รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

คำถามเรื่องวิธีจัดการกับความฟุ่งซ่าน

มีข้อสงสัยมาจากนักปฏิบัติ ลองอ่านเรื่องของเขาดูครับ

จะจัดการอย่างไรดีครับถ้าฟุ้งซ่านมากๆ ผมใช้วิธีต่อไปนี้ไม่รู้จะถูกหรือเปล่า คือ
1.ช่วงที่ผมกำลังยกมืออยู่บางทีจะรู้สึกว่าฟุ้งมากๆ ก็เลยยกมือสร้างจังหวะไปแล้วรู้สึกการไหวของมือเฉยๆ ไปเรื่อยๆ จิตมันคิดก็ไม่ได้สนใจ แต่ก็รู้สึกว่าจิตมันคิดอยู่ ดังนั้นความรู้สึกตัวยังไม่สมบูรณ์พอ เพราะส่วนหนึ่งจะไปกับความคิด คือไม่สนใจที่จะดูความคิดเพราะสติยังไม่แข็งพอ ..ผมเข้าใจอย่างนี้นะ ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า
ส่วนวิธีหนึ่งคือ

2 .ถ้ามันฟุ้งมากๆผมก็ดูความคิดที่มันฟุ้งซะเลย แต่ดูปั๊บ ผมก็ตบขาตัวเองให้รู้สึกตัว พอคิดอีกผมก็ตบหน้าขาตัวเองอีกแรงๆ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ น่าแปลก หรือเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้ตื่นเป็นช่วงๆ ตอนนี้ผมจะรู้สึกว่าความคิดถูกตัดออกเป็นช่วงๆ แต่ก็รู้สึกว่าต้องใช้กำลังของสติมากกว่าแบบแรก แต่ก็รู้สึกว่าใจมันปลอดโปร่งกว่าแบบแรก
..ผมรู้สึกว่าความคิดมันไหลตลอดเวลา ทุกๆเสี้ยววินาทีก็ว่าได้ ถ้าสังกตุดีๆแม้แต่การมองการได้ยิน ใจเราจะคิดตลอดเวลาจริงๆ แม้แต่มองต้นไม้ยังคิดเลย แต่รูสึกว่าหลายครั้งผมยังไปกับความคิดอยู่ และรู้สึกว่าอัตราส่วนความคิดกับรู้สึกตัว ความคิดยังมากกว่าเยอะ

คำถามที่ผมถามช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ ว่าจะเอาแบบ 1 หรือ 2 ดี หรือทำผิดตรงไหน ช่วยแนะนำผมด้วยครับ ผมยังโง่นัก

...............................

มาดูความเห็นของผมครับ

วิธีทั้งสองวิธีใช้ได้ทั้งคู่ครับ ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูกครับ
แบบที 1 ก็ดีครับ ที่มุ่งรู้กายล้วน ๆ เพราะกำลังสติยังไม่มั่นคง
การรู้กายล้วน ๆ ก็เป็นการเสริมสร้างกำลังของสติ

แบบที่ 2 ก็ดีครับ การที่คุณเห็นความคิดได้ที่ว่ามันคิดไม่หยุด นี่ก็คือการมีสติอยู่แล้วครับ แต่กำลังสติอาจจะยังไม่มั่นคงพอนั่นเอง


แต่ทั้ง 2 วิธีนี้ยังเป็นการจงใจกระทำอยู่ เนื่องด้วยกำลังแห่งสติที่ยังอ่อน ก็เลือกเอาตามถนัดจะเอา 1 หรือ 2 ก็ได้ครับ แล้วแต่จะชอบใจอย่างไร

แต่ขอให้ฝึกไปเรื่อยๆ เมื่อกำลังสติกล้าขึ้น มันจะเป็นของมันเองครับ แล้วคุณจะรู้วิธีการของคุณเองต่อไป

คุณสังเกตใหมครับ ว่าเมื่อไรที่คุณฟุ่งซ่าน คุณจะไม่ง่วง ถ้าคุณไม่ฟุ่งซ่าน คุณจะง่วง
เมื่อคุณฟุ่งซ่าน คุณจะตื่นตัวมากกว่าตอนไม่ฟุ่งซ่านเสียอีก

ผมมีความเห็นโดยส่วนตัวว่า ( อันนี้ค่อนข้างจะขัดแย้งกับคนหลาย ๆ คนในสายหลวงพ่อเทียน ) ความคิดเกิด นี่เป็นสิ่งดี เพียงแต่ว่า ผู้ปฏิบัติอย่าหลงเข้าไปในความคิดที่เกิดนั้น เมื่อไม่หลงเข้าไปในความคิด การเห็นความคิดเสมอ ๆ และเห็นไตรลักษณ์ของความคิด นี่คือหนทางแห่งการเกิดปัญญาเพื่อการพ้นทุกข์ต่อไปครับ

การปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์นั้น การเห็นไตรลักษณ์ของความคิด จะเป็นการสร้างเหตุให้จิตเข้าใจถึงความไร้แก่นสารแห่งความคิด เมื่อจิตเข้าใจการไร้แก่นสารแห่งความคิด จิตจะไม่ยึดในความคิด เมื่อจิตไม่ยึดในความคิด ทุกข์ใจก็ไม่เกิดครับ

ผมขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวของผมให้ฟัง เมื่อผมฝึกจนจิตรู้เขาแยกตัวออกมาได้แล้ว ใหม่ ๆ จิตรู้ จะเป็นก้อนพลังงานชัดเจน เมื่อจิตรู้เป็นก้อนพลังงาน เมื่อความคิดเกิด จิตรู้จะเห็นความคิด แล้วความคิดจะดับลงไปทันที ไม่ยอมคิดค่อ
และผมยังเห็นต่อไปอีกว่า

เมื่อความคิดเกิด จิตรู้จะดับ
เมื่อความคิดดับ จิตรู้จะเกิด

มันจะสลับไปมาแบบนี้เสมอ

ต่อเมื่อผมฝึกต่อไปอีกมากขึ้น จิตรู้ที่มันเป็นก้อนเป็นดวง มันจะแผ่กระจายออกแบบไร้ขอบเขต เป็นความว่างไป ( เหมือนลูกโป่งที่แตกออก แก๊สในลูกโป่งก็กระจายออกไปหมด จนไม่เห็นลูกโป่งนั้นเอง )
ในสภาวะแห่งจิตรู้ที่ไม่เป็นดวงนี้ ความคิดมันจะเกิดก็ได้ มันไม่เกิดก็ได้ บางทีมันเกิดแล้วก็ดับทันที บางทีมันเกิดแล้วก็ไม่ยอมดับ แต่เกิดติดต่อกันไปตลอดก็มี แต่ก็เห็นความคิดนี้ได้เสมอ และไม่หลงเข้าไปในความคิดอีก ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่มีความรังเกียจความคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดมันเหมือนคนหลาย ๆ คนในสายหลวงพ่อเทียน ที่มีความเห็นอีกอย่างหนึ่ง ผมเพียงเห็นความคิดเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มันแปรเปลียนไปมาได้เหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า ที่บางครั้งก็ไม่มีเมฆ บางครั้งก็มีเมฆที่ลอยนิ่ง บางครั้งก็มีเมฆที่ลอยไปลอยมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของความคิด เราก็จะไม่ทุกข์ไปกะมัน การปฏิบัติก็เพื่อการไม่เป็นทุกข์ครับ ไม่ใช่การไปหยุดความคิดไม่ให้เกิดขึ้น




 

Create Date : 30 กันยายน 2552
7 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:07:05 น.
Counter : 1768 Pageviews.

 

ของลองไปใช้สักวิธี 2 วิธีนะเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น

 

โดย: blog pu 30 กันยายน 2552 17:48:49 น.  

 

นักปฏิบัติมักจะมีความรังเกียจความฟุงซ่าน เพราะมีคำสอนที่ว่า มันเป็นนิวรณ์ ทำให้ขาดสมาธิ
แต่ความฟุ่งซ่าน มันก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง

นักปฏิบัติที่มีใจรังเกียจนิวรณ์ เขานั้นหลงไปกับกิเลสที่เกิดการปรุงแต่งขึ้นในจิตของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า บัดนี้ เขาตกลงไปเป็นทาสของกิเลสโดยไม่รู้ตัว

อาจจะยากสำหรับความเข้าใจสำหรับมือใหม่ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฝากไว้พิจารณา

 

โดย: นมสิการ 30 กันยายน 2552 17:53:24 น.  

 

เห็นด้วยและขออนุโมทนา....

ความคิดเหมือนกับกลุ่มควัน..ถ้าเราหลงเข้าไปก็ย่อมสำลักควัน...แต่ถ้าเราเดินผ่านมันไป....มันก็จะเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เราแค่มองเห็น..และไม่สามารถทำอะไรเราได้..

เมื่อเดินผ่านกลุ่มควันนี้ไปได้..เราก็จะเห็น..สิ่งที่พ้นจากบัญญัติ

ความคิดไม่ใช่ตัวทุกข์..ทุกข์เกิดเพราะเราชอบหรือไม่ชอบ(ตัณหา)ความคิดนั้น

 

โดย: palmgang IP: 119.42.68.180 30 กันยายน 2552 17:54:44 น.  

 

 

โดย: ต้นกล้า อาราดิน 30 กันยายน 2552 21:05:01 น.  

 

สุดยอดเลยคับ ความคิดเห็นด้วย

 

โดย: บั๊กคุง IP: 202.41.187.241 30 กันยายน 2552 21:13:32 น.  

 

ถูกต้องแล้วครับ ช่วงนี้ผมไม่ง่วงเลย นั่งยกมือ 1 ชม. ผ่านไปแป๊บเดียว แต่ก็รู้สึกว่าจงใจอยู่บ้าง บางครั้งก็รู้สึกหนักเครียดไปเลย

ขอบคุณครับ

 

โดย: viroot 2 ตุลาคม 2552 8:55:40 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:16:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.