จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

กระจกส่องใจ




ผมได้รู้จักกับครอบครัวของคุณสุรสิทธิ์และคุณอนงค์ทิพย์ แย้มฉาย ด้วยลักษณะที่ค่อนข้างแปลกแตกต่างไปจากการได้รู้จักเพื่อนฝูงและมิตรสหายคนอื่นๆ

คือวันหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์จากคุณอนงค์ทิพย์แนะนำตัวเองโดยไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามว่าชื่ออะไร เธอบอกว่าได้อ่านเรื่อง “เสียงดุเหว่าที่วัดหนองยายดา” ที่ผมเขียนลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง เธอได้ไปเที่ยวชมวัดแห่งนั้นมาและมีความประสงค์ที่จะทอดผ้าป่าทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ จึงโทรศัพท์มาบอกผมขอให้ร่วมอนุโมทนาด้วย

ในเวลาต่อมาผมกับครอบครัวของเธอก็ได้พบกัน คุณอนงค์ทิพย์ แย้มฉาย เธออายุ 49 ปี เธอมีอาชีพรับราชการครู ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนนิเวศวุฒาราม จังหวัดนครสวรรค์

แล้วในคืนวันหนึ่งผมก็ได้มีโอกาสมาพักที่บ้านหลังงามของเธอที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ณ บ้านหนองกรด ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ อาณาบริเวณบ้าน 150 ตารางวาเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ที่มากและโดดเด่นเป็นพิเศษก็คือต้นลีลาวดีหลากสี

รุ่งเช้าวันนั้น...ขณะที่ผมเดินผ่านห้องแต่งตัวของเธอ ผมเหลือบมองเห็นกระจกเงาเก่าบานนี้เข้า และเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างเรียกให้ผมหยุดอยู่ตรงนั้น !

กระจกเงาขนาด กว้าง 55 ซม. ยาว 120 ซม. กรอบไม้สักเก่าแน่นหนาแข็งแรงทาชแล็คเป็นมันวาว บางแห่งมีรอยปรอทหลุดร่อน รอยตำหนินั้นมองผิวเผินก็สวยเหมือนรูปดอกไม้ บ่งบอกถึงความชราภาพของเนื้อกระจก แล้วเรื่องความเป็นมาของกระจกก็พรั่งพรูออกมาจากปากของผู้เป็นเจ้าของ

กระจกบานนี้มีอายุประมาณเกือบร้อยปีและอยู่กับเธอมาราวๆยี่สิบห้าปีแล้ว เธอได้กระจกบานนี้มาจากคุณป้าของสามีซึ่งให้เป็นของขวัญเนื่องในวันแต่งงาน ตอนนั้นเธอเพิ่งแยกครอบครัวออกมาเช่าบ้านไม้สองชั้นอยู่กันตามลำพัง

พอแยกบ้านมาใหม่ๆก็ยังไม่มีกระจกใช้ เมื่อได้กระจกมาก็ตรงกับความต้องการของเธอพอดี ที่ถูกใจเป็นพิเศษก็เพราะเป็นของเก่าแก่และเป็นของที่คุณป้าได้รับมาจากคุณพ่อคุณแม่อีกทอดหนึ่ง

เธอมีความรู้สึกว่ากระจกบานนี้เป็นของคู่ตัว เพราะเธอเป็นคนชอบกระจกอยู่แล้ว ทุกห้องในบ้านจะต้องมีกระจก ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำหรือห้องนอน แต่กระจกบานนี้ติดตั้งไว้ที่ผนังห้องแต่งตัว เป็นเหมือนเพื่อนคอยส่องสะท้อนภาพให้เห็นตัวเองอยู่ตลอดเวลา คราใดที่เธอเดินผ่านจะต้องมองกระจกอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่มองว่าสวยหรือไม่สวย แต่มีความรู้สึกว่าจะต้องมอง

เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อกระจกบานนี้ เธอพูดได้อย่างน่าคิดและน่าฟังว่า…

“กระจกเป็นสิ่งบอบบางแต่ก็ช่วยสะท้อนให้เห็นตัวเรา ทั้งดีและไม่ดี ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม ทางรูปธรรมก็คือเราดูว่าเรามีจุดบกพร่องในเรื่องหน้าตาอย่างไร คิ้วไม่เท่ากันหรือเปล่า จะเสริมแต่งอย่างไรให้มันดี เสื้อผ้าเรียบร้อยหรือไม่ ส่วนทางนามธรรมนั้นก็คือการสะท้อนให้มองเห็นตัวเราเอง คนอื่นเขาคงไม่กล้าบอกเรา ตัวเราเองบอกตัวเราเองได้ กระจกที่ดีก็จะต้องบอกความจริงกับเรา กระจกที่ดีก็คือเพื่อนที่ดี เพราะฉะนั้นเพื่อนที่ดีก็ต้องทำตัวเสมือนกระจกคือสะท้อนความจริงของตัวเราออกมา นอกจากเอาไว้พิจารณาตัวเองแล้วยังเป็นที่ระลึกถึงคุณป้าด้วย”

ตอนที่ได้กระจกบานนี้มาใหม่ๆทั้งสองคนมีรายได้รวมกันแล้วเพียงหกพันกว่าบาทเท่านั้น ปัจจุบันมีรายได้มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า ฐานะครอบครัวเปลี่ยนไปแล้ว ขณะที่เธอมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณค่าของกระจกก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

เธอมีความรู้สึกว่ามีกระจกเป็นเพื่อนเดินทางเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้เธอไม่หลงลืมตัวว่าเคยลำบากมาอย่างไร เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้มีวันนี้ได้ก็เนื่องมาจากการรู้จักประหยัดและเก็บออม

สำหรับคุณอนงค์ทิพย์แล้ว…ทุกๆครั้งก่อนจะออกจากบ้านเธอจะต้องมองกระจกก่อน เพื่อสำรวจความเรียบร้อยและทำให้เกิดความเชื่อมั่นเมื่อออกไปพบปะกับผู้คนนอกบ้าน

จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้วที่กระจกบานนี้เป็นของใช้คู่กายคู่ใจของเธอมาตลอด บางครั้งเมื่อเธอส่องกระจกพิจารณาตัวเอง ทำให้เธอนึกถึงบางประโยคของ “โรส” นางเอกหนังเรื่อง “ไททานิค” ที่หยิบกระจกขึ้นมาแล้วพูดว่า “กระจกนั้นยังคงรักษาสภาพคงเดิมไว้ แต่คนในกระจกนั้นเปลี่ยนไป” เธอยอมรับว่าตัวเธอเองก็หนีไม่พ้นกฎเกณฑ์ความจริงข้อนี้ไปได้

เมื่อมองอย่างผิวเผินดูเหมือนว่ากระจกเป็นของใช้สามัญประจำบ้านอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้ารู้จักเปลี่ยนมุมมองให้ดี ก็อาจเห็นเป็นปรัชญาในกระจกเงาได้

เมื่อพูดถึงเรื่องกระจกทำให้ผมนึกถึงรายการสารคดีมีคุณภาพที่ยืนยงมาถึง 21 ปี คือรายการ “กระจกหกด้าน” ของอาจารย์สุชาดี มณีวงศ์ เพลงเปิดรายการคุ้นหูที่เป็นเอกลักษณ์ของเฉพาะ ของนุภาพ สวันตรัจ กับตัวหนังสือที่เป็นคำสอนของ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ว่า…

“คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง”

เป็นคำเตือนให้ทุกคนรู้จักสำรวจตัวเองให้รอบรอบด้าน ไม่ใช่มองแต่ด้าน หน้าเพียงด้านเดียว เพื่อชี้ให้เห็นความจริงของชีวิตที่ว่าควรปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อบุคคลรอบข้างอย่างไรด้วย

เวลาที่คุณยืนมองสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา คุณเคยคิดแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ ?


------------------------------




 

Create Date : 28 มกราคม 2549
15 comments
Last Update : 28 มกราคม 2549 0:21:57 น.
Counter : 746 Pageviews.

 


 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 28 มกราคม 2549 1:52:43 น.  

 

แวะมาอ่านค่ะ มีความสุขวันหยุดค่ะ

 

โดย: jaa_aey 28 มกราคม 2549 6:47:53 น.  

 

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปถามข่าวค่ะ
อาทิตย์ก่อนที่ทำงาน จัดไปเที่ยวเกาะเสม็ด กลับมาก็ไปประชุม ที่กทม เพิ่งกลับมาเมื่อวาน

มีรูปจากงานกล้วยไม้มาอัพblog แล้วค่ะ

 

โดย: filmgus 28 มกราคม 2549 9:20:16 น.  

 

แวะมาเยี่ยม...สวัสดีครับ

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

 

โดย: **mp5** 28 มกราคม 2549 9:21:14 น.  

 

รายการกระจกหกด้าน
เป็นเหมือนความทรงจำช่วงหนึ่ง
โดยเฉพาะน้าเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ดำเนินรายการนะคะ

ส่วนเรื่องกระจกนี้เคยอ่านแล้ว อ่านอีก ก็ยังชอบค่ะ

 

โดย: filmgus 28 มกราคม 2549 10:21:47 น.  

 

ร่ำรวยเงินทอง ประสบความสุขความสำเร็จ ตลอดไปนะคะ


Image hosting by Photobucket

 

โดย: Batgirl 2001 28 มกราคม 2549 10:58:50 น.  

 

ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้
มั่งมี ศรีสุข ร่ำรวย เงินทอง เฮง เฮง เฮง นะคะ


 

โดย: หยิ๋งแป๋ม 28 มกราคม 2549 12:20:57 น.  

 

เป็นบทความที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ อ่านแล้วทำให้
เราได้คิดจริงๆ นะค่ะ ...

 

โดย: JewNid 28 มกราคม 2549 12:33:15 น.  

 

ก้อยมักจะซ้อมหน้ากระจกเป็นการเตรียมตัวก่อนจะเริ่มงานสำคัญค่ะ เช่น พูดต่อหน้าคนเยอะๆ, สัมภาษณ์งาน ฯลฯ

เคยอ่านข่าวที่ว่ามีหลายๆบริษัทที่ให้บริการลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ เค้าจะวางกระจกไว้ข้างหน้าพนักงานตอบรับโทรศัพท์ทุกคนค่ะ เพื่อให้พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรยิ้มแย้ม เพราะว่าถ้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี น้ำเสียงที่ส่งไปให้ลูกค้าก็จะเต็มไปด้วยความน่าประทับใจค่ะ ดีเหมือนกันนะคะ

 

โดย: เฉลียงหน้าบ้าน 28 มกราคม 2549 14:10:06 น.  

 

แวะมาอ่านหลังจากที่เคยอ่านแล้วครั้งหนึ่ง...คุณโดมไม่ใส่ภาพประกอบด้วยล่ะคะ

 

โดย: สเลเต 28 มกราคม 2549 15:10:09 น.  

 

“กระจกนั้นยังคงรักษาสภาพคงเดิมไว้ แต่คนในกระจกนั้นเปลี่ยนไป”....ชอบมากๆครับพี่ ผมว่าจริงที่สุดเลย

บ้านเก่าที่ผมอยู่เมื่อสมัยเด็กๆนั้นนั้นเป็นบ้านห้องแถวโบราณสไตล์ชิโนโปรตุกีสครับ เมื่อก่อนเราอยู่กับเป็นครอบครัวใหญ่มาก เพราะบ้านหลังใหญ่มาก หลังๆ คนที่โตๆมาในบ้านนั้น คงเห็นว่าของเก่าๆในบ้านไม่มีค่าแล้ว เลยเอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บของหมดเลย

ด้วยความซน ผมจึงเข้าไปเล่นในห้องเก็บของ ก็เจอโต๊ะเครื่องแป้งที่มีปกระจกเอียงปรับได้ และมีกระจกข้างๆอีกสองอันเล็ก ตอนนั้นผมมอวว่ากระจกสวยมากครับ จึงไปขอคุณตาว่าถ้าไม่เอาแล้ว ผมขอไปไว้ที่บ้านได้มั้ย คุณตาก็ให้ผมมาครับ ตอนนี้กระจกนี้มีรอยปรอทหลุดๆเหมือนกระจกที่บ้านของคุณอนงค์ทิพย์เลยครับ กระจกอยู่กับผมที่บ้านใหม่มานานมากจนจำไม่ได้แล้วครับ จำได้ว่าตอนนั้นที่มองกระจกชุดนั้ ผมมองที่การออกแบบเท่านั้นเองครับ ว่าออกแบบได้สวยลงตัว และมีความคลาสสิค ยากที่การออกแบบสมัยนี้จะทำได้ จึงชอบครับ ต้องตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นเลย ตอนนี้ชุดกระจกนี้จึงเป็นเหมือนสมบัติมีค่าทางใจมากๆชิ้นนึงของบ้านผมไปแล้วครับ


"เมื่อมองอย่างผิวเผินดูเหมือนว่ากระจกเป็นของใช้สามัญประจำบ้านอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้ารู้จักเปลี่ยนมุมมองให้ดี ก็อาจเห็นเป็นปรัชญาในกระจกเงาได้"....นี่ผมก็เห็นด้วยครับพี่ บางครั้งสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวของเรา ที่เรามองข้ามหรือมองผ่านๆทุกวัน อาจจะให้ปรัชญาแก่เรามากว่าที่เราจะคาดคิดได้จริงๆครับ ถ้าเราคิดจะหันไปมองให้ลึกซึ้ง ก็จะเห็นครับ


ส่วนเรื่องที่บล็อกผมครับ>>แม่ผมตอนนี้อายุ 54 ครับ สมัยที่ท่านอ่านพันธุ์หมาบ้า ท่านน่าจะอายุราวๆ20กว่าๆนะครับ แม่ผมเป็นนักอ่านเลย ที่บ้านมีหนังสือนิยายและวรรณกรรมเยอะมาก แต่ผมมันไม่ค่อยรักการอ่านครับ รักการวาดมากกว่า ตอนนี้จะพยายามหาเวลามาอ่านหนังสือบ้างครับ อ่อ ผมไม่ถือเลยครับพี่ ที่พี่ทายมา แหะๆ ตรงอย่างน่าใจหายครับ


ขอบคุณพี่ครับที่มีอะไรดีๆมาให้อ่านกัน

 

โดย: พ่อน้องโจ 28 มกราคม 2549 16:06:43 น.  

 

สะท้อนให้มองเห็นตัวเราเอง แบบนามธรรม...

เป็นอีกปรัชญาของกระจกที่พึ่งได้รับรู้วันนี้เองครับ....

ขอบคุณคุณพ่อมากครับ....

ปล.. คนข้างบนอ่ะ.... คุณพ่อ(น้องโจ) ชิโนโปรฯ นี่เด็กภูเก็ตแน่เลย...

 

โดย: namit 28 มกราคม 2549 22:28:16 น.  

 

"ปีกหัก" เป็นเรื่องสั้นที่เขียนจากเรื่องจริง (ส่วนหนึ่ง)
เขียนไว้เป็นความทรงจำ ในยามที่คิดถึงใครๆ แต่ละคน

เพราะในชีวิตคนเราร พบเจอผู้คนมากมายเพียงพอ
ที่จะ "เก็บไว้เป็นคนในความทรงจำ" อยู่บ้าง
แล้วไอ้นิสัย "ขี้ลืม" ของเราเนี่ย, เลยทำให้เราต้องเขียนไง...

จะได้ไม่ลืมใครไป จากใจ ^_^

(ฟังดูดีมะ...ฮ่ะๆๆๆๆ )

สุขขีปีใหม่ ร่ำร่วยเงินทอง ตลอดปีตลอดชาติ นะคะ ^_^

 

โดย: ดาริกามณี 29 มกราคม 2549 8:53:03 น.  

 

สุขสันต์วันตรุษจีนครับ

ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้

 

โดย: **mp5** 29 มกราคม 2549 9:14:38 น.  

 

สวัสดีวันเที่ยวค่ะ

**

ถ้ากระจก "ส่องใจ" ได้ก็ดีซีคะ

 

โดย: ปาลินารี 29 มกราคม 2549 17:57:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.