|
โต๊ะทำทองโต๊ะทำเพลง
หากใครเคยอ่านนิยายเรื่อง พันธุ์หมาบ้า ของชาติ กอบจิตติก็ต้องรู้จักตัวละครเอกในเรื่องที่ชื่อ ทัย เขาชอบเล่นกีต้าร์และร้องเพลง และถ้าหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนิยายเรื่อง พันธุ์หมาบ้า แล้ว ก็ต้องรู้ลึกยิ่งไปกว่านั้นว่าตัวละครที่ชื่อ ทัยนั้น ชาติ กอบจิตติ ได้สร้างขึ้นจากส่วนผสมชีวิตของ อารักษ์ อาภากาศ ได้อย่างกลมกลืน จนผู้อ่านเข้าใจว่าทัย คือ อารักษ์ ความจริงคือไม่ได้ถอดแบบมาทั้งหมด
ผมกับอารักษ์รู้จักกันครั้งแรกเมื่อราวๆปี พ.ศ.2525 ตอนนั้นเรายังอยู่ในวัยหนุ่มคึกคะนอง เราพบกันที่เกาะเสม็ด ต่างฝ่ายต่างก็หลงรักทะเลและความเงียบสงบเหมือนกัน ถึงขั้นเคยคลุกคลีตีโมงกันอยู่ที่เสม็ดกันครั้งละนานๆ แต่ผมกับเขาก็เป็นเพียงนักแสวงหาผู้โง่เขลาที่จมปลักอยู่ในความเมามายทั้งน้ำและควันจากพืชพันธุ์อันสูบได้ ในช่วงระหว่างทางของชีวิตผมกับเขาต่างก็แยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของตน มาพบกันอีกครั้งก็ต่อเมื่อต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว และบังเอิญอย่างยิ่งว่าปัจจุบันนี้บ้านของผมกับเขาอยู่ไม่ห่างไกลกันนัก อย่างน้อยก็ยังอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีเหมือนกัน หลายปีที่ผ่านมาเขามีสถานภาพเป็นนักร้องที่มีแฟนเพลงเหนียวแน่นอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่ทว่าเป็นจำนวนไม่มากนัก เทปเพลงชุดแรกจากใต้ดินยกระดับขึ้นสู่บนดินได้สร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างมากคือชุด คนเดินดิน ถึงกับได้รับรางวัลสีสันอวอร์ดเมื่อหลายปีมาแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเขากับกีตาร์เป็นเงาของกันและกันตลอดมา ที่พักของเขาอยู่บนชั้นห้าของอพาร์ตเม้นท์ชานเมือง มีมุมที่มองเห็นธรรมชาติของสวนร่มรื่นสดชื่นสบายตา ภรรยาของเขาขายเครื่องประดับจำพวกเงินตามตลาดนัด ส่วนเขาไม่อาจทำงานอย่างอื่นได้นอกจากเขียนเพลงและร้องเพลง เวลาที่เขาเขียนเพลงก็จะนั่งลงเขียนที่โต๊ะตัวนี้
เกิดมาก็เห็นโต๊ะตัวนี้เลย เตี่ยเป็นช่างทองมีร้านทองเล็กๆ อยู่ย่านบางขุนพรหม นี่เป็นโต๊ะทำทองของเตี่ย เตี่ยเลี้ยงครอบครัวจากรายได้ที่ทำงานบนโต๊ะตัวนี้ โต๊ะนี่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือทำมาหากิน มีโต๊ะ ตะไบ ปั๊มลมแบบใช้เท้าถีบพ่นไฟ ค้อน เลื่อยเล็กๆ คีม กรรไกร สว่านทำทอง เครื่องมือไม่เป็นที่นิยมขอยืมกัน ใช้ของใครของมัน โต๊ะทำด้วยไม้จริง ไม้เต็ง หรือไม่ก็ไม้แดง ต้องเป็นไม้เนื้อแข็งและหนัก เพราะทำทองจะต้องตอกต้องเคาะจะได้ไม่เสียหายง่ายไม่โยกเยกสั่นคลอนง่าย
เดิมทีเตี่ยเขาทำทองอยู่ในแพที่บ้านแพรก จังหวัดอยุธยา ก่อนที่จะมาเปิดร้านทำทองอยู่ที่บางขุนพรหม เลี้ยงลูกๆมาด้วยอาชีพช่างทอง โต๊ะตัวนี้เตี่ยเขาใช้มาตั้งแต่ตอนอยู่ที่เรือนแพแล้วหลังจากเตี่ยเลิกใช้ก็ไม่มีใครใช้อีก เขาจึงเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว โต๊ะตัวนี้น่าจะมีอายุได้เกือบแปดสิบปี แต่มาอยู่กับเขาราวยี่สิบห้าปีแล้ว โต๊ะตัวนี้ติดตามเขาไปหลายแห่ง จากบางขุนพรหมไปอยู่ลาดพร้าว จากลาดพร้าวย้ายไปอยู่พัทยา ตอนที่ไปอยู่ภูเก็ตก็ฝากญาติไว้ที่บางลำพู ไปอยู่ระยองก็เอาไปด้วย จนกระทั่งมาถึงวันนี้นี้ย้ายจากระยองมาอยู่แถวรัตนาธิเบศร์ ครั้งแรกที่ผมขนโต๊ะออกจากร้าน ไม่ได้คิดเรื่องเอาไปใช้งาน เพราะเห็นโต๊ะตัวนี้มาตั้งแต่เด็ก เตี่ยนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะนี้ โต๊ะก็ดี ตู้ทอง เตียงเก่าๆก็ดี ผมว่าเป็นความรู้สึกปกตินะ ที่ใครเห็นอะไรมาตั้งแต่เด็กๆ ก็อาจจะรู้สึกผูกพันกับสิ่งนั้นได้ พอมีครอบครัวก็ขนโต๊ะตัวนี้มาด้วย โต๊ะนี้ใช้เขียนเพลงด้วย เคยพูดเล่นๆสวยๆว่า โต๊ะตัวนี้เตี่ยใช้สำหรับทำเครื่องประดับ..เพื่อเป็นเครื่อง ประดับร่างกาย พอมาถึงเราเป็นการบังเอิญโดยปริยายว่า โต๊ะตัวนี้เราใช้สำหรับเขียนเพลงทำเพลง...เพื่อเป็นเครื่องประดับอารมณ์ อาจพูดได้ว่าโต๊ะตัวนี้ใช้เป็นที่เขียนเพลงทุกเพลงของเขา เพราะการเขียนเพลงไม่ใช่ เขียนครั้งเดียวเสร็จ ต้องแก้แล้วแก้อีก ไปเขียนเพลงได้ที่ไหนก็ต้องกลับมาบ้านมาแก้ไขขัดเกลาที่โต๊ะตัวนี้ คือส่วนตัวผมชอบคิดไปเองเวลาผมนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ จะทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีตมากมาย นึกถึงเตี่ยที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ นั่งผ่อนคลายสูบบุหรี่ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ ชีวิตในวัยเด็กจะเห็นภาพของเตี่ยคู่กับโต๊ะตัวนี้อยู่เกือบตลอดเวลา เห็นเตี่ยก็เห็นโต๊ะ เห็นโต๊ะก็เห็นเตี่ย เมื่อเห็นร่องรอยต่างๆที่ขอบโต๊ะ จะทำให้นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมามากมาย วิธีที่เตี่ยทำแหวน เวลาตะไบ ต้องเลื่อยกรอบพระ ก็จะผูกพันกับร่องรอยพวกนี้ งานที่เตี่ยทำขึ้นมาด้วยแรงความคิดและกำลัง ผมก็จะผูกพันกับโต๊ะตัวนี้ เวลาที่ผมเขียนเพลงผมเห็นร่องรอยพวกนี้ไปด้วย ผมรู้สึกว่ามันเป็นส่วนที่ผมภาคภูมิใจที่เตี่ยผมเป็นช่างศิลปะ เป็นช่างศิลปะทำทอง เวลาผมนั่งทำเพลงผมรู้สึกว่าศิลปะการเขียนเพลงของผมได้ถูกถ่ายทอดและแปรสภาพมาจากพลังอันนั้น
เพลง แม่นางลูกชาวนา เขาก็เขียนที่โต๊ะตัวนี้ เป็นเรื่องของเตี่ยกับแม่
นางเพียงลูกชาวนา ชะตาชีวิตดิ้นรน นางจำจากบ้านไป ให้ไกลจากภัยบ้านเกิด มาอาศัยเมืองไทย เมืองไทยนางไม่เคยชิน บางทีนางเล่าความหลัง ความหลังที่แม่นางฝันใฝ่ เขามาอยู่เมืองไทยเหมือนกัน แซ่จีนเขาต้องลำบาก เขาคนไม่เคยแบ่งชนชั้น แต่งงานกับแม่นางลูกชาวนา เก็บจนพอสร้างแพ ทั้งแข็งแรงเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ให้นางเย็บปักถักร้อย ตีแหวนพลอยให้นางสวมใส่ อยู่ริมน้ำข้างแพสงบง่าย สร้างไว้แทนเรือนกาย ไว้เตือนใจให้แม่นางลูกชาวนา
เนื้อเพลงท่อนที่ว่า ตีแหวนพลอยให้นางสวมใส่ แหวนที่พูดถึงในเพลงก็ทำบนโต๊ะตัวนี้ และเพลงที่เขียนก็เขียนบนโต๊ะตัวนี้ ทั้งแหวนของเตี่ยและเพลงของเขาที่สร้างให้แม่ ต่างก็ใช้โต๊ะตัวนี้เป็นที่สร้างสรรค์ ทั้งสองสิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างไม่น่าเชื่อ จะต่างกันก็เพียงเรื่องของ เวลา เท่านั้น ---------------------
Create Date : 22 มกราคม 2549 |
|
7 comments |
Last Update : 22 มกราคม 2549 0:25:54 น. |
Counter : 959 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: jaa_aey 22 มกราคม 2549 0:25:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อหมา (พ่อน้องโจ ) 22 มกราคม 2549 7:14:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่เจี้ยวค่ะ IP: 70.105.215.143 22 มกราคม 2549 8:10:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: เเน็ต IP: 117.47.112.95 27 ตุลาคม 2550 15:19:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
อืม ผมเชื่อนะว่าสิ่งของบางอย่างแม้ไม่มีชีวิตก็สามารถพูดได้ ผ่านร่องรอยต่างๆของกาลเวลา คนที่ใช้สิ่งๆนั้นมาตลอดย่อมเกิดความผูกพันกันนะครับ
ผมเองก็เป็นครับพี่ อย่างรถที่บ้านผมเป็นรถเก่ามากๆ ใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อเลย พ่อผมขับรถคันนั้นไปส่งผมเรียนตอนอยู่ชั้นประถม ผมนั่งรถคันนี้ไปโรงพยาบาลตอนถูกหมากัด ผมพาหมาของผมที่กำลังจะตายไปหาหมอก็รถคันนี้...ทุกวันนี้รถคันนี้เก่ามาก ผมเอาไปทำสีใหม่ ชุบชีวิตใหม่ให้กับรถ ทุกครั้งที่ล้างรถ ผมก็จะคุยกับรถนะครับ(อาการหนัก)ไม่ได้คุยกับปากนะครับ แต่ด้วยการสัมผัสเค้า ขัดถูเค้า รู้สึกเหมือนเค้าเป็นสมาชิกคนนึงของครอบครัวน่ะครับ
ขอบคุณพี่ที่มีเรื่องดีๆมาให้อ่านนะครับ