กาลเวลาและสายน้ำไม่เคยย้อนทวน
แต่ความทรงจำบางอย่างในชีวิตไม่เคยลบไปตามครรลองแห่งเวลา
Dedication To: my son Jit....... I love you today as I have from the start,.... And I will love you... forever... with all of my heart...
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
14 ธันวาคม 2549

...JEFFREY DAHMER...ฝันร้ายของอเมริกันชน...(7)



....ลีโอเนล ดามเมอร์ พ่อของเจฟฟรี่ได้เขียนหนังสือชื่อ A Father's Story กล่าวถึงความรู้สึกของพ่อแม่ที่พยายามอย่างดีที่สุดที่จะเลี้ยงลูกให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ เจริญเติบโตและก้าวหน้าในทางที่ถูกที่ควร...แต่ความพยายามนั้นไม่เป็นผลสำเร็จเมื่อพบว่าลูกที่ตนเลื้ยงมากับมือ เริ่มสร้างกำแพงล้อมรอบตนเองที่สูงขึ้นเรื่อยๆกระทั่งปิดตัวเองทุกหนทางจากคนอื่น

..พ่อแม่ส่วนใหญ่อาจโชคดีที่ไม่มีลูกเป็นอย่างเจฟฟรี่ ...แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องเฝ้ามองลูกของตนเติบโตขึ้นมาแล้วจมดิ่งลงสู่หนทางแห่งความเสื่อมอย่างการติดเหล้า ติดยา หรือเข้าสู่วงจรของคนทำผิดกฏหมาย...และไม่ว่าคนที่เป็นพ่อแม่จะพยายามมากเพียงไรก็ไม่สามารถขัดขวางทางที่ลูกของตนเลือกได้..." มันเป็นภาพที่เศร้าสลดสำหรับผู้เป็นพ่อแม่...ความรู้สึกที่ว่านี้ยากจะอธิบายเมื่อเห็นลูกหลุดลงไปจนตัวเองไม่สามารถเอื้อมไปดึงกลับมาได้คืน...ลูกที่เคยเป็นเด็กชายตัวน้อยๆ ใช้ชีวิตที่ไร้ทิศทาง ..หลุดลอยไปไกลขึ้นทุกที"

.....ในหนังสือเล่มนี้ ลีโอเนลยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เจฟฟรี่เป็นอย่างนี้ อาจเนื่องจากเบื้องหลังของครอบครัวด้วย..แม่ของเจฟฟรี่มีพ่อที่ติดเหล้าอย่างหนักซึ่งทำให้มีผลกระทบทางด้านจิตใจมาถึงการดำเนินชีวิตของลูกและหลาน ...นอกจากนี้จอยซ์ผู้เป็นแม่ยังมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง เจ็บออดๆแอดๆอยู่เสมอ...ข้างฝ่ายลีโอเนลเองซึ่งเป็นนักเคมีก็หมกมุ่นอยู่แต่กับงานและการทำปริญญาเอกเฉพาะทางจนไม่มีเวลาให้กับลูกเมีย... ชีวิตครอบครัวจึงลงเอยด้วยการหย่าร้างเมื่อเจฟฟรี่ อายุได้สิบแปดปี

..แต่ปัญหาดังกล่าวไม่น่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งต้องกลายเป็นฆาตกรร้ายและชื่นชอบการร่วมรักกับศพ...ปัญหาทางจิตที่ซับซ้อน มีความเป็นมาที่ต่อเนื่องยาวนาน...

....เจฟฟรี่ ดามเมอร์ เกิดที่เมือง มิลวอร์คกี้เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1960 บิดามารดาคือ ลีโอเนล กับ จอยซ์ ดามเมอร์... เขาเป็นลูกคนแรกที่เกิดขึ้นมาจากความรักความต้องการของพ่อแม่...ได้รับความรักและเอาใจใส่อย่างดี..เมื่อแรกเกิดสมบูรณ์แข็งแรงทุกอย่างและเมื่ออยู่ในวัยหัดเดินและคลาน เขาก็เหมือนทารกทั่วไปที่ร่าเริง ชอบเล่นกับตุ๊กตาสัตว์และตัวต่อชนิดต่างๆ...นอกจากนี้เขายังมีสัตว์เลี้ยงเป็นสุนัขที่รักมากชื่อฟริสกี้

.... เจฟฟรี่เป็นเด็กที่อ่อนโยนเหมือนเด็กปกติทั่วไป..ลีโอเนล จำได้ว่าลูกชายของตนมีความสุขที่สุดก็เมื่อครั้งที่เขาทั้งสองได้ช่วยรักษานกที่บาดเจ็บจนแข็งแรง..." ผมประคองนกไว้ในมือ และค่อยๆยกมือปล่อยให้มันโบกบินเป็นอิสระ ดวงตาของเจฟฟรี่เบิกกว้างและยิ้มด้วยความยินดี"...ลีโอเนลและครอบครัวย้ายจาก มิลวอร์คกี้ไปยัง ไอโอวา เพื่อที่ตัวของลีโอเนลจะได้เรียนต่อในระดับปริญญาเอก

...เมื่อเจฟฟรี่ อายุได้สี่ขวบ พ่อของเขาได้เขี่ยซากสัตว์และกระดูกออกมาจากบริเวณบ้าน...ทันทีที่เห็นและได้ยินเสียงกระดูกกระทบกัน ลีโอเนลสังเกตเห็นว่าเจฟฟรี่แสดงอาการตื่นเต้นมากกว่าปกติ...ตรงเข้าไปใช้มือน้อยๆของตนคุ้ยเขี่ยเศษกองกระดูกเหล่านั้นอย่างสนใจ...เป็นความทรงจำของผู้เป็นพ่อที่นึกย้อนหลังและเริ่มเห็นเงามืดอีกด้านที่ก่อตัวในจิตใจของลูกตนเองอย่างช้าๆ

...เจฟฟรี่ต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกเมื่ออายุ หกขวบ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องไส้เลื่อน..หลังการผ่าตัดเขาดูเงียบขรึมเปลี่ยนไป ชอบนั่งเงียบๆเป็นเวลานาน...ใบหน้าไร้ความรู้สึก แทบจะไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ...ระยะนั้นลีโอเนลเรียนจบและได้งานทำที่รัฐโอไฮโอ...จอยซ์ตั้งท้องลูกคนที่สอง และเจฟฟรี่เริ่มเข้าเรียนเกรด 1



...จากเด็กน้อยที่เคยร่าเริงสดใส..แทนที่ด้วยเด็กชายที่มีแต่ความหวาดกลัวในการพบปะอยู่ร่วมกับคนอื่น..เจฟฟรี่กลายเป็นเด็กขี้อาย ไม่มีความมั่นใจในตัวเองแทบจะไม่ยอมคุยกับใครเลย...การต้องไปโรงเรียนเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเขา...แสดงให้เห็นถึงการไม่สามารถยอมรับและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

...ลีโอเนลคิดว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย เป็นเรื่องปกติที่มีสาเหตุจากการต้องย้ายที่อยู่ใหม่ และตัวของลีโอเนลเองเมื่อยังเด็กก็ขี้อายมากเช่นกัน ..เขาจึงคิดว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้นได้เองเมื่อเจฟฟรี่เติบโตรู้เดียงสามากขึ้น...สิ่งที่ลีโอเนลไม่รู้ก็คือเจฟฟรี่เริ่มมีปัญหาจากการแยกตัวออกจากคนอื่นมากกว่าที่เขาคิด

...ในเดือนเมษายน 1967 ลีโอเนลและครอบครัวซื้อบ้านหลังใหม่ ลงหลักปักฐานเป็นการถาวร...เจฟฟรี่ดูเหมือนจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น มีเพื่อนสนิทที่ถูกคอกันชื่อ ลี...นอกจากนี้เจฟฟรี่ยังชื่นชอบครูคนหนึ่งมาก ถึงขนาดที่ว่าจับลูกกบใส่กระป๋องเอาไปฝากครูคนนั้นเป็นกรณีพิเศษ...เจฟฟรี่มารู้ภายหลังว่าครูที่ตนเองชอบ เอาลูกกบที่ให้ไปให้ลีเพื่อนของตนอีกทอดหนึ่ง...เขาแอบเข้าไปในโรงรถที่ลีเก็บลูกกบไว้และใช้น้ำมันเครื่องราดจนลูกกบเหล่านั้นตาย

...เวลาผ่านไป เจฟฟรี่ยิ่งโตก็ยิ่งเก็บตัวมากขึ้น ไม่ชอบสุงสิงกับใครเกินความจำเป็น...หากต้องปฏิสันถารกับคนอื่นจะมีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด...เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ดูทีวีอยู่ในห้องส่วนตัวเพียงลำพัง นั่งนิ่งเงียบหน้าตาปราศจากความรู้สึกใดๆ...เพื่อนคนเดียวที่มีก็ย้ายจากไปเมื่อเขาิอายุได้สิบห้าปี

....ลีโอเนลพึ่งมารู้ในศาลภายหลังว่าระยะเวลานั้น เจฟฟรี่จะพกถุงพลาสติกเที่ยวตามเก็บซากสัตว์ที่ถูกรถชนตายตามถนน เอามาถลกหนังแยกชิ้นส่วนดูด้วยความสนใจ..และเคยเอาไม้เสียบหัวสุนัขมาตั้งไว้...ต่างจากในวัยเด็กที่เขาเคยรักสุนัขและแมว...สิ่งที่ดึงดูดใจของเจฟฟรี่ก็คือร่างที่เป็นซากหลังความตาย




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2549
8 comments
Last Update : 14 ธันวาคม 2549 23:44:46 น.
Counter : 807 Pageviews.

 

สวัสดีครับ..แม่

ผมโชคดีมากครับ ที่เกิดมาในสังคมแบบชนบท เป็นคนไทย

มาอ่านได้สาระมาเลยครับ

 

โดย: เทียมฟ้า** (benjarong9 ) 15 ธันวาคม 2549 0:09:13 น.  

 

โจว่าอิตานี่มันโดนสิงแน่เลย สติแตกเพราะใส้เลื่อนรึเปล่าเนี่ย ครอบครัวก็ดี พ่อแม่ก็รัก ตอนเด็กๆก็น่ารักปรกติทู๊กอย่าง สรุปเพราะใส้เลื่อนชัวร์ สงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่จัง

หวัดดีคุณแม่น้องจิตรนะคะ เห็นด้วยกับเม้นเมื่อวาน ว่าคุณแม่น้องจิตรน่าจะรวมเล่มขายได้แล้ว เพราะเป็นเรื่องแปลที่ดีมากๆ ตื่นเต้น แถมยังมีแง่คิดด้วยค่ะ เชียร์สุดฤทธิ์

 

โดย: โจเซฟิน 15 ธันวาคม 2549 4:54:36 น.  

 

ขอบใจน้องเทียมที่แวะมาอ่าน...เรื่องรวมเล่ม ความสามารถและฝีมือคงยังไม่ถึงขั้นหรอกค่ะ...เพียงแค่เห็นคุณโจมาอ่านดิฉันก็ดีใจแล้ว...ไม่มาเปล่า ยังชวนสมัครพรรคพวกมาให้กำลังใจกันด้วย...คนบ้ายออย่างดิฉันก็แปลแบบลืมตายกันเท่านั้นเอง แหะ แหะ....

...เรื่องหน้ากำลังคิดอยู่ค่ะว่าอยากแปลเรื่องของ พวก profiler หรือคนที่ทำหน้าที่ทำนายและวิเคราะห์ลักษณะของอาชญากรในคดีสำคัญๆของอเมริกา...บางคดีพวกนี้ทำนายได้แม่นมาก เป็นเรื่องของการใช้วิทยาศาสตร์ด้านจิตวิเคราะห์รวมกันเข้ากับสถิติที่เขาศึกษามาจากอาชญากรโดยตรง....เอฟ บี ไอมีหน่วยงานและคนที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งภายหลังเขามาเขียนหนังสือเล่าถึงการทำคดีแต่ละคดี น่าสนใจมากค่ะ...ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่...ครบเมื่อไหร่คงได้นำมาแบ่งกันอ่าน

...ท่านใดอยากเสนอให้แปลเรื่องไหน ทิ้งข้อความไว้ได้นะคะ ถ้าหาเรื่องราวมาได้ ดิฉันยินดีที่จะแปลให้ค่ะ....

 

โดย: แม่ของจิตร 15 ธันวาคม 2549 6:08:01 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ
ฝีมือการแปลของคุณแม่ของจิตรดีมากจริงๆนะคะ
ถึงขั้นรวมเล่มส่งสำนักพิมพ์ได้เลยจริงๆค่ะ
ยุ..ยุ...เอาเลยนะคะ...เชียร์สุดใจค่ะ

อ่านแล้วช้ำแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่จริงๆ
ด้านมืดเริ่มออกมาตั้งแต่ 4 ขวบ...อึ๋ย...หยอง...

โหวตเอาเรื่องพวก profiler ค่ะ...น่าสนใจมากกก
ขอบคุณมากอีกครั้งนะค๊า...Have a good day ค่า

 

โดย: จันทร์สวย 15 ธันวาคม 2549 8:16:37 น.  

 

จบแล้วเหรอ!!! นั่นเป็นเสียงของน้องที่ทำงานอยู่กับพี่

ต้องมาอ่านพร้อมกันทุกวัน ตอนนี้ก้อจะปูเสื่อรอกินส้มตำปลาร้า แกล้มเรื่องอีเจ๊ฟ

 

โดย: ฟอ รอ ฟัน..โช๊ะๆ IP: 58.8.12.117 15 ธันวาคม 2549 15:43:46 น.  

 

เอาเลยพี่มินท์(ตีสนิทสุดฤทธิ์) โจเชียร์พี่เต็มที่ เรื่องเกี่ยวกับ profiler โจไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหร่ เคยได้ยินมาเหมือนกัน ยังนึกแปลกใจว่าบางทีฝรั่งเอาเรื่องนี้มาเชื่อมโยงพิจารณาในการทำคดีด้วย โห ตื่นเต้น ชอบๆ

ปล.เด๋วโจติดต่อสำนักพิมพ์ให้ 50% ดีมั้ยเพ่

 

โดย: โจเซฟิน 15 ธันวาคม 2549 16:52:40 น.  

 

ชอบดอกไม้ เวลาคลิกจังเลยคะ

 

โดย: *-*topiw*-* 15 ธันวาคม 2549 21:06:45 น.  

 

จบแล้วเหรอคะ น่าจะยังเพราะมานยังไม่ถูกประหารชีวิตเลยชิมิคะแม่จิตร

กรรมพันธุ์เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็มีหลายคนที่นิสัยไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่เลย ชิดว่ามันเป็นเรื่องของบุญกรรมเน๊าะว่ามะคะ...

 

โดย: ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย 15 ธันวาคม 2549 21:20:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Lascrus13
Location :
บุรีรัมย์ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
[Add Lascrus13's blog to your web]