รู้ขบวนการ (ปรมัตถ์) รู้เนื้อความ (สมมุติ)
บทความนี้ จะค่อนข้างยากต่อความเข้าใจสำหรับมือใหม่ ที่พึ่งเข้ามาภาวนา ถ้าท่านอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ก็ขอให้เพียงผ่านสายตาไปก็พอครับ เมิ่อท่านภาวนาไปมากเข้าและรู้เรื่องบ้างแล้ว ท่านก็ย้อนกลับมาอ่านได้อีกครับ
ในการปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์นั้น จะมีสิ่งหนึ่งที่ฝืนความรู้สึกของปุถุชนเป็นอันมาก และยากที่จะยอมรับและเข้าใจมัน อาทิเช่น ความพอใจ ก็คือ ความไม่พอใจ ความดี ก็คือ ความเลว เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างที่ยกมานี้ ปุถุชนจะเห็นว่า มันต่างกัน มันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
ที่ปุถุชนเห็นว่ามันต่างกัน เพราะปุถุชนเมื่อไปพบเห็นอะไรเข้า ไปได้ยินอะไรเข้า แล้วก็มีการ ตีความให้ค่าในสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน โดยนำเอาสามัญสำนึก หรือประสบการณ์ ของตนเอง หรือ จริยธรรม หรือ ประเพณีของชุมชน เป็นมาตรฐาน แล้วก็นำสิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน มาเปรียบเทียบกับมาตรฐานนั้น ๆ ถ้าสิ่งใดที่ต่ำกว่ามาตราฐาน สิ่งนี้คือเลว สิ่งนี้คือไม่ดี สิ่งนี้ทำให้ไม่พอใจ ถ้าสิ่งใดที่สูงกว่ามาตราฐาน สิ่งนี้คือดี สิ่งนี้ทำให้พอใจ
สำหรับการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์นั้น ผู้ปฏิบัติพึงเห็น พึงได้ยิน พึงรับรู้อาการความรู้สึกที่รับรู้ผ่านทางอายตนะเข้ามา โดยไม่ใสนใจว่าจะมีการตีความให้ค่าในสิ่งที่รับรู้เข้ามาหรือไม่ และไม่มีการเปรียบเทียบกับสิ่งใด เพียงรับรู้เท่านั้น นี่คือการรับรู้ที่เรียกตามตำราว่า รู้ปรมัตถ์ การรับรู้ปรมัตถ์แบบนี้ เป็นการรับรู้ ที่ไม่มีการนำสัญญา (ความจำ ความคิด ) มาผสมโรงด้วย ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาแล้วจะเข้าใจได้ ถ้าถามว่า เป็นไปได้หรือ ก็ต้องตอบว่า เป็นไปได้แต่ต้องฝึกฝนอย่างถูกต้อง และมีความเพียร
สำหรับผู้ฝึกใหม่ ที่มีความคุ้นเคยแบบเดิมก็จะยังที่มีการนำ สัญญา มาผสมด้วย (ทางตำราเรียกว่า รู้สมมุติ) แต่เมื่อได้ฝึกสัมมาสติไปอย่างถูกต้องบ่อย ๆ ก็จะมีการพัฒนาการรับรู้แบบปรมัตถ์ขึ้นมาได้เอง
ท่านอาจสงสัยต่อไปว่า ทำไมต้องฝึกเพื่อให้เป็นแบบนี้ด้วยละ ผมก็ขอตอบตามความเห็นส่วนตัวว่า การที่จะให้จิตรู้แจ้งในทางธรรม เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริงได้นั้น จิตต้องรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เป็นปรมัตถ์ได้ (มีแต่สภาวะธรรม ที่ไม่มีชื่อประกอบ) ที่ไม่มีการนำสัญญาเข้ามาผสมกับการรับรู้ด้วย การที่ท่านเห็นแมว แล้วรู้ว่า นี่คือแมว นี่เป็นการนำความจำที่ว่า เจ้าหน้าตาแบบนี้ชื่อแมว แต่การรับรู้ปรมัตถ์ จะเป็นการรับรู้ถึงความรู้สึกที่ได้สัมผัสโดยการเห็นเท่านั้น แต่เนื่องด้วยขบวนการทำงานของขันธ์ 5 จึงแปลสิ่งที่รับรู้มาและเข้าใจว่าสิ่งที่รับรู้มานี่คือคนเรียกว่าแมว
ผมจะบอกท่านเป็นภาษาอังกฤษว่า สิ่งที่ผมนำเสนอนี้คือ See process , not content แปลเป็นไทยว่า ให้ดูขบวนการ อย่าดูเนื้อความ
อะไรคือ ขบวนการ (process ) เนื้อความ (content ) ในการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์นั้น สิ่งที่จะดูต้องเห็นด้วย จิตรู้ และให้ดูเฉพาะที่เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านจับสิ่งใด ก็เพียงรู้สึกถึงการสัมผัสเท่านั้น ( นี่คือ process ) ไม่ต้องไปสนใจรับรู้ว่า สิ่งที่สัมผัสนั้นเรียกว่าอะไร สัมผัสแล้วรู้สึกร้อน หรือ รู้สึกเย็น ( นี่คือ content ) เพียงแค่รู้สึกถึงก็พอแล้ว
เมื่อจิตใจท่านเกิดการไหวตัว ไม่ว่าอะไรก็ตาม เพียงแต่ให้จิตรู้ รับรู้อาการการไหวตัวนั้นก็พอ ( นี่คือ process ) ไม่ต้องไปสนใจรับรู้ให้ค่าว่า สิ่งที่ไหวตัวคือ ความโกรธนะ หรือ คือความปิตินะ ( นี่คือ content ) ให้รู้เพียงว่ามีการไหว ก็พอแล้ว
การรับรู้แล้วมีชื่อตามมา นั้นคือ เนื้อความ (content ) ครับ ซึ่งการปฏิบัติไม่ต้องไปใสใจ ถึงมันเลยว่ามันจะชื่ออะไรบ้าง เป็นอย่างไร เพราะรู้แล้วก็ไม่เกิดผลดีอะไรในการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์
ถ้าท่านฝึกถึงการรับรู้แบบนี้ได้ ก็คือ การรู้ ที่ไม่รู้อะไรเลย นั่นเอง
ผมขอย้ำให้ท่านนักปฏิบัติอีกครั้งว่า ก่อนที่ท่านจะเป็นแบบนี้ได้ ท่านต้องฝึกฝน สัมมาสติมาแล้วค่อนข้างมากและมีผลแล้วพอสมควร และจิตรู้ เกิดก่อน แล้วให้จิตรู้ รับรู้เฉพาะขบวนการที่เกิดขึ้นของขันธ์ 5 ท่านจึงจะเข้าใจในสิ่งที่ผมเขียน และสิ่งที่ผมเขียนจะใช้เพื่อการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์เท่านั้น ไม่ใช่สำหรับงานทางโลก
อย่าสับสนนะครับ สิ่งที่ผมเขียนนี้ใช้เพราะทางธรรมปฏิบัติเท่านั้น อย่านำไปใช้ในทุกกรณี เดียวจะยุ่งไปกันใหญ่
แนะนำอ่านเพิ่มเติมเรื่อง อะไรคือ "รู้แต่ไม่รู้อะไร." //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=11&group=1&gblog=73
Create Date : 22 กันยายน 2552 |
|
11 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:07:21 น. |
Counter : 1251 Pageviews. |
|
|
|
มีบางอย่างที่ความเห็นต่างกันครับเสนอไว้
ในความเห็นตื้นๆของผม ถ้าคนเป็นแบบนี้หมดไม่มีทางที่โลกนี้จะไม่เจริญ มันจะเจริญขึ้นแต่ไม่ใช่ทิศทางแบบทุกวันนี้
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่แยแสตำรา ก็ยังไม่เห็นว่าจะเป็นภัยแก่ตัวตรงไหนนี่ครับ ธรรมไม่ใช่ของคนไทยนี่ครับ ถ้าเค้ารับไม่ได้ ผมจะเปิดประตูที่ยุโรปเอง
ขออภัยที่ไม่ได้ลา อาทิตย์สุดท้ายผมยุ่งมาก ตอนนี้เดินทางมาถึงแล้วอย่างปลอดภัย คงได้อ่านบทความที่มีคุณค่าไม่ขาดไม่เกินเช่นนี้อีก
ขอบคุณครับ