Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ทางนิพพานมิใช่โรยด้วยกลีบบัว (3)





ทางนิพพานมิได้โรยด้วยกลีบบัว (3)


ในสมัยนั้น พระอาจารย์บอกว่า ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมากๆ ( tough) ท่านผอมจนเรียกว่า เหลือแต่หนัง หุ้มกระดูก แต่เพราะศรัทธา ท่านจึงไม่คิดท้อถอย ท่านเล่าว่าพระก็คือแรงงานที่ทำงานกันในวัด



แล้วท่านก็เห็น พระผู้ใหญ่ ซึ่งชรา และอ้วนท้วน(กว่าท่าน) นั่งคุยกับญาติโยม บนศาลา ท่านคิดว่าเป็นพระผู้ใหญ่นี้ดีจังนะ ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนท่าน แต่พระผู้ใหญ่ท่านนั้นได้บอก กับท่านว่า “พระผู้ใหญ่ก็ ลำบากแบบพระผู้ใหญ่ พระผู้น้อย ก็ลำบากแบบพระผู้น้อย”


ท่านไม่เข้าใจคำนี้จนกระทั่งถึงตอนนี้ ตอนที่ท่าน เป็นเจ้าอาวาสวัดไทยที่เพิธ์ท ท่านถึงเข้าใจ ว่า พระผู้ใหญ่มีความลำบากยังไง จากที่ท่านเล่า ทำให้ย่าได้คิด อย่างหนึ่งคือ เราควรจะเห็นใจคน อื่นให้มากขึ้น ปัญหาของทุกคน คงจะใหญ่และสำคัญเท่าๆกันอะนะ อย่าลืม!!นะย่า อย่าลืม!! (อิอิเตือนตัวเอง)


ท่านเล่าว่ากลางคืน หลวงพ่อชาจะเทศน์ บางทีถึงเช้า พระก็ต้องนั่ง ให้ยุงกัดบนศาลาทั้งคืน ยิ่งพระหงุดหงิด อยากจะกลับกุฎิ หลวงพ่อชา ก็ไม่มีทีท่าจะหยุดพูด เพราะท่านกำลังสอนให้ลูกศิษย์ของท่านอดทนกับสิ่งที่ไม่เป็นไปอย่างใจ..


ในวันที่อากาศหนาว ท่านจะให้พระเปิดหน้าต่างให้หมดรับลมหนาวเต็มที่ (พระก็หนาวกันจับใจ) ส่วนในเดือนเมษาอากาศร้อนสุดๆ ท่านสั่งให้ พระนุ่งห่มมิดชิด ปิดหน้าต่างให้หมด นั่งทำสมาธิกัน5555555 นี้คือการ สอนของหลวงพ่อชา ให้ทนได้ในทุกสภาพอากาศ..


แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ท่านรู้สึกแปลกมากๆในสายตา ฝรั่งอย่างท่านก็คือ เวลาหลวงพ่อชา เดินกลับจากบิณฑบาต หรือกลับจากข้างนอก มาถึงศาลา หลวงพ่อชาจะต้องล้างเท้าก่อนขึ้นศาลา(เพราะเท้าจะติดดินโคลนมา)


แล้วภาพที่ พระอาจารย์เห็นก็คือ พระจำนวน 20-30 คนจะรีบวิ่งไปล้างเท้าให้หลวงพ่อชา เรียกว่าแย่งกันก็ว่าได้ ชุลมุนน่าดู ภาพคน20กว่าคนก้มอยู่ตรงเท้าหลวงพ่อชา พระอาจารย์บอกว่าเป็นภาพที่งี่เง่า ท่านคิดว่า หลวงพ่อชานะแก่พอจะรู้จักล้างเท้าตัวเองได้แล้ว แต่ท่านก็สงสัยว่า คนไปแย่งกันล้างเท้าให้หลวงพ่อชาเพราะอะไร?


และในฐานะที่ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ (ท่านเป็นนักฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์) ท่านเลยคิดว่า “อึมเราต้องทำการทดลอง ดูว่า พวกคนที่แย่งกันไปล้างเท้าให้หลวงพ่อชา เขารู้สึกอย่างไรกันหรือ ถึงต้องแย่งกันขนาดนั้น”


แล้ววันหนึ่ง หลวงพ่อชา กลับมาจากข้างนอก พระอาจารย์ก็รีบวิ่งไปแย่งกับคนอื่น ล้างเท้าให้หลวงพ่อชา ท่านเล่าว่าท่านแย่งได้ นิ้วก้อยของหลวงพ่อชา อิอิ แล้วท่านก็ล้างนิ้วก้อยให้กับหลวงพ่อชา ท่านบอกว่าท่านรู้สึกดีมากๆๆ มันเป็นความรู้สึกดีๆที่เราได้ทำอะไรให้กับคนที่เราเคารพรัก

ซึ่งท่านไม่เคยเข้าใจมาก่อน เพราะวัฒนธรรมของฝรั่งต่างจากคนเอเชีย แต่ตอนนี้ ท่านเข้าใจแล้ว!! ที่จริงหลวงพ่อชาท่านไม่ได้ต้องการให้คนมาล้างเท้าให้ แต่ที่ท่านยอม เพราะท่านอยากให้ คนที่ต้องการจะทำอะไรให้ท่าน" มีความสุข" "ความสุข"ของคนที่ทำอะไรให้เรา นั้นต่างหากที่สำคัญ….

************************************

เรื่องนี้ทำให้ย่าคิดถึงเรื่อง เรื่องหนึ่ง ครั้งหนึ่ง มีผู้สื่อข่าวฝรั่ง ได้มาติดตามดาไลลามะ เพื่อถ่ายทำสารคดี ชีวิตของท่าน

ผู้สื่อข่าวคนนี้ได้มองเห็นว่า ทุกที่ที่ดาไลลามะเดินผ่านไป จะมีชาวธิเบตที่แสนจะยากจน จะนำของมาให้ดาไลลามะ และท่านก็รับเอาไว้

ผู้สื่อข่าวฝรั่ง รู้สึกว่าบางอย่างมันผิดปรกติ!! ทำไมคนที่ยากจนต้องเอาสิ่งของที่เรียกว่า" ดีที่สุดที่เขามี" มาให้คนที่รวยกว่า ก็คือ ดาไลลามะ กันละ?

เขาสงสัยแต่ไม่พูดอะไร จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังหนึ่ง มีหญิงชรา แต่งตัว
ด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น เก่าและสกปรก ได้นำกระโปรงตัวหนึ่งที่เธอเย็บและปัก
อย่างสวยงาม ออกมามอบให้ ดาไลลามะ!!

และนั้นคือ จุดสิ้นสุดของความอดทน เขาหันไปต่อว่าดาไลลามะว่า "คุณไปรับของจากคนที่แสนจะยากจน และอดอยากมากกว่าคุณได้ไง มันไม่ถูก!!
แล้วคุณจะเอากระโปรงตัวนี้ไปทำอะไร คุณเป็นผู้ชาย คุณไม่สามารถใส่มันได้ซะด้วยซ้ำไป!!"

ดาไลลามะตอบแบบใจเย็นว่า""คุณ ที่ผมรับสิ่งของจากคนจนเหล่านี้ไม่ได้เพื่อตัวผมเองหรอกนะ แต่ผมรับเพื่อ "ความสุขของคนเหล่านั้น" มันเป็นความสุขที่เกิดจากการที่เขาได้ทำบุญ ได้ให้ ถ้าไม่มีคนรับ "ความสุขจากการให้"จะเกิดขึ้นได้อย่างไร"

ผู้สื่อข่าว เริ่มจะเข้าใจในสิ่งที่คนตะวันตกอย่างเขาไม่เข้าใจ และสิ่งของที่ดาไลลามะ รับจาก หมู่บ้านนี้ ก็จะถูกไปแจกจ่ายให้อีก หมู่บ้านหนึ่ง กระโปรงตัวนั้นก็เช่นกัน ท่านได้ไปให้กับหญิงชาวบ้าน ผู้ยากจนอีกหมู่บ้านหนึ่ง


สรุปว่าทุกคน แฮปปี้ คนหมู่บ้านนี้ที่ให้ท่านก้มีความสุข คนอีกหมู่บ้านหนึ่งที่รับของจากท่าน ก็มีความสุข ความสุขเกิดกับทั้ง2หมู่บ้าน โดยมีดาไลลามะเป็นคนกลางนี้เอง....



( นี่เองที่ทำไมเวลาเราถวายเทียนพรรษา หรือถวายสังฆทาน ฯลฯ จะมีท่อนที่พูดตอนถวายว่า "ขอพระสงฆ์จงรับสิ่งของที่ถวายนี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อ"ความสุข "ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ฯลฯ" แรกๆก็ไม่เข้าใจถวายของให้พระ แล้วทำไมต้องเพื่อความสุขของตัวเราเอง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว..)

ย่าชอบเล่า


แปลบางตอนจากเรื่องดีๆทาง https://www.bswa.com



ปล พระอาจารย์พรหมจะมาบรรยายธรรมะที่บ้านอารีย์ ในวันพรุ่งนี้!!! 24 กพ 2552 เวลาบ่าย 2 โมงจ้า...เชิญไปพบกับตัวจริงได้คร้า!!!!


Create Date : 20 กันยายน 2551
Last Update : 26 มกราคม 2563 17:30:33 น. 15 comments
Counter : 61 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะย่า
นึกออกค่ะว่าความรู้สึกเวลาที่ได้ทำอะไรให้คนที่เราเคารพรักเป็นยังไง

วิธีการสอนอย่างหลวงพ่อชา เอ็มก็ชอบนะคะ
ท่านสอนไม่ซับซ้อน ตรงประเด็นดีค่ะ

ขอบคุณนะคะย่าที่รวบรวมเรื่องดีดีมาเขียนให้ได้อ่านกัน


โดย: discipula วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:17:17:12 น.  

 
ขอบคุณย่ามากนะคะ เรื่องราวมาย้ำในสิ่งที่เคยรู้แล้วลืมมันไป

แม่มดมักมีปัญหาเวลาจะรับอะไรจากคนบางคน ทั้งที่รู้ว่าเขามีน้อยกว่า
เคยนึกว่าไม่อยากได้เพราะสงสารที่เขาต้องเจียดเงินมาซื้อให้
หลายครั้งก็ลืมไปว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นเราชื่นชมในสิงที่เขาให้

อยากเป็นฝ่ายที่ได้รับความสุขจากการให้บ้างเหมอนกัน ขอให้เขารับมันจากแม่มดบ้าง


โดย: แม่มด (GreenWitch ) วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:18:46:23 น.  

 
"ไม่รู้จะเอาอะไรมาฝาก
ที่มีค่ามากกว่า..รักได้
นอกจากกำลังใจ
กับความห่วงใยไม่จืดจาง"


โดย: I_sabai วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:20:58:20 น.  

 
มารับข้อคิดดี ๆ ก่อนเข้านอนค่ะ


โดย: อิมาอิซัง วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:22:53:51 น.  

 
สวัสดีครับคุณย่า

ชอบเรื่องเล่าของท่านดาไล ลามะจังเลยครับ



โดย: กะว่าก๋๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:7:29:27 น.  

 

มาเสพข้อคิดดีๆค่ะ ถ้าไม่มีผู้รับ ผู้ให้จะมีความสุขได้ยังงัยคะ


โดย: กัญจนา วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:9:05:07 น.  

 
อืมๆๆ ทำไมเรื่องนี้หนูอ่านแล้วมองต่างมุมอะ


โดย: น้องผิง วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:10:32:06 น.  

 



แวะมาอ่านเดลี่ธรรมะค่ะ..

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: sonnen วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:10:55:26 น.  

 


โดย: pumpond วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:07:01 น.  

 
แวะมาทักก่อน เดี๋ยวค่อยมาอ่าน


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:15:03 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณย่า






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:30:35 น.  

 
อิอิ หายไปนาน มาตอบเรื่องค่าเครื่องบินค่ะ ค่าเครื่องบินไปกลับประมาณ สองหมื่นสี่ค่ะ แต่ถ้าเป็นเทศกาลท่องเที่ยวอาจเกือบ ๆ สองหมื่นแปด แล้วแต่สายการบินค่ะ แต่ช่วงเดือนที่ผานมาไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ถูกมากค่ะ ไปกลับประมาณหมื่นหกเอง เพื่อนบอกว่าเคยหาได้ประมาณ หมื่นสี่ก็มีค่ะ แต่ต้องแล้วแต่ช่วงค่ะ

นี่วันนี้คุณย่าคงไปฟังท่านอาจารย์เทศน์มาแล้วแน่ ๆ ไงก็หลับฝันดีนะคะย่า จุ๊บ ๆๆๆๆ


โดย: อุ๊ อุ๊ (oumon ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:40:02 น.  

 
เอ
เรื่องล้างเท้าหลวงพ่อชานี่ คุ้นมาก
ว่าเคยอ่านแล้ว แต่ไม่เห็นว่ามีเม้นท์เดิม
ใช่เลย สุขที่ได้ทำให้กะคนที่เรารักและเคารพ
สุขที่ได้ให้กะสุขที่ได้รับของท่านดาไลลามะ
สวัสดีย่าหลินครับผม
หมูมารายงานตัวแล้ว
emo


โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:19:30 น.  

 
อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง

เขาถือว่าความสุขจากการให้มากกว่าความสุขจากการรับ ใช่มั้ยคะ

ดีจัง ได้ฟังพระอาจารย์ ช่วงนี้รัชชี่กำลังเครียด ๆ เหมือนกัน ถ้าพรุ่งนี้สะดวกอาจชวนเพื่อนไปฟังสปาใจ ของคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย หลังเลิกงานค่ะ


โดย: รัชชึ่ (รัชชี่ ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:38:53 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณย่า






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:15:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ย่าชอบเล่า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ได้ฟังสิ่งดีๆ แล้วมีความสุข จึงอยากแบ่งปัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป แต่ขอให้เราจำไว้เสมอว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ไม่ว่าทุกข์ หรือสุข

อย่าสิ้นหวังยามความทุกข์เข้ามาหาเรา และอย่าประมาทเมื่อเราอยู่ในเวลาแห่งความสุข

"อย่าดีใจมาก อย่าเสียใจนาน" เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง

ย่าชอบเล่า
Friends' blogs
[Add ย่าชอบเล่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.