|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พรหมวิหาร4
ใช้พรหม เลี้ยงลูก อ่านหัวข้อคง งง กันละซิ ว่ามันจะเกี่ยวกันได้ไง (อิอิ) มาฟังดูก่อนนะจะเข้าใจ (เพราะย่าก็เคยสงสัยแบบนี้มาแล้ว5555) ใช้พรหม เลี้ยงลูกที่ว่าคือ พรหมวิหาร 4 ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มาดูกันว่ามันใช้ยังไง เมตตา----ใช้ยามลูกปรกติสุข---- เรารักลูก ดูแล ให้อาหาร เล่นกับเขา พาไปเที่ยว ให้การศึกษา ฯลฯ กรุณาใช้ยามลูก เจ็บป่วย ตกทุกข์ หรือ ลำบาก----พ่อแม่จะให้ความช่วยเหลือ ปัดเป่า บรรเทาความทุกข์ต่างๆที่ลูกต้องเจอ มุทิตา---- ใช้ยามลูก เจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในชีวิต-----พ่อแม่จะร่วมยินดี ชมเชย อวยพรให้ลูกยามลูกได้ดี เด็กที่ได้รับ เมตตา----จะเป็นคนที่รักคนอื่นเป็น มองโลกในแง่ดี อารมณ์ และจิตใจเบิกบาน มีความสุข เด็กที่ได้รับ กรุณา----เขาจะรู้จัก เห็นใจ อ่อนโยน และสงสารในความทุกข์ร้อนของคนอื่น จะรู้จักช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ เด็กที่ได้รับ มุทิตา---- เขาจะรู้จักยินดีกับคนอื่น ไม่อิจฉาคน มีความมั่นคง และเชื่อมั่นในตัวเอง 3ตัวที่ว่ามานี้จะ เป็นตัวควบคุม ด้านความรู้สึกและอารมณ์ และจิตใจ เราให้ทั้ง3สิ่งที่ว่า กับลูกหลาน อย่าให้ขาดแต่ก็ไม่มากเกินไป เพราะถ้าเราใช้เมตตา มากๆ แบบรัก ทำให้ทุกอย่าง เด็กจะกลายเป็นคนเอาแต่ใจ เป็นนักเรียกร้อง แล้วในอนาคต ก็จะไปเรียกร้องให้ตัวเอง เป็นจุดศูนย์กลาง ให้ทุกคนต้องเอาใจเขาเหมือนที่พ่อแม่ทำให้ แต่ไปอยู่กับคนอื่นเขาไม่ใช่พ่อแม่ นี้ ใครเขาจะมานั่งทำให้ละ กลายเป็นว่าลูกเราจะอยู่กับคนในสังคมไม่ได้ อันนี้เพราะพ่อแม่เอาใจมากเกินไป ต้องระวัง สังเกต พ่อแม่สมัยนี้จะเสียสมดุล ตรงจุดนี้คือ รักมากไม่อยากให้ลำบาก เลยทำให้ซะหมด เด็กเลย เป็นพวก ฮ่องเต้น้อย ไม่ก็ ฮองเฮาเอาแต่ใจ ตัวสุดท้ายนี้ สำคัญมาก คือ อุเบกขา เราคงอยากให้ลูกหลานเรา เป็นคนดี นิสัยดี อารมณ์ดี จิตใจดี เป็นที่รักของทุกคน แต่เราก็ยังต้องการให้ลูกเราช่วยตัวเองได้ แก้ปัญหาชีวิตเป็น ตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตได้ถูกต้อง เพราะพ่อแม่ไม่ได้อยู่กับลูกตลอดชีวิต สุดท้ายเขาต้อง ยืนให้ได้ด้วยลำแข้งตัวเอง จึงต้องใช้ อุเบกขา อุเบกขา แปลตามตัวคือ การเฝ้าดูใกล้ๆ ดูว่าเขาจะทำยังไง เหมือนกับเป็น การฝึกลูกไปในตัว เมื่อลูกเรา โตขึ้นทุกวัน เราต้องหัดให้เขาช่วยตัวเอง ได้พอสมควรตามวัยของเขา การที่เราปล่อยให้เขาทำ และตัดสินใจบ่อยๆจะทำให้เขา เก่งขึ้น แล้วเราเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ เพื่อเราจะได้เข้าช่วยเหลือเขาได้ ยามที่เขา ประสบกับปัญหาและแก้ไขไม่ได้จริงๆ หรือยามที่เขาเริ่มออกนอกลู่นอกทาง เราผู้เป็นพ่อแม่ก็มีหน้าที่ ชี้ทาง แต่ไม่ทำให้นะ ต้องให้เขาทำเอง ทุกเรื่องเลยค่ะ ตั้งแต่จับขวดนมดื่ม อาบน้ำ แปรงฟัน หิ้วกระเป๋าไปรร จนกระทั่งเขาเลือกคบเพื่อน เลือกคบแฟน เลือกเรียนต่อมหาลัยอะไร สาขาอะไร ฯลฯ เราต้องเฝ้าดูว่าเขาทำหรือตัดสินใจยังไง ถ้าไม่ดี เราก็พร้อมจะเข้าให้คำแนะนำ พวกเราเคยสังเกตไม๊ เด็กจรจัดที่เร่ร่อน อยู่ริมถนน เด็กพวกนี้ ไม่เคยได้รับ 3ตัวแรก คือ เมตตา กรุณา มุทิตา เด็กพวกนี้จะ รักใครไม่เป็น สงสารใครก็ไม่เป็น และไม่ค่อยพอใจในสังคม เพราะว่าเขา ไม่เคยโดนพ่อแม่รัก ยามเขาหิว ป่วยก็ไม่มีพ่อแม่จะมา กรุณา (สงสาร)เขา แล้วเขาจะสงสารคนอื่นเป็นได้ไง เขาไม่มี พ่อแม่จะมาชื่นชมเขาเวลาเขาทำอะไรดี เขาเลยขาดทุกอย่างด้านอารมณ์ ทำให้เด็กเหล่านี้ ก้าวร้าว ไม่รักใครจริง ไม่มีเห็นใจใคร ไม่มีความมั่นคงในอารมณ์ ฯลฯ(นอกจากเด้กบางคนที่มี"โยนิโสมนสิการ" จริงๆก็อาจจะได้ดีได้) ด้วยเหตุที่เด็กเหล่านี้โดนพ่อแม่ ใส่แต่"อุเบกขา" แบบ สุดๆ คือ ไม่ดูแลไม่สนใจเลย ทำให้เด็กเหล่านี้จะ "เก่งมาก " เข้มแข้ง ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง เอาตัวรอดได้ในทุกสถาณการณ์(จะดีหรือไม่อีกเรืองหนึ่ง) เขาเอาชีวิตรอดได้ หาอาหารให้ตัวเองกิน ได้ฯลฯ" นี้เองที่ ท่านบอกว่า การเลี้ยงลูกต้อง เดินทางสายกลาง balance ให้พอดี เพราะว่าเราทุกคนคงต้องการลูกที่มีความสุข มีความรักต่อตัวเอง และผู้อื่น จิตใจดี เห็นใจคนอื่นๆ เข้ากับคนในสังคมได้ และ มีความเชื่อมั่น ความมั่นคงทางอารมณ์ และทั้งยังต้อง ช่วยตัวเองได้ ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง และตัดสินใจได้เก่ง ฯลฯ ทั้ง 2ส่วนล้วนสำคัญทั้งสิ้น..... เล่าแบบย่อจากธรรมะบรรยายของ พระพรหมคุณาภรณ์ ป อ ปยุตโต ย่าชอบเล่า ปล สมัยก่อน ย่าไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ พระพุทธศาสนาจะเกี่ยวกับชีวิต คนเรา และเอาไปใช้ได้ จนกระทั่งเมื่อแก่แล้วจึงเข้าใจ และยิ่งอ่านก็ยิ่ง พบว่า พระพุทธศาสนา ก็คือ ชีวิตของเรานี้เอง มันใช้ได้จริง มันเป็นความจริงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนธรรมดา อย่างเรานี้แหละ หาใช่แค่พระไม่
Create Date : 08 ตุลาคม 2551 |
|
21 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2563 18:11:52 น. |
Counter : 2541 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ย่าค่ะ (ย่าชอบเล่า ) 8 ตุลาคม 2551 16:02:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ย่าค่ะ (ย่าชอบเล่า ) 8 ตุลาคม 2551 16:12:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 8 ตุลาคม 2551 18:52:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 8 ตุลาคม 2551 18:55:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: กัญจนา 9 ตุลาคม 2551 10:40:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanida IP: 58.137.122.234 9 ตุลาคม 2551 13:16:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) 9 ตุลาคม 2551 14:41:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมุตัวน้อย (mr.pure.fon ) 9 ตุลาคม 2551 14:54:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Aor IP: 125.24.135.234 9 ตุลาคม 2551 17:46:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ย่าเองคร้า (ย่าชอบเล่า ) 10 ตุลาคม 2551 14:27:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 21 พฤศจิกายน 2556 9:38:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 27 ธันวาคม 2556 10:38:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
ได้ฟังสิ่งดีๆ แล้วมีความสุข จึงอยากแบ่งปัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป แต่ขอให้เราจำไว้เสมอว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ไม่ว่าทุกข์ หรือสุข
อย่าสิ้นหวังยามความทุกข์เข้ามาหาเรา และอย่าประมาทเมื่อเราอยู่ในเวลาแห่งความสุข
"อย่าดีใจมาก อย่าเสียใจนาน" เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง
ย่าชอบเล่า
|
|
|
|
|
|
|
|
และเห็นว่าผู้อ่าน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวในอนาคต คงต้องมีครอบครัวและ แน่นอนมีลูก
ลองอ่านดูแล้วถ้าคิดว่า พอมีประโยชน์ก็นำกลับไปใช้ได้ค่ะ
ย่าหวังว่า ลูกๆของผู้อ่านทุกท่านจะเป็นเด็กที่มีคุณภาพและมีคุณธรรม และมีความสุข
ด้วยรักและปรารถนาดี