|
เปลือกหอยกับบาดแผล
ตอนที่ผมเป็นหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี (ราวปี 2525) ผมได้ผ่านชีวิตการทำนิตยสารอยู่ในเมืองหลวงมาแล้วสองสามปี ช่วงนั้นผมเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายเมืองหลวงเป็นกำลัง ประกอบกับอกหักในเรื่องความรักอย่างแรง ผมจึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้มุ่งหน้าสู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ทันที ด้วยความคิดเพียงว่าอยากจะไปอยู่กับทะเลดีกว่า ผมได้อยู่เกาะเสม็ดสมใจปรารถนา ตอนนั้นเกาะเสม็ดยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างบริสุทธิ์ เป็นยุคที่อุทยานแห่งชาติกำลังคืบคลานขึ้นมาอยู่บนเกาะ และนับว่าเป็นช่วงที่ผมมีโอกาสได้เห็นเกาะเสม็ดเปลี่ยนแปลงต่อหน้าต่อตา ช่วงแรกผมขออาศัยอยู่ที่บังกะโลว์ของลุงหวังและป้าเบียนเจ้าของตำนานแห่งอ่าวทานตะวัน ด้วยการช่วยทำงานพาแขกเข้าพักที่บังกะโลว์และยกข้าวของขึ้น-ลงเรือบ้าง โดยมีอาหารและที่พักเป็นข้อแลก เปลี่ยน แต่ไม่มีเงินเดือน ผมอยู่กับลุงหวังได้ประมาณหนึ่งเดือนผมจึงย้ายไปอยู่หาดอื่น เพราะบังเอิญเจอชาวบ้านที่คุยถูกคอกันแบ่งที่ขายให้พร้อมกับแถมกระต๊อบให้หนึ่งหลัง ผมซื้อที่โดยวิธีกำหนดแนวเขตด้วยการชี้โขดหินและต้นมะพร้าว ไม่มีโฉนด ไม่มีสัญญา ซื้อ-ขายกันปากเปล่า จากนั้นผมก็ย้ายมาอยู่ในกระต๊อบที่เขาสร้างไว้ ชีวิตประจำวันไม่มีการงานอะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ทำท่าว่าจะนั่งเขียนหนังสือทั้งที่เตรียมพิมพ์ดีดและกระดาษไปเพียบพร้อม แต่ทว่าก็ไม่ได้เขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราวอะไร นอกจากเขียนบันทึกและเที่ยวเตร่เมามายไปวันๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะผ่านวันคืนเหล่านั้นมาได้ เพราะในชีวิตประจำวันไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นรายได้เลย ถึงกระนั้นผมยังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานถึงครึ่งปี ผมกลับเข้าเมืองอีกครั้งด้วยสภาพชายหนุ่มผมยาว นุ่งกางเกงตังเก เมื่อดูบุคลิกท่าทางและเพื่อนฝูงที่ผมคบหาเป็นกลุ่มแล้ว ใครเห็นเข้าก็คงคิดว่าผมเป็นศิลปินเขียนรูปหรือไม่ก็ทำงานศิลปะอะไรสักอย่าง แต่เปล่าเลย
ผมเป็นเพียงคนพเนจรคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ งานเขียนหนังสือก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะเขียนแนวไหนก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งในเวลาต่อมาผมจึงได้เขียนนิยายโรแมนติคเรื่อง ในอ้อมกอดของเกลียวคลื่น และบทกวีรวมเล่มๆหนึ่งชื่อปกว่า เปลือกหอยกับบาดแผล ซึ่งหนังสือทั้งสองเล่มนี้ก็ไม่ได้ดีเด่นหรือประสบความสำเร็จอะไรนัก แต่สำหรับผมแล้วมันคือที่ระลึกแห่งชีวิตที่ได้มาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งบนเกาะเสม็ด ระหว่างที่ผมอยู่บนเกาะเสม็ด ผมได้รู้จักนักท่องเที่ยวและเพื่อนฝูงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไปจำนวนมากมายเหมือนสายลมจร แต่ชาวประมงอย่างน้าอยู่กลับอยู่ในความทรงจำของผม น้าอยู่ตัวดำผมหยิก ฟันเหยิน แต่มีน้ำใจ เป็นชาวประมงเรือเล็กอยู่อีกหาดหนึ่งซึ่งสนิทสนมกับเจ้าของหาดที่แบ่งขายที่ให้กับผม คนอยู่เกาะชอบของเมาเหมือนถูกสาป ไม่ว่าจะเป็นเหล้าหรือกัญชาเป็นสิ่งที่สร้างความสุขความเพลิดเพลินให้กับพวกเราเสมอ หาดที่ผมอยู่เป็นหาดเล็กๆ (อยู่ติดกับอ่าวแสงเทียนในปัจจุบัน) ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาพัก บางวันน้าอยู่จะเอาเรือประมงเล็กมาจอดที่ชายหาดแล้วก่อไฟตั้งวงเหล้า-กัญชาตามแต่จะหาได้ ถ้าคืนไหนที่น้าอยู่มาก่อกองไฟที่ชายหาด มั่นใจได้เลยว่ามื้อเช้าวันนั้นของผมจะต้องมีปูปลากินอย่างอิ่มหนำสำราญแน่ เพราะก่อนที่น้าอยู่จะเอาปลาไปขายตามร้านอาหาร ก็จะแบ่งส่วนหนึ่งมาทำกินกันที่นี่ โดยผมมีหน้าที่หลักคือหุงข้าวรอ เวลามีสัตว์ทะเลหอยปูแปลกๆติดแหติดอวนมา ผมมักแกะแล้วเอาไปตากแดดนำมาเก็บไว้ที่กระท่อม ผมยังเคยเก็บเปลือกหอยเล็กๆมาร้อยสร้อยไว้ใส่เอง จนน้าอยู่คงจะดูออกว่าผมชอบเก็บและสะสมเปลือกหอย วันหนึ่งน้าอยู่เอาเปลือกหอยลายเสือซึ่งมีขนาดเท่ากันสองตัวมาให้ผม ผมลืมถามไปว่าหอยชนิดนี้เรียกว่าหอยอะไร ไม่ว่าผมจะย้ายไปอยู่ที่ไหนผมก็นำมันไปด้วย แต่ตอนนี้เปลือกหอยนี้เหลือเพียงตัวเดียวเท่านั้น เพราะอีกตัวหนึ่งนั้นผมได้มอบให้ดอริส ไฮน์ หญิงสาวผมสีทองชาวเยอรมันที่ผมมีโอกาสได้พบกับเธอที่เกาะภูเก็ต และผมได้พาเธอไปเที่ยวที่เกาะเสม็ดในเวลาต่อมา ดอริส ไฮน์ ทำงานสายการบินมีชื่อแห่งหนึ่ง ในวัยหนุ่มที่แสวงหาอย่างเคว้งคว้างนั้น ผมคิดว่าผมรักเธอ เธอพยายามจะให้ผมไปเรียนภาษาเพิ่มเติมแล้วเดินทางไปอยู่กับเธอที่เยอรมัน
แต่ความเป็นจริงของชีวิตเราอยู่กันในเมืองไทยแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดือนที่เกาะเสม็ด เรื่องภาษาและระยะทางนับเป็นอุปสรรคเล็กๆอย่างหนึ่งสำหรับความรักระหว่างเรา บางเรื่องเมื่อหวนนึกถึงทีไรแล้วทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้
มีอยู่คืนหนึ่งเรานั่งดื่มเบียร์กันที่ร้านริมทะเล เสียงคลื่นกระทบหาดดังโครมครืนไม่ขาดระยะ บรรยากาศในการดื่มกินแสนจะโรแมนติค เธอขอตัวกลับเข้าที่พักก่อนเพราะรู้สึกมึนๆแล้ว ผมกำลังติดลมเพราะบังเอิญเจอเพื่อนนักเขียนซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เราดื่มเบียร์สนทนากันจนดึกดื่น เมื่อผมกลับถึงที่พักเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เข้า เรามีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ผมเถียงกับเธอว่า ไหนเธอบอกให้ผมดื่มได้ไง เธอตอบว่า ให้ดื่ม แต่ไม่ได้ให้เมานี่ กว่าจะทำความเข้าใจกันได้ผมถึงกับเมื่อยหน้าเมื่อยมือ เพราะภาษาอังกฤษของผมนั้นต้องใช้หน้าใช้ตาใช้มือเป็นภาษาใบ้ประกอบด้วยจึงจะเข้าใจดียิ่งขึ้น
จนกระทั่งเมื่อเธอกลับไปเยอรมัน เธอก็ยังโทรศัพท์ติดต่อมาบ้าง สมัยนั้นค่าโทรศัพท์ทางไกลยังแพงไม่ราคาถูกเหมือนทุกวันนี้ ผมจำได้ว่าในตอนนั้นค่าเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งยังไม่พอสำหรับจ่ายค่าโทรศัพท์ทางไกลเพื่อพูดคุยกับเธอ วันวาเลนไทน์ปีนั้นผมไม่มีของขวัญอะไรจะมอบให้เธอ ผมจึงส่งเปลือกหอยที่มีลักษณะเหมือนตัวนี้เดินทางข้ามทวีปไปให้เธอเพื่อเป็นของขวัญแห่งความรัก ส่วนอีกตัวหนึ่งก็อยู่กับผมตลอดมา ในที่สุดความห่างไกลและความเหมาะสมหลายๆอย่างก็ค่อยๆแยกความสัมพันธ์ของเราทั้งสองออกจากกันอย่างถาวร เปลือกหอยตัวนี้ถูกเก็บไว้รวมกับเปลือกหอยตัวอื่นๆ แต่ผมยังระลึกเสมอว่าใครเป็นคนให้ผมมาและอีกตัวหนึ่งผมได้ให้ใครไป เปลือกหอยอาจจะเป็นตัวแทนสิ่งที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล แต่สำหรับคนเรานั้นเปลือกกายไม่สำคัญเท่ากับแก่นแท้ของจิตใจเลย เมื่อตายลงไปร่างก็กลับกลายเป็นเถ้าธุลี เหลือเพียงแต่ชั่ว-ดีเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้บนโลกนี้...
Create Date : 20 มกราคม 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 20 มกราคม 2549 20:20:20 น. |
Counter : 750 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ๋๋่j IP: 203.113.35.12 21 มกราคม 2549 0:23:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย IP: 58.10.234.81 21 มกราคม 2549 8:07:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: เล็บมือนาง IP: 61.19.156.202 21 มกราคม 2549 12:26:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อหมา (พ่อน้องโจ ) 21 มกราคม 2549 15:48:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ประทับใจมากๆ ค่ะ
เพิ่งทราบว่าคุณคือคนเดียวกับคุณโดม วุฒิชัย
ยินดีที่ได้รู้จัก (อีกครั้ง) นะคะ