็นส่วนเฉพาะของเจ้านายแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไป ก็มีแต่วัดเท่านั้นที่เป็นแหล่งใหญ่ ที่กำเนิดรักษา สืบทอด พัฒนา หรือสนับสนุนศิลปะและดนตรี
 
     วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน   เป็นศูนย์กลางแห่งกิจกรรมทางสังคม และเป็นสมบัติส่วนรวมร่วมกันของชุมชน   ศิลปะและดนตรีจึงอาศัยวัดเป็นที่จัดแสดงหรือปรากฏตัว  ดนตรีถูกใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทางพระศาสนา   แม้แต่การแสดงพระธรรมเทศนา  เป็นเครื่องเสริมคุณค่าทางอารมณ์ความละเมียดละไม โอ่อ่า และความรู้สึกเป็นจริงเป็นจัง ตั้งแต่งานสมโภชไปจนถึงงานอวมงคลจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจเพื่อแสดงถึงศรัทธาในพระศาสนา และเป็นสื่อถ่ายทอดหลักธรรม
 
     สิ่งก่อสร้างต่างๆ ในวัด ได้รับการจัดสร้างให้ใหญ่โตและมีความวิจิตรบรรจงเป็นพิเศษ แม้แต่กุฏิที่อยู่ของพระภิกษุ ก็ได้รับความเอาใจใส่จัดสร้างอย่างดีพิเศษยิ่งกว่าเรือนที่อยู่ของชาวบ้านสามัญ เพราะเป็นสมบัติร่วมกันของทุกคนในชุมชน  มิใช่สมบัติส่วนตัวของบุคคลใดๆ แต่เป็นดุจหอพักที่ทุกคนมีสิทธิที่จะมาอยู่พักอาศัย  ในระหว่างระยะเวลาที่เข้ามาบวชเรียนอยู่ในวัด หมุนเวียนกัน  ตั้งแต่รุ่นปู่ทวดจนถึงหลานเหลนและต่อๆไป  จนกว่าจะสิ้นสภาพของมัน
 
     โดยนัยเดียวกัน กุฏิเจ้าอาวาสอาจได้รับการจัดสร้างให้มีเครื่องอำนวยความสะดวกพรั่งพร้อม ยิ่งกว่ากุฏิอื่นๆ เพราะมิใช่เป็นเพียงที่อยู่อาศัยของพระภิกษุเท่านั้น  แต่มีฐานะเป็นสำนักงานกลางของชุมชน ซึ่งผู้นำ กล่าวคือ เจ้าอาวาสนั้น  เข้าอยู่ตามตำแหน่ง โดยความยอมรับของชุมชน และทั้งเป็นที่ต้อนรับอาคันตุกะ โดยเฉพาะผู้นำจากชุมชนอื่นคือเป็นที่แสดงตัวของชุมชนนั้น  ต่อผู้ที่มาจากชุมชนอื่น
 
     สาระสำคัญที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน  เป็นสมบัติร่วมกันของชุมชน และเป็นที่ปรากฏแสดงตัวของชุมชนท้องถิ่นนั้น ต่อชุมชนอื่น หรือต่อคนภายนอก  ทั้งหมดนี้  เป็นเนื้อแท้ของวัฒนธรรมที่จะต้องเข้าใจให้ถูกต้องและรักษาไว้ให้ได้  หากเข้าใจเขวไป หรือรักษาสาระไว้ไม่ได้  เช่น  ความหมายของเสนาสนะสงฆ์ในความสัมพันธ์กับชุมชนลางเลือนไป  ทำให้เสนาสนะสงฆ์ใหญ่โตเกินกำลังฐานะ และการใช้ประโยชน์ของชุมชนโดยไม่สมเหตุผล เป็นต้น ก็เรียกได้ว่าเกิดความคลาดเคลื่อนทางวัฒนธรรม เมื่อนั้น ความเสื่อมโทรมก็จะคืบคลานเข้ามาแทนที่  ความเจริญมั่นคง และเป็นความเสื่อมโทรมที่จะต้องประสบร่วมกัน ทั้งฝ่ายสถาบันพระศาสนาคือวัด และชุมชนนั้นเอง
 
 




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2567
0 comments
Last Update : 5 ธันวาคม 2567 7:30:25 น.
Counter : 263 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space