|
กระจกส่องใจ
ผมได้รู้จักกับครอบครัวของคุณสุรสิทธิ์และคุณอนงค์ทิพย์ แย้มฉาย ด้วยลักษณะที่ค่อนข้างแปลกแตกต่างไปจากการได้รู้จักเพื่อนฝูงและมิตรสหายคนอื่นๆ
คือวันหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์จากคุณอนงค์ทิพย์แนะนำตัวเองโดยไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามว่าชื่ออะไร เธอบอกว่าได้อ่านเรื่อง เสียงดุเหว่าที่วัดหนองยายดา ที่ผมเขียนลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง เธอได้ไปเที่ยวชมวัดแห่งนั้นมาและมีความประสงค์ที่จะทอดผ้าป่าทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ จึงโทรศัพท์มาบอกผมขอให้ร่วมอนุโมทนาด้วย ในเวลาต่อมาผมกับครอบครัวของเธอก็ได้พบกัน คุณอนงค์ทิพย์ แย้มฉาย เธออายุ 49 ปี เธอมีอาชีพรับราชการครู ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนนิเวศวุฒาราม จังหวัดนครสวรรค์
แล้วในคืนวันหนึ่งผมก็ได้มีโอกาสมาพักที่บ้านหลังงามของเธอที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ณ บ้านหนองกรด ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ อาณาบริเวณบ้าน 150 ตารางวาเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ที่มากและโดดเด่นเป็นพิเศษก็คือต้นลีลาวดีหลากสี รุ่งเช้าวันนั้น...ขณะที่ผมเดินผ่านห้องแต่งตัวของเธอ ผมเหลือบมองเห็นกระจกเงาเก่าบานนี้เข้า และเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างเรียกให้ผมหยุดอยู่ตรงนั้น !
กระจกเงาขนาด กว้าง 55 ซม. ยาว 120 ซม. กรอบไม้สักเก่าแน่นหนาแข็งแรงทาชแล็คเป็นมันวาว บางแห่งมีรอยปรอทหลุดร่อน รอยตำหนินั้นมองผิวเผินก็สวยเหมือนรูปดอกไม้ บ่งบอกถึงความชราภาพของเนื้อกระจก แล้วเรื่องความเป็นมาของกระจกก็พรั่งพรูออกมาจากปากของผู้เป็นเจ้าของ กระจกบานนี้มีอายุประมาณเกือบร้อยปีและอยู่กับเธอมาราวๆยี่สิบห้าปีแล้ว เธอได้กระจกบานนี้มาจากคุณป้าของสามีซึ่งให้เป็นของขวัญเนื่องในวันแต่งงาน ตอนนั้นเธอเพิ่งแยกครอบครัวออกมาเช่าบ้านไม้สองชั้นอยู่กันตามลำพัง
พอแยกบ้านมาใหม่ๆก็ยังไม่มีกระจกใช้ เมื่อได้กระจกมาก็ตรงกับความต้องการของเธอพอดี ที่ถูกใจเป็นพิเศษก็เพราะเป็นของเก่าแก่และเป็นของที่คุณป้าได้รับมาจากคุณพ่อคุณแม่อีกทอดหนึ่ง เธอมีความรู้สึกว่ากระจกบานนี้เป็นของคู่ตัว เพราะเธอเป็นคนชอบกระจกอยู่แล้ว ทุกห้องในบ้านจะต้องมีกระจก ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำหรือห้องนอน แต่กระจกบานนี้ติดตั้งไว้ที่ผนังห้องแต่งตัว เป็นเหมือนเพื่อนคอยส่องสะท้อนภาพให้เห็นตัวเองอยู่ตลอดเวลา คราใดที่เธอเดินผ่านจะต้องมองกระจกอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่มองว่าสวยหรือไม่สวย แต่มีความรู้สึกว่าจะต้องมอง เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อกระจกบานนี้ เธอพูดได้อย่างน่าคิดและน่าฟังว่า
กระจกเป็นสิ่งบอบบางแต่ก็ช่วยสะท้อนให้เห็นตัวเรา ทั้งดีและไม่ดี ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม ทางรูปธรรมก็คือเราดูว่าเรามีจุดบกพร่องในเรื่องหน้าตาอย่างไร คิ้วไม่เท่ากันหรือเปล่า จะเสริมแต่งอย่างไรให้มันดี เสื้อผ้าเรียบร้อยหรือไม่ ส่วนทางนามธรรมนั้นก็คือการสะท้อนให้มองเห็นตัวเราเอง คนอื่นเขาคงไม่กล้าบอกเรา ตัวเราเองบอกตัวเราเองได้ กระจกที่ดีก็จะต้องบอกความจริงกับเรา กระจกที่ดีก็คือเพื่อนที่ดี เพราะฉะนั้นเพื่อนที่ดีก็ต้องทำตัวเสมือนกระจกคือสะท้อนความจริงของตัวเราออกมา นอกจากเอาไว้พิจารณาตัวเองแล้วยังเป็นที่ระลึกถึงคุณป้าด้วย
ตอนที่ได้กระจกบานนี้มาใหม่ๆทั้งสองคนมีรายได้รวมกันแล้วเพียงหกพันกว่าบาทเท่านั้น ปัจจุบันมีรายได้มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า ฐานะครอบครัวเปลี่ยนไปแล้ว ขณะที่เธอมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณค่าของกระจกก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เธอมีความรู้สึกว่ามีกระจกเป็นเพื่อนเดินทางเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้เธอไม่หลงลืมตัวว่าเคยลำบากมาอย่างไร เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้มีวันนี้ได้ก็เนื่องมาจากการรู้จักประหยัดและเก็บออม สำหรับคุณอนงค์ทิพย์แล้ว
ทุกๆครั้งก่อนจะออกจากบ้านเธอจะต้องมองกระจกก่อน เพื่อสำรวจความเรียบร้อยและทำให้เกิดความเชื่อมั่นเมื่อออกไปพบปะกับผู้คนนอกบ้าน จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้วที่กระจกบานนี้เป็นของใช้คู่กายคู่ใจของเธอมาตลอด บางครั้งเมื่อเธอส่องกระจกพิจารณาตัวเอง ทำให้เธอนึกถึงบางประโยคของ โรส นางเอกหนังเรื่อง ไททานิค ที่หยิบกระจกขึ้นมาแล้วพูดว่า กระจกนั้นยังคงรักษาสภาพคงเดิมไว้ แต่คนในกระจกนั้นเปลี่ยนไป เธอยอมรับว่าตัวเธอเองก็หนีไม่พ้นกฎเกณฑ์ความจริงข้อนี้ไปได้ เมื่อมองอย่างผิวเผินดูเหมือนว่ากระจกเป็นของใช้สามัญประจำบ้านอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้ารู้จักเปลี่ยนมุมมองให้ดี ก็อาจเห็นเป็นปรัชญาในกระจกเงาได้
เมื่อพูดถึงเรื่องกระจกทำให้ผมนึกถึงรายการสารคดีมีคุณภาพที่ยืนยงมาถึง 21 ปี คือรายการ กระจกหกด้าน ของอาจารย์สุชาดี มณีวงศ์ เพลงเปิดรายการคุ้นหูที่เป็นเอกลักษณ์ของเฉพาะ ของนุภาพ สวันตรัจ กับตัวหนังสือที่เป็นคำสอนของ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ว่า
คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง
เป็นคำเตือนให้ทุกคนรู้จักสำรวจตัวเองให้รอบรอบด้าน ไม่ใช่มองแต่ด้าน หน้าเพียงด้านเดียว เพื่อชี้ให้เห็นความจริงของชีวิตที่ว่าควรปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อบุคคลรอบข้างอย่างไรด้วย
เวลาที่คุณยืนมองสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา คุณเคยคิดแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ ?
------------------------------
Create Date : 28 มกราคม 2549 |
|
15 comments |
Last Update : 28 มกราคม 2549 0:21:57 น. |
Counter : 746 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: jaa_aey 28 มกราคม 2549 6:47:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: filmgus 28 มกราคม 2549 9:20:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 28 มกราคม 2549 9:21:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: filmgus 28 มกราคม 2549 10:21:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 28 มกราคม 2549 12:33:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: สเลเต 28 มกราคม 2549 15:10:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: namit 28 มกราคม 2549 22:28:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 29 มกราคม 2549 9:14:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปาลินารี 29 มกราคม 2549 17:57:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|