โดนหลอก
นักปฏิบัติส่วนมาก มักจะถูกหลอกจากความเข้าใจผิดของตนเองเสมอ เมื่อได้ปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อใครก็ตามที่ได้ลงมือปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ไปได้สักระยะหนึ่ง เขาจะมีกำลังจิตที่ดีขึ้นของ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ และ กำลังจิตที่ดีขึ้นนี้ จะทำให้เขาไปรับรู้อะไรบางอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนในชีวิต พอมารับรู้สิ่งใดเข้า ก็มักจะเข้าใจเอาเองซึ่งเป็นความเคยชินจากทางโลกที่ว่า สิ่งที่รับรู้นี้ คือ บันไดขั้นต่อไปที่เขาต้องเขาไปแช่อยู่ในนั้น เพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นสูงขึ้นต่อไป ผิดครับ ผิดครับ << ใครก็ตามที่คิดอย่างนี้ คือ ผิดครับ ผิดครับ ท่านโดนหลอกเข้าแล้ว ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 นั้น ถ้าท่านเข้าไปจมแช่ในรู้ที่เกิดขึ้น นั่นคือการยึดติดครับ ในการปฏิบัตินั้น เมื่อท่านรู้แล้ว ก็อย่าได้ใส่ใจมัน ทิ้งมันไปเลยครับ สภาวะแห่งการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 นั้นคือ ฝึกหัดจิตให้มีสติสัมปชัญญะ ซึ่งจิตท่านจะมีอาการปรกติ ครับ ก็คือ เฉย ๆ นั่นเองครับ เมื่อท่านฝึกฝนจิตแบบนี้ ให้เป็นปรกติเสมอ ๆ จิตที่ราบเรียบ ไม่หวีอหวา ไม่สุข ไม่ทุกข์ นั้นแหละครับ ฝึกให้จิตมันรู้อยู่อย่างนี้ เมื่อมีสภาวะอะไรเกิดที่นอกเหนือจากนี้ รู้แล้ว ก็ทิ้งมันไปเลยครับ อย่าไปใส่ใจมัน แล้วให้มีสติสัมปชัญญะ เฉยๆ ราบเรียบ อย่างเดิม แต่ก็ไม่ใช่ไปกดให้มันนิ่งนะครับ การยึดติดในสภาวะธรรมนั้น ทางตำราเขาจะเรียกว่า วิปัสสนูกิเลส ครับ ผู้ที่ยิ่งฝึกสติปัฏฐาน4 มาอย่างมากและถูกทาง จิตใจของเขานั้น จะ ตื่นรู้และ อยู่ในสภาวะราบเรียบ เฉย ๆ อยู่เป็นนิสัย นี่คือสภาวะปรกติของผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน 4 มาดีแล้วครับ มีบางท่าน ถึงกับเรียกสภาวะนี้ว่า นิพพานน้อย แต่จะใช่นิพพาน หรือ ไม่ ผมไม่กล้ายืนยัน แต่จะเรียกอย่างไรก็ช่างครับ จิตใจไม่มีทุกข์ ก็ดีที่สุดแล้ว บทความนี้ ผมพยายามจะเน้นการเดินทางที่ควรเป็นไป ในการฝึกสติปัฏฐาน 4 ครับว่า บั้นปลายสุดท้าย จะออกมาในรูปแบบใด จึงฝากท่านไว้พิจารณา ใคร่ครวญให้ดีด้วยครับ การยึดติด เป็นการเสียเวลาอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดท่านมองไม่ออกว่าไปยึดติด ทีนี้ก็ขึ้นรถเมล์ยาว ไม่ยอมลงสักที แล้ว เมื่อไร จะถึงบ้านท่านครับ รถเมล์การปฏิบัติ ไม่มีคนมาคอยไล่ท่านลงจากรถเสียด้วยซิ แนะนำอ่านเพิ่มเติม เรื่อง ปรกติ ที่//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=15&group=1&gblog=74
Create Date : 03 กันยายน 2552
13 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:08:46 น.
Counter : 1132 Pageviews.
โดย: บั๊กคุง 3 กันยายน 2552 19:44:33 น.
โดย: นมสิการ 4 กันยายน 2552 7:25:39 น.
โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.197 4 กันยายน 2552 10:58:27 น.
โดย: นมสิการ 4 กันยายน 2552 12:14:12 น.
โดย: นมสิการ 4 กันยายน 2552 12:17:03 น.
โดย: บั๊กคุง IP: 58.8.87.46 4 กันยายน 2552 13:39:59 น.
โดย: kaoim IP: 58.10.90.152 4 กันยายน 2552 16:35:37 น.
โดย: นมสิการ 4 กันยายน 2552 16:58:32 น.
โดย: นมสิการ 4 กันยายน 2552 17:03:07 น.
โดย: บั๊กคุง 4 กันยายน 2552 21:15:38 น.
โดย: kaoim IP: 58.10.90.183 4 กันยายน 2552 22:41:53 น.
โดย: นมสิการ 5 กันยายน 2552 7:42:39 น.
โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:22:29 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
คือ มันเหมือนมีอะไรนิ่งๆ อยุ่ที่นึง คือเหมือนรอบๆ มัน จะมีการเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงไปตามปกติ คือร่างกายก็เคลื่อนไหว เสียงรอบข้างก็ดังปกติ มองเห็นปกติ ความคิดก็ผุดขึ้นปกติ แต่ไอ้ตัวนี้นิ่งๆ อยู่ตัวเดียว เคยลองไปอยู่พักนึงคับ มันรู้สึกโล่ง ว่างๆ สบายใจดี
แต่เคยได้ยินมาว่า การเจริญสติมันจะไม่มีการลงไปจมแช่ หรือนิ่งๆ ค้างไว้อย่างนั้น แต่จะเป็นการรู้สึกแบบเป็นขณะๆ ไป คือรู้แล้วจบตรงที่รู้ (แต่ที่ผมลงไปมันเหมือนเราทำอะไรสักอย่าง แล้วเพลิดเพลิน ยินดี กับมัน)
ผมก็เลยเริ่มรู้สึกตัวคับ ตอนนี้เวลามันเกิดสภาวะแบบนี้ขึ้น ก็สังเกตมันเฉยๆ ถ้ามีการทำอะไร หรือรู้สึกอะไรกับสภาวะนี้ก็ตามรู้ไปเรื่อยๆ น่ะคับ