Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
The Bitch of Living: ชีวิตเฮงซวย - เพลงมันส์ๆ จากละครเพลง Spring Awakening ที่ชนะ 8 Tony Awards









สวัสดีครับ วันนี้เอาเพลงสนุกๆ จาก Rock Musical เรื่องดัง "Spring Awakening" ที่คว้ารางวัลโทนี่ 2007 ไปถึง 8 รางวัล คือ Best Musical, Best Book of a Musical, Best Original Score, Best Performance by a Featured Actor in a Musical (John Gallagher, Jr.), Best Direction of a Musical (Michael Mayer), Best Choreography (Bill T. Jones), Best Orchestrations และ Best Lighting Design of a Musical ครับ เรียกว่าเป็นตัวเก็งจ๋ามาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเลยก็ว่าได้ บรรดาคนดังๆ และคนในวงการละครเวทีอเมริกันที่ได้ชม ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปีนี้ Spring Awakening จะได้กวาดรางวัลท่วมท้นอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่ผิดโผจริงๆ ด้วยครับ



Spring Awakening เดิมทีเป็นละครเวทีฝีมือนักประพันธ์ชาวเยอรมัน Frank Wedekind เนื้อหาเกี่ยวกับความสับสนวุ่นวายภายใจจิตใจของวัยรุ่นในชนบทของประเทศเยอรมันในปี 1891 ที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก ความเกลียด ความต้องการทางเพศ ความต้องการอิสระที่จะคิด พูด หรือทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ และความขัดแย้งกับ "ผู้ใหญ่" ที่แสดงความรักและความห่วงใยในทางที่ผิด โดยพยายามกีดกันไม่ให้เด็กๆ สัมผัสกับโลกแห่งความเป็นจริง

ละครเวทีเรื่องดังกล่าวเคยถูกจัดแสดงมาแล้วหลายครั้งในรูปแบบละครพูด รวมถึงในบรอดเวย์เองด้วยซ้ำ ในปี 1917 แต่ความโจ่งแจ้งของเนื้อหาที่ตอกย้ำความวิปริตของสังคม ทำให้ละครไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ชมและสังคมละครในขณะนั้น จนต้องปิดการแสดงไปในเวลาอันรวดเร็ว

เกือบหนึ่งร้อยปีต่อมา บทละครเรื่องเยี่ยมนี้ถูกนักประพันธ์และนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน Duncan Sheik และ Steven Sater นำมาดัดแปลงเป็นละครเพลง Pop Rock สุดฮิป โดยเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเพียงเล็กน้อย เพราะสาระสำคัญของบทละครนั้น ยังคงเป็นจริงและทันสมัยอยู่แม้จนปัจจุบันครับ โดย background ของเรื่องยังคงเป็นเมืองชนบทในเยอรมัน ราวปี 1891 เหมือนเดิม แต่เพลงที่ใช้ประกอบจะเป็นเพลง pop rock ทั้งหมด และมีทุกแนวตั้งแต่ rock ballad, alternative, bubblegum pop ใสๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เกิดความขัดแย้งของบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังนำแสดงโดยนักแสดงรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น โดยทั้งคณะนักแสดง หากไม่นับรวมนักแสดงผู้ใหญ่ 2 คนที่รับบทเป็น "ผู้ใหญ่" ในเรื่องแล้ว ไม่มีคนใดเลยที่อายุเกิน 24 ปี ในปัจจุบัน และส่วนใหญ่จะอายุไม่เกิน 20 ปี ทั้งสิ้น



ความโดดเด่นอีกประการของละครเพลงเรื่องนี้คือการ "ทะลายกำแพงที่ 4" กล่าวคือ ในบางขณะ ตัวละครจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกภายในใจออกมาโดยตรงสู่ผู้ชม เหมือนกับผู้ชมร่วมอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงแต่การรำพึงรำพันคนเดียวเหมือนในละครทั่วๆ ไป และบางครั้งในหลายๆ เพลง ก็จะควักเอาไมโครโฟนสมัยใหม่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วกระโดดโลดเต้นร้องเพลงเหมือนกับอยู่ในคอนเสิร์ตเลยครับ

ความประหลาดอีกอย่างของละครเรื่องนี้ ก็คือการจัดให้ผู้ชมส่วนหนึ่งขึ้นไปนั่งรวมกับนักแสดงบนเวทีบริเวณริมเวทีสองข้าง ซึ่งเป็นส่วนที่มองเห็นได้จาก floor ซึ่งผู้ชมในส่วนนี้จะได้รับชมการแสดงอย่างใกล้ชิด และจะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษจากนักแสดงในระหว่าง intermission แต่จะไม่มีบทบาทพิเศษอะไรในระหว่างการแสดงนะครับ ได้แต่นั่งดูอย่างเดียว ไม่เหมือนใน 25th Annual Putnam County Spelling Bee ที่ผู้ชมสามคนจะต้องขึ้นไปร่วมเล่น Spelling Bee บนเวทีร่วมกับนักแสดงด้วยในแต่ละรอบ



อีกประเด็นที่น่าสนใจของละครเรื่องนี้ ก็คือการกล้าแสดงและพูดถึงเนื้อหาที่ล่อแหลม ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืนในครอบครัว เซ็กซ์ในวัยเรียน ความรักแบบโฮโม ฯลฯ โดยเฉพาะฉากการมีเพศสัมพันธ์บนเวทีอันลือลั่น ที่นางเอกสาวหน้าใสกิ๊ก Lea Michele ยอมลงทุนเปลือยอกแบบแว๊บๆ และพระเอก Jonathan Groff โชว์ก้นแบบเต็มๆ ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้โป๊อะไรมากมาย แต่เป็น impact ที่กระทบใจผู้ชมได้มากมายจริงๆ

เพลงในเรื่องบางเพลงค่อนข้างจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและมีสบถสาบานค่อนข้างมาก เช่นเพลง Totally Fuc...ed ซึ่งมีคำสำคัญถูกร้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายสิบครั้ง หากใครได้ดูการแสดงของ Spring Awakening ในงานประกาศผลรางวัล Tony ในปีที่ผ่านมา คงจะเห็นความน่ารักของเพลงนี้ เพราะนักแสดงทุกคนร้องเพลงนี้ออกมาโดยเว้นคำสำคัญเอาไว้ทุกครั้ง พร้อมกับเอามือมาอุดปากตัวเองไว้ด้วย

เพลงที่นำมาให้ฟังในวันนี้ ชื่อ The Bitch of Living ครับ นับว่าเป็นเพลงที่เนื้อหาเบา และติดหูที่สุดเพลงหนึ่งของเรื่องก็ว่าได้ เพลงนี้เป็นเพลงที่แสดงความสับสนอึดอัดภายในใจของกลุ่มนักเรียนชาย ขณะกำลังเรียนภาษาลาตินอยู่ในโรงเรียน โดยต่างคนต่างก็มีความสับสนวุ่นวายใจ ไม่ว่าจะเป็น มอริตซ์ (รับบทโดย John Gallagher Jr ซึ่งได้รับรางวัลโทนี่ในปีนี้ด้วย) เด็กหนุ่มนิสัยเก็บกดประหลาดๆ ที่กำลังสงสัยว่าความรู้สึกว้าวุ่นใจที่เกิดขึ้นมันเป็นความต้องการทางเพศหรืออะไรกันแน่ รวมไปถึงพระเอกของเรื่อง เมลคิออร์ (รับบทโดย Jonathan Groff) ที่เป็นหนุ่มหล่อ อุปนิสัยใจคอโตเกินวัย มั่นใจในตัวเอง และไม่เชื่อในพระเจ้า นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนๆ เช่น เกออร์ก อ๊อตโต รวมไปถึง เอิร์นสท และฮานเชน สองหนุ่มเกย์ที่รายหนึ่งมั่นใจในตัวเอง อีกรายหนึ่งยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

เพลงนี้ฟังครั้งแรกนึกถึง sum41 เลยครับ ลักษณะการเดินคอร์ดและเสียงร้องแบบกวนๆ อย่างนี้ ยิ่งพอได้ดู MV แล้วยิ่งเข้าใจและได้ใจมากขึ้นจม ต้องขอบอกว่าเพลงนี้แปลยากมากจริงๆ ครับ ต้องตีความเยอะมากๆ ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องต้องขอโทษด้วยครับ

ผมเอา MV มาให้ดูด้วย อยากให้ดูจริงๆ ครับ มันส์ดีมากๆ ลองกด play แล้ว pause ไว้ก่อนให้ buffer มาเต็มๆ แล้วค่อยเล่นนะครับ จะได้ดูได้อย่างต่อเนื่องครับ



กดฟังเพลงชัดๆ ที่นี่ครับ






[MORITZ]
God, I dreamed there was an angel
Who could hear me through the wall
As I cried out like in Latin,
"This is so not life at all"

มอริตซ์
พระเจ้า ฉันฝันไปว่าเห็นนางฟ้านางหนึ่ง
ผู้ได้ยินเสียงเพรียกของฉันผ่านกำแพงห้อง
ขณะฉันครวญคร่ำออกมาเป็นภาษาลาตินว่า
"นี่มันไม่ใช่การใช้ชีวิตสักนิด"

Help me out, out of this nightmare
Then I heard her silver call
She said "Just give it time, kid
I come to one and all"

โปรดช่วยชีวิตฉันจากฝันร้ายนี้หน่อยเถิด
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงเรียกจากนาง
นางเอื้อนเอ่ยว่า "รอหน่อยเถิดหนูเอ๋ย
ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยเธอและทุกคน"

She said give me that hand please
And the itch you can't control
Let me teach you how to handle
All the sadness in your soul

นางว่า "จงยื่นมือข้างนั้นมาเถิด
จับไปที่จุดที่เธอรู้สึกคันจนทนไม่ไหว
ฉันจะสอนให้เธอจัดการ
กับความทุกข์ระทมทั้งหลายในจิตใจเธอ"

Oh we'll work that silver magic
Then we'll aim it at the wall
She said love may make you blind, kid
But I wouldn't mind at all

"เดี๋ยวเราจะร่ายมนต์วิเศษกัน
แล้วเล็งมันไปที่ฝาผนังนั่นแหละ"
นางว่า "ทำมากๆ อาจทำให้เธอตาบอดได้นะหนูจ๋า"
แต่ฉันไม่สนใจสักนิด

[ALL]
It's the bitch of living (bitch, just the bitch)
Nothing but your hand (just the bitch, yeah)
Just the bitch of living
As someone you can't stand

ทั้งหมด
มันก็แค่ความเฮงซวยของชีวิต
ไม่มีสิ่งใดบรรเทาได้นอกจากมือของนาย
เป็นความเฮงซวยของชีวิต
เหมือนต้องทนเหม็นหน้าคนบางคน

[GEORG]
See,each night it's like fantastic
Tossing, turning without rest
'cause my days at the piano
With my teacher and her breasts

เกออร์ก
เข้าใจไหม ว่าทุกค่ำคืนของฉันมันช่างน่าพิศมัย
กระสับกระส่ายทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ก็เพราะฉันนั้นเรียนเปียโนทุกวี่วัน
กับคุณครูคนสวย ผู้เป็นเจ้าของหน้าอกคู่นั้น

And the music's, like, the one thing
I can even get at all
And those breasts, I mean god
Please just let those apples fall

เหมือนกับฉันจะได้เรียน
แต่เรื่องดนตรีเพียงอย่างเดียว
แต่หน้าอกหน้าใจคู่นั้น
พระเจ้าขอรับ ช่วยดลบันดาลให้นมหกออกมาหน่อยเถอะ

[ALL]
It's the bitch of living (bitch, ah ah ah)
With nothing going on (nothing going on)
Just the bitch of living
Asking "What went wrong?"

ทั้งหมด
เป็นแค่ความเฮงซวยของชีวิต
ทั้งที่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เป็นความเฮงซวยของชีวิต
ที่เราได้แต่เฝ้าถามว่า "เราทำอะไรผิดพลาดไปหรือ"

Do they think we want this?
Oh, who knows?

คิดเหรอว่าอยากเป็นแบบนี้
ใครจะมาเข้าใจ

[ERNST]
See, there's showering at gym class...

เอิร์นสท
ตอนเรียนพละเราต้องอาบน้ำรวมกัน

[HANSCHEN]
Bobby Mayler, he's the best
Looks so nasty in those khakis

ฮานเชน
บ็อบบี้ เมเลอร์ เท่สุดๆ
ใส่กางเกงสีกากีแล้วดูน่าฟัดชะมัด

[ERNST]
God, my whole life's like some test

เอิร์นสท
พระเจ้า ชีวิตฉันเหมือนถูกทดสอบอยู่

[OTTO]
Then there's Marianna Wheelan
As if she'd return my call

อ็อตโต
แล้วยังมียาย มารีแอนนา วีแลน นั่นอีก
แต่ทำยังกับเจ้าหล่อนจะโทรหาฉันอย่างนั้นแหละ

[HANSCHEN]
It's like, just kiss some ass man
Then you can screw 'em all

ฮานเชน
ก็แค่เลียก้นใครสักคนสองคน
แล้วถ้าอยากจะล่อใครก็ตามสบายเลย

[MELCHIOR]
It's the bitch of living (it's the bitch of living)
And living in your head (in your head)
It's the bitch of living
And sensing god is dead

เมลคิออร์
เป็นแค่ความเฮงซวยของชีวิต
ก็แค่การคิดฝันไปเรื่อยเปื่อย
เป็นความเฮงซวยของชีวิต
รู้สึกเหมือนพระผู้เป็นเจ้าตายไปแล้ว

[ALL(MELCHIOR)]
It's the bitch of living (you watch me, just watch me)
And trying to get ahead (I'm calling, and one day)
It's the bitch of living

ทั้งหมด (เมลคิออร์)
เป็นแค่ความระทมของชีวิต (คอยดูฉันสิ คอยดูฉัน)
พยายามจะทำตัวเองให้ดีล้ำหน้าคนอื่นๆ (สักวันหนึ่งฉันจะบอกให้รู้)
เป็นความระทมของชีวิต

[MORITZ]
Just getting out of bed

มอริตซ์
ก็แค่ลุกจากเตียง

[ALL(MELCHIOR)]
It's the bitch of living, living, living (All will know)
Getting what you get (All will know)
Just the bitch of living

ทั้งหมด (เมลคิออร์)
เป็นแค่ความระทมของชีวิต (อีกหน่อยทุกคนจะได้รู้)
ดิ้นรนได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น (ทุกคนจะได้รู้)
เป็นความระทมของชีวิต

[MELCHIOR]
And knowing this is it

เมลคิออร์
รู้ซะว่าได้ดีที่สุดก็แค่นี้แหละ

[ALL]
God, is this it?
This can't be it...
Oh god, what a bitch.

ทั้งหมด
พระเจ้า ดีที่สุดแค่เพียงนี้เองหรือ
ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้นะ
โอพระเจ้า เฮงซวยจริงๆ


Create Date : 02 กรกฎาคม 2550
Last Update : 2 กรกฎาคม 2550 16:35:39 น. 8 comments
Counter : 2080 Pageviews.

 
หูยยยย สุดยอดเลยอ่ะ ชอบมากเลยครับ ตอนจบแบบขนลุกเลย


โดย: ปืนกล IP: 203.131.217.33 วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:11:50 น.  

 
เป็นไททานิคแห่งละครเวทีเลยนะเนี่ย


โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:33:41 น.  

 
สุดยอดจริงๆค่ะ เด็ดขาดไปเลย ชอบมากค่ะ นั่งฟังไปอ่านประกอบไป พูดได้คำเดียวว่าเยี่ยมจริงๆ อ้าว ปาเข้าไปสามคำ เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม งั้นเอาไปอีกสามคำเลยค่ะ ปรบมือให้ด้วยค่ะ


โดย: rendezvous (be-oct4 ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:29:17 น.  

 
ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก ผมก็นึกถึงวง Punk Rock เลยทันทีครับ พาลไปนึกถึง Busted 555555


เนื้อหาได้ใจครับ สะท้อนสังคมได้เยี่ยมเลย ในเรื่องของการปิดกั้น ครอบครัว และการแสวงทางออกของวัยรุ่น เพลงก็กวนดีชะมัด เนื้อหา สุดยอดจริงๆ วัยรุ่นมันก็อย่างนี้แหละ ไอ้คนเลยวัย แต่ใจยังรักแบบผมน่ะ อินครับอิน


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:34:05 น.  

 
ยังไม่ทันได้อ่านเลย แต่คิดว่าดี แล้วจะฟังเพลงเพราะคะ


โดย: Odin's IP: 124.120.10.57 วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:21:50 น.  

 
So Coool musical and so cool is this blog, I can tell you, man. I will continue to be your big fan and keep updated your next post. Have a safe trip and enjoy your life very much in Houston. So sure that you will have a great time up there. Seize every precious moment. May good deeds you have done in the past protects you from vices around there. Wish you the bests.


โดย: someone you know who IP: 203.151.227.94 วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:23:58 น.  

 
เยี่ยมมากค่ะ


โดย: มะ IP: 27.55.11.145 วันที่: 27 กันยายน 2556 เวลา:23:38:20 น.  

 
เก่งมากเลยค่ะ ช่วยแปลเพลง song of purple summer ให้หน่อยได้ไหมค่ะ ชอบมากๆๆๆเลยค่ะ ^ ^


โดย: ลูกปัด IP: 202.28.66.253 วันที่: 29 กันยายน 2556 เวลา:13:19:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ruiN
Location :
Houston, Texas United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชีวิตนี้ มีแต่ภาษา กับเสียงเพลงครับ ที่ทำให้สู้ทนอยู่ได้ เลยส่งผลผลิตให้มี blog นี้ ไว้ถ่ายทอดผลงาน ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ


แพทย์จุฬาฯ 60 ปี
Friends' blogs
[Add ruiN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.