จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
เปลือกหอยกับบาดแผล



ตอนที่ผมเป็นหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี (ราวปี 2525) ผมได้ผ่านชีวิตการทำนิตยสารอยู่ในเมืองหลวงมาแล้วสองสามปี ช่วงนั้นผมเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายเมืองหลวงเป็นกำลัง ประกอบกับอกหักในเรื่องความรักอย่างแรง ผมจึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้มุ่งหน้าสู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ทันที ด้วยความคิดเพียงว่าอยากจะไปอยู่กับทะเลดีกว่า

ผมได้อยู่เกาะเสม็ดสมใจปรารถนา ตอนนั้นเกาะเสม็ดยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างบริสุทธิ์ เป็นยุคที่อุทยานแห่งชาติกำลังคืบคลานขึ้นมาอยู่บนเกาะ และนับว่าเป็นช่วงที่ผมมีโอกาสได้เห็นเกาะเสม็ดเปลี่ยนแปลงต่อหน้าต่อตา

ช่วงแรกผมขออาศัยอยู่ที่บังกะโลว์ของลุงหวังและป้าเบียนเจ้าของตำนานแห่งอ่าวทานตะวัน ด้วยการช่วยทำงานพาแขกเข้าพักที่บังกะโลว์และยกข้าวของขึ้น-ลงเรือบ้าง โดยมีอาหารและที่พักเป็นข้อแลก เปลี่ยน แต่ไม่มีเงินเดือน

ผมอยู่กับลุงหวังได้ประมาณหนึ่งเดือนผมจึงย้ายไปอยู่หาดอื่น เพราะบังเอิญเจอชาวบ้านที่คุยถูกคอกันแบ่งที่ขายให้พร้อมกับแถมกระต๊อบให้หนึ่งหลัง ผมซื้อที่โดยวิธีกำหนดแนวเขตด้วยการชี้โขดหินและต้นมะพร้าว ไม่มีโฉนด ไม่มีสัญญา ซื้อ-ขายกันปากเปล่า จากนั้นผมก็ย้ายมาอยู่ในกระต๊อบที่เขาสร้างไว้

ชีวิตประจำวันไม่มีการงานอะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ทำท่าว่าจะนั่งเขียนหนังสือทั้งที่เตรียมพิมพ์ดีดและกระดาษไปเพียบพร้อม แต่ทว่าก็ไม่ได้เขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราวอะไร นอกจากเขียนบันทึกและเที่ยวเตร่เมามายไปวันๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะผ่านวันคืนเหล่านั้นมาได้ เพราะในชีวิตประจำวันไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นรายได้เลย ถึงกระนั้นผมยังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานถึงครึ่งปี

ผมกลับเข้าเมืองอีกครั้งด้วยสภาพชายหนุ่มผมยาว นุ่งกางเกงตังเก เมื่อดูบุคลิกท่าทางและเพื่อนฝูงที่ผมคบหาเป็นกลุ่มแล้ว ใครเห็นเข้าก็คงคิดว่าผมเป็นศิลปินเขียนรูปหรือไม่ก็ทำงานศิลปะอะไรสักอย่าง แต่เปล่าเลย…ผมเป็นเพียงคนพเนจรคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ งานเขียนหนังสือก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะเขียนแนวไหนก็ตาม

จนกระทั่งวันหนึ่งในเวลาต่อมาผมจึงได้เขียนนิยายโรแมนติคเรื่อง “ในอ้อมกอดของเกลียวคลื่น” และบทกวีรวมเล่มๆหนึ่งชื่อปกว่า “เปลือกหอยกับบาดแผล” ซึ่งหนังสือทั้งสองเล่มนี้ก็ไม่ได้ดีเด่นหรือประสบความสำเร็จอะไรนัก แต่สำหรับผมแล้วมันคือที่ระลึกแห่งชีวิตที่ได้มาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งบนเกาะเสม็ด

ระหว่างที่ผมอยู่บนเกาะเสม็ด ผมได้รู้จักนักท่องเที่ยวและเพื่อนฝูงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไปจำนวนมากมายเหมือนสายลมจร แต่ชาวประมงอย่างน้าอยู่กลับอยู่ในความทรงจำของผม น้าอยู่ตัวดำผมหยิก ฟันเหยิน แต่มีน้ำใจ เป็นชาวประมงเรือเล็กอยู่อีกหาดหนึ่งซึ่งสนิทสนมกับเจ้าของหาดที่แบ่งขายที่ให้กับผม คนอยู่เกาะชอบของเมาเหมือนถูกสาป ไม่ว่าจะเป็นเหล้าหรือกัญชาเป็นสิ่งที่สร้างความสุขความเพลิดเพลินให้กับพวกเราเสมอ

หาดที่ผมอยู่เป็นหาดเล็กๆ (อยู่ติดกับอ่าวแสงเทียนในปัจจุบัน) ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาพัก บางวันน้าอยู่จะเอาเรือประมงเล็กมาจอดที่ชายหาดแล้วก่อไฟตั้งวงเหล้า-กัญชาตามแต่จะหาได้ ถ้าคืนไหนที่น้าอยู่มาก่อกองไฟที่ชายหาด มั่นใจได้เลยว่ามื้อเช้าวันนั้นของผมจะต้องมีปูปลากินอย่างอิ่มหนำสำราญแน่

เพราะก่อนที่น้าอยู่จะเอาปลาไปขายตามร้านอาหาร ก็จะแบ่งส่วนหนึ่งมาทำกินกันที่นี่ โดยผมมีหน้าที่หลักคือหุงข้าวรอ เวลามีสัตว์ทะเลหอยปูแปลกๆติดแหติดอวนมา ผมมักแกะแล้วเอาไปตากแดดนำมาเก็บไว้ที่กระท่อม ผมยังเคยเก็บเปลือกหอยเล็กๆมาร้อยสร้อยไว้ใส่เอง จนน้าอยู่คงจะดูออกว่าผมชอบเก็บและสะสมเปลือกหอย

วันหนึ่งน้าอยู่เอาเปลือกหอยลายเสือซึ่งมีขนาดเท่ากันสองตัวมาให้ผม ผมลืมถามไปว่าหอยชนิดนี้เรียกว่าหอยอะไร ไม่ว่าผมจะย้ายไปอยู่ที่ไหนผมก็นำมันไปด้วย แต่ตอนนี้เปลือกหอยนี้เหลือเพียงตัวเดียวเท่านั้น เพราะอีกตัวหนึ่งนั้นผมได้มอบให้ดอริส ไฮน์ หญิงสาวผมสีทองชาวเยอรมันที่ผมมีโอกาสได้พบกับเธอที่เกาะภูเก็ต และผมได้พาเธอไปเที่ยวที่เกาะเสม็ดในเวลาต่อมา

ดอริส ไฮน์ ทำงานสายการบินมีชื่อแห่งหนึ่ง ในวัยหนุ่มที่แสวงหาอย่างเคว้งคว้างนั้น ผมคิดว่าผมรักเธอ เธอพยายามจะให้ผมไปเรียนภาษาเพิ่มเติมแล้วเดินทางไปอยู่กับเธอที่เยอรมัน

แต่ความเป็นจริงของชีวิตเราอยู่กันในเมืองไทยแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดือนที่เกาะเสม็ด เรื่องภาษาและระยะทางนับเป็นอุปสรรคเล็กๆอย่างหนึ่งสำหรับความรักระหว่างเรา บางเรื่องเมื่อหวนนึกถึงทีไรแล้วทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้

มีอยู่คืนหนึ่งเรานั่งดื่มเบียร์กันที่ร้านริมทะเล เสียงคลื่นกระทบหาดดังโครมครืนไม่ขาดระยะ บรรยากาศในการดื่มกินแสนจะโรแมนติค เธอขอตัวกลับเข้าที่พักก่อนเพราะรู้สึกมึนๆแล้ว ผมกำลังติดลมเพราะบังเอิญเจอเพื่อนนักเขียนซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เราดื่มเบียร์สนทนากันจนดึกดื่น เมื่อผมกลับถึงที่พักเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เข้า เรามีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ผมเถียงกับเธอว่า “ไหนเธอบอกให้ผมดื่มได้ไง” เธอตอบว่า “ให้ดื่ม แต่ไม่ได้ให้เมานี่”

กว่าจะทำความเข้าใจกันได้ผมถึงกับเมื่อยหน้าเมื่อยมือ เพราะภาษาอังกฤษของผมนั้นต้องใช้หน้าใช้ตาใช้มือเป็นภาษาใบ้ประกอบด้วยจึงจะเข้าใจดียิ่งขึ้น

จนกระทั่งเมื่อเธอกลับไปเยอรมัน เธอก็ยังโทรศัพท์ติดต่อมาบ้าง สมัยนั้นค่าโทรศัพท์ทางไกลยังแพงไม่ราคาถูกเหมือนทุกวันนี้ ผมจำได้ว่าในตอนนั้นค่าเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งยังไม่พอสำหรับจ่ายค่าโทรศัพท์ทางไกลเพื่อพูดคุยกับเธอ

วันวาเลนไทน์ปีนั้นผมไม่มีของขวัญอะไรจะมอบให้เธอ ผมจึงส่งเปลือกหอยที่มีลักษณะเหมือนตัวนี้เดินทางข้ามทวีปไปให้เธอเพื่อเป็นของขวัญแห่งความรัก ส่วนอีกตัวหนึ่งก็อยู่กับผมตลอดมา

ในที่สุดความห่างไกลและความเหมาะสมหลายๆอย่างก็ค่อยๆแยกความสัมพันธ์ของเราทั้งสองออกจากกันอย่างถาวร เปลือกหอยตัวนี้ถูกเก็บไว้รวมกับเปลือกหอยตัวอื่นๆ แต่ผมยังระลึกเสมอว่าใครเป็นคนให้ผมมาและอีกตัวหนึ่งผมได้ให้ใครไป

เปลือกหอยอาจจะเป็นตัวแทนสิ่งที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล แต่สำหรับคนเรานั้นเปลือกกายไม่สำคัญเท่ากับแก่นแท้ของจิตใจเลย เมื่อตายลงไปร่างก็กลับกลายเป็นเถ้าธุลี เหลือเพียงแต่ชั่ว-ดีเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้บนโลกนี้...

……………………………………



Create Date : 20 มกราคม 2549
Last Update : 20 มกราคม 2549 20:20:20 น. 8 comments
Counter : 745 Pageviews.

 



ประทับใจมากๆ ค่ะ


เพิ่งทราบว่าคุณคือคนเดียวกับคุณโดม วุฒิชัย

ยินดีที่ได้รู้จัก (อีกครั้ง) นะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:21:37:51 น.  

 
ผมไม่ค่อยได้หาซื้อหนังสือมาอ่านนานมากแล้ว สมัยก่อนนู้นจะต้องไปสนามหลวงบ้างสวนจตุจักรบ้างหาหนังสืออ่าน(หนังสือเก่า เพราะไม่ค่อยมีเงิน)หลายครั้งที่ไปยืนอ่านตามร้านจนเจ้าของเขามองหน้าต้องขออภัยนักเขียนหลายๆท่านที่ผมไม่ได้ซื้อ เด็กจนๆกับหนังสือใหม่ๆเล่มหนึ่งเป็นเรื่องยากครับ ยังดีที่ตอนนี้ใช้อินเตอร์เน็ตก็พอจะท่องไปอ่านนั่นนี่ได้บ้าง ถ้ามีโอกาสจะหามาอ่านครับ
1 คลื่นเมฆบนผิวน้ำ (รวมเรื่องสั้น ตีพิมพ์ราวพ.ศ. 2524-2525)
2 ที่วิทยาลัยลูกผู้ชาย(เรื่องเกี่ยวกับชีวิตทหารเกณฑ์)
3 เปลือกหอยกับบาดแผล (รวมบทกวีเล่มบางๆ ทั้งที่พิมพ์ครั้งแรกและพิมพ์ครั้งที่2)
4 เพลงฝนบนใบไม้ (ความเรียง ทั้งที่พิมพ์ครั้งแรกและพิมพ์ครั้งที่2)
5 เรียวหนวดกับขวดนม
6 พ่อเล่าให้ฟัง (คือการพิมพ์ครั้งที่2ของเรียวหนวดกับขวดนมแต่ทางสำนักพิมพ์เปลี่ยนชื่อเล่มใหม่)
7 วันที่ฝนฉ่ำฟ้า (รวมเรื่องสั้น )
เก็บได้ครบหรือยังครับ เอ..5ปีแล้วนี่ ผมควรถามว่า ยังอยู่ครบไหมครับ แล้วถ้ามีเวลาไปเดินหาหนังสือเก่าๆอีกเจอแล้วจะเก็บมาเผื่อครับ


โดย: gutofmadness วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:21:45:12 น.  

 
ไม่นึกฝันว่าจะมีเรื่องประทับใจได้คบหาสาวฝรั่งบนเกาะเสม็ด ตอนนี้ทั้งเกาะคงแปลงโฉมไปหมดแล้ว ได้กลับไปอีกหรือเปล่าหลังจากออกมาแล้ว

พี่โดมคงสุขภาพฟั้นตัวเต็มที่แล้ว





โดย: ๋๋่j IP: 203.113.35.12 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:0:23:33 น.  

 

สวัสดีครับคุณสาวไกด์ใจซื่อ


ก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบังอะไรหรอกครับ
แต่ก็ไม่ถึงกับอยากให้ใครๆต้องรู้
เพียงแต่ชื่อที่เขียนบล็อกนั้นเริ่มต้น
จากเขียนจดหมายถึงลูก (แม้ตัวห่างไกลแต่ใจไม่ห่างเลย)

ส่วนระยะหลังๆบางทีก็นำเรื่องที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารแล้ว
มาไว้ในบล็อก ก็กลัวว่าผู้อ่านสับสน ก็เลยโปรยหัวว่า "เป็นเรื่องบ้าง ไม่เป็นเรื่องบ้าง เรื่องของโดม"
เพราะในบล็อกนี่ถ้าไม่เขียนสดก็จะเก็บของที่ผ่านการตีพิมพ์แล้ว ส่วนเรื่องที่จะตีพิมพ์ในหนังสือนั้นต้องเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยได้อ่านที่ไหนมาก่อน

เพราะไม่อยากให้ผู้อ่านเสียเงินซื้อหนังสือเสียความรู้สึกว่าเรื่องไม่ "ซิง" แต่ส่วนเขียนบล็อกนี่ผมถือว่าเป็นที่สำหรับอยากเขียนอะไรก็เขียนไปตามใจชอบ ได้พูดคุยกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ได้รู้จักชื่อที่ไม่เหมือนในบัตรประชาชน แต่ความจริงใจของผมนั้นเหมือนกันทุกที่ ไม่ว่าจะใช้ชื่อไหน เพราะไม่จำเป็นต้องเสแสร้งหรือแกล้งเป็นคนอื่น

ยินดีมากครับที่ได้รู้จักนักอ่านอย่างคุณ



คุณgutofmadness

ชื่อคุณเรียกยากจัง
แปลว่าอะไรบอกได้ไหมครับ

โอ้โฮ... คุณไปเอารายชื่อหนังสือของผมมาจากไหนครับเนี่ยะ

หนังสือที่คุณเอ่ยมานี้ยังไม่ได้ตรวจดูอีกทีว่ายังครบอยู่หรือเปล่า

แต่เชื่อไหมว่าเรื่อง "คาบโลกย์คาบธรรม" ซึ่งเป็นหนังสือที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจกับเล่มนี้ เพราะได้รางวัลที่ 3 เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งแรก(ประเภทปรัชญาและศาสนา) ผมยังไม่มีเก็บเลยครับ เพราะแจกเขาหมด

และกำลังลุ้นว่าจะได้พิมพ์ซ้ำหรือเปล่า เพราะพิมพ์ครั้งแรกไปนานเต็มทีแล้ว



สวัสดีคุณ J


เมื่อวานแม่น้องนิกขอเบอร์โทรศัพท์ไป
ผมถือวิสาสะให้ไปแล้วนะครับ
หวังว่าคงโทรไปคุยกันแล้ว

สุขภาพเกือบดีแล้ว


โดย: พ่อพเยีย IP: 58.10.234.81 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:8:07:08 น.  

 
เมื่อสามสี่วันที่แล้ว สังเกตุเห็นลีลาวดีที่ดูเหมือนจะยืนตาย
มีใบอ่อนเเตกออกมา ใบเล็กๆค่อยๆใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีใจจัง
ตอนนี้กําลังลุ้นต้นใหญ่ที่ดูเหมือนตายอยู่อีกต้นหนึ่งค่ะ
จะรออ่าน "ริมรั้วหัวใจวาย" นะจ๊ะ


โดย: เล็บมือนาง IP: 61.19.156.202 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:12:26:24 น.  

 
ขอบคุณที่ไปอธิบายเรื่องชื่อนะครับ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ เลยมาอ่านที่นี่ต่อ


ผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือนะครับพี่ เพราะอ่านแล้วจะอินมาก ไม่ยอมวางและไม่เป็นอันทำอะไร เหมือนกับถูกหนังสือดูดเข้าไปเลย ผมจึงอ่านเรื่องสั้นๆเท่านครับ เพราะจะได้ไม่ต้องใช้เวลามาก เราะไม่ค่อยมีเวลามากมายเท่าใดนัก ยิ่งเรื่องที่ยาวๆเนี่ย ถ้าจะอ่าน ต้องเคลียร์คิวงานเลยครับ


กินใจมากๆครับ ผมชอบประโยคสุดท้ายจริงๆ....ใช่เลยครับ เห็นด้วยสุดๆ


โดย: พ่อหมา (พ่อน้องโจ ) วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:15:48:47 น.  

 
"สายใยแห่งความบ้าคลั่ง" ผมแปลเอาตามใจ เป็นชื่ออัลบั้มของวงอะไรก็จำไม่ได้ครับ เห็นหน้าปกสวยประทับใจเป็นรูปทารกในครรภ์ซึ่งสายรกเป็นหนามห่อหุ้มรอบตัว ต้องขออภัยเจ้าของงานด้วยที่ไม่ได้ขออนุญาต และไม่ได้ให้เครดิตไว้ จำไม่ได้จริงๆอัลบั้มนี้เกือบสิบปีแล้ว อันที่จริงไม่เคยฟังด้วยครับ เห็นจากในนิตยสารก็ประทับใจเลยเก็บไว้ในใจพอนึกอะไรไม่ออกก็เลยใช้ชื่อนี้ตอนสมัครสมาชิกพันธ์ทิพ
ชื่อจริงๆของผม อิสรา ครับ
รักษาสุขภาพครับ


โดย: gutofmadness วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:17:23:17 น.  

 
ตอนเด็กๆ อ่านหนังสือและก็หมกตัวอยู่กับหน้ากระดาษ ไม่ค่อยจะไปวิ่งเล่นกับเพื่อนสักเท่าไร อ่านจนพอจะเดาความรู้สึกของคนเขียนผ่านทางตัวอักษรนั้นได้ มันก็ไม่ค่อยดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าใครเอ่ยปากอะไรขึ้นมาสักคำ ก็เหมือนจะรู้ว่าประโยคต่อๆ มาก็คงจะประมาณนี้ล่ะ

แต่หนังสือสำหรับผมแล้วเป็นบทเพลงสีหม่น เพราะมักเจือไปด้วยทำนองชีวิตที่ไม่ค่อยจะสมหวัง ...

ความรัก... บันไดปลายทางเป็นความพลัดพรากเสมอ...


โดย: hidden file วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:2:46:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.