30 พฤศจิกายน 2549
....ปริศนาการตายของสาวงามยั่วสวาท...มาริลีน มอนโร...( The dumb blonde who knew too much)...(7)
.....ปีเตอร์ ลอฟอร์ด ผู้รู้เห็นและเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์ลับระหว่างเคเนดี้ทั้งสองกับมาริลีน ดูจะเดือดร้อนเกี่ยวกับการตายของเธอมากกว่าคนอื่น ...เฟร็ด โอทาช นักสืบเอกชนได้รับการมาเยือนจาก ลอฟอร์ด เมื่อเวลาประมาณตีสาม ของวันเดียวกันด้วยอาการลุกลี้ลุกลนและกังวลใจอย่างใหญ่หลวง ...เขาบอกกับโอทาชว่า .. มาริลีน มอนโร เสียชีวิตแล้ว โดยที่ก่อนหน้านั้นโรเบิร์ต เคเนดี้ได้ไปพบปะและอยู่กับเธอ ทั้งคู่ทะเลาะมีปากเสียงกันอย่างหนัก ก่อนที่มาริลีนจะพบเป็นศพ...ลอฟอร์ดต้องการให้โอทาชและทีมงานไปที่บ้านของมาริลีน..จัดการเก็บหลักฐานทุกอย่างที่จะโยงใยไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบ้านกับ จอห์น และ โรเบิร์ต เคเนดี้ ...สิ่งที่ลอฟอร์ดไม่รู้ก็คือ ก่อนหน้านั้นโอทาชได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มมาเฟียและฮอพฟาให้ร่วมมือกับ สปินเดล จารชนผู้เชี่ยวชาญการดักฟัง แอบเข้าไปติดเครื่องมือสืบความลับในบ้านของลอฟอร์ดเองด้วย... ....เหล่านักแสดงที่ถูกกำหนดให้ไปร่วมกันจัดฉาก " พบศพมาริลีน ฆ่าตัวตาย" มีเวลาอย่างน้อยห้าชั่วโมง หรืออาจมากกว่านั้น ดำเนินการและซักซ้อมทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่จะโทรแจ้งตำรวจ ...ร่างที่ปราศจากชีวิตของมาริลีนเริ่มแข็งตัวเพราะเธอตายอย่างน้อยสี่ถึงหกชั่วโมงก่อนหน้านั้น...เมื่อสารวัตรเคลมมอนไปถึง ผู้ที่เขาพบมีเพียงแม่บ้านและหมอประจำตัวของมาริลีนอีกสองคน...แล้วดารานำแสดงที่แท้จริงของละครฉากสุดท้ายอยู่ที่ไหน?.. ....มีเอกสารที่ถูกบันทึกไว้กล่าวว่าในช่วงวันหยุดที่เกิดเหตุการณ์นี้ ..โรเบิร์ต เคเนดี้ พร้อมด้วยภรรยาและลูกอีกสี่คน เดินทางไป ซานฟรานซิสโก โรเบิร์ตมีประชุมกับสภาทนายความของอเมริกาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และพาครอบครัวไปพักอยู่กับทนายที่รู้จักสนิทสนมกันซึ่งมีบ้านอยู่ห่างจากเมืองซานฟรานฯออกไปประมาณหกสิบไมล์ ...มาริลีนไม่สิ้นความพยายามที่จะติดต่อกับโรเบิร์ตให้ได้ ...ถึงแม้ว่าหลังจากเสียชีวิตแล้ว บันทึกการใช้โทรศัพท์ของเธอในช่วงสี่วันก่อน จะถูกทำให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่มีนักข่าวที่ตามขุดคุ้ยเรื่องนี้ได้ข้อมูลมาว่า มาริลีนโทรไปที่โรงแรมซึ่งโรเบิร์ตไปประชุมหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีการโทร.กลับ...อย่างไรก็ตามมีผู้รู้เห็นว่าโรเบิร์ต ได้เดินทางจากซานฟรานฯมาพบกับมาริลีนก่อนเธอเสียชีวิต... ...ทนายความผู้เป็นเจ้าของบ้านที่โรเบิร์ตและครอบครัวพักอยู่ด้วย ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงซึ่งตรงกันข้ามกับคำให้การของบางคน...นักสืบเอกชนที่ทำงานให้ สเลทเซอร์อดีตคนรักและเพื่อนสนิทของมาริลีน รายงานว่า ...บ่ายวันที่ 4 สิงหาคม 1962 เพื่อนบ้านของมาริลีนคนหนึ่งได้นัดชุมนุมสังสรรค์กันกับเพื่อนฝูง และด้วยความสนใจในความเคลื่อนไหวของบ้านดาราดังที่อยู่ติดกันเธอและเพื่อนๆได้สังเกตเห็นการมาถึงของโรเบิร์ต เคเนดี้ กับชายอีกผู้หนึ่งถือกระเป๋าที่ดูคล้ายกระเป๋ายาของหมอ ...หลังเกิดเหตุเพื่อนบ้านผู้นี้ได้ถูกชายลึกลับเตือนแกมข่มขู่เป็นอาทิตย์ให้ " หุบปากให้สนิทในสิ่งที่พบเห็น" แต่เมื่อถูกสอบปากคำพร้อมกับมีทนายส่วนตัวไปร่วมฟังด้วย โรเบิร์ต เคเนดี้ ยอมรับว่าไปพบมาริลีนพร้อมหมอคนหนึ่งจริง เป็นการพาหมอไปรักษาอาการเศร้าเสียใจอย่างรุนแรงของดาราสาว และหมอได้ฉีดยาระงับประสาทเพื่อให้มาริลีนผ่อนคลายลง ...การให้ปากคำครั้งนี้ไม่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรืออย่างอื่นที่อาจจะนำไปเป็นหลักฐานได้ในชั้นศาล... ...ยี่สิบสามปีผ่านไป..มิสซิสเมอร์เร ผู้ให้การปฏิเสธโดยตลอดว่า โรเบิร์ต เคเนดี้ไม่เคยไปที่บ้านมาริลีนในวันเสาร์นั้น ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งกับ รายการสารคดีของบีบีซีที่ผลิตขึ้นเมื่อปี 1985 ยอมรับว่า โรเบิร์ตได้ไปที่บ้านจริงในเวลาบ่ายแต่ไม่ยอมพูดลึกลงไปถึงรายละเอียดที่มากกว่านั้น ....อดีตภรรยาของ ปีเตอร์ ลอฟอร์ด เป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ลอฟอร์ด เล่าให้เธอฟังว่า โรเบิร์ตไปพบมาริลีนเพื่อจะบอกเลิกความสัมพันธ์ทุกอย่างที่เคยมี เป็นการยืนยันด้วยตนเองที่ทำให้มาริลีนโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก ...อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานหรือพยานที่จะพิสูจน์ได้ว่าโรเบิร์ต ได้กลับไปยังบ้านของมาริลีนอีกครั้งในตอนค่ำก่อนที่เธอจะเสียชีวิต...แต่มีรายงานจากหลายฝ่ายที่ยืนยันได้ว่าโรเบิร์ตอยู่ที่บ้านของลอฟอร์ดในค่ำคืนนั้นและยกเลิกการออกไปทานอาหารค่ำกับมาริลีน ...ช่างภาพและนักข่าวอิสระชื่อ บิลลี่ วู๊ดฟิลด์ ได้ตามสืบเรื่องนี้ไปถึงบริษัทที่ให้บริการพาหนะทางอากาศที่ลอฟอร์ดและแขกเรียกใช้บริการบ่อยครั้ง วู๊๊ดฟิลด์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้โชว์ให้เขาดูถึงรายการตารางรับส่งผู้ใช้บริการซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า เฮลิค็อปเตอร์ได้ไปรับ โรเบิร์ตออกจากบ้านของลอฟอร์ดเมื่อเวลาประมาณตีสองของเช้าวันอาทิตย์และบินไปส่งที่สนามบินใหญ่ของแอลเอ...ตรงกับคำให้การของเพื่อนบ้านที่ตกใจตื่นตอนรุ่งสางด้วยเสียงของเครื่องยนต์จากเฮลิค็อปเตอร์...อดีตภรรยาของลอฟอร์ดได้รับการบอกเล่าจากสามีในขณะนั้นว่า โรเบิร์ต ได้เดินทางกลับไปซานฟรานฯแล้ว ...ตามความเห็นของเธอคิดว่า การที่ยืดระยะเวลาแจ้งให้ตำรวจทราบไปจนถึงตีสี่ ยี่สิบห้านาทีน่าจะมาจากประเด็นแรกคือ ต้องการใช้เวลาเคลื่อนย้ายหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวกับสัมพันธ์สวาทให้หมดไปจากบ้านหลังนั้น และประเด็นที่สอง.. ยืดเวลาให้โรเบิร์ตได้เดินทางไปให้พ้นจากพื้นที่ก่อน ...ไม่เพียงแต่เรื่องราวก่อนพบจุดจบของมาริลีนจะเป็นข้อกังขาเท่านั้น...แม้แต่ศพที่ผ่าหาสาเหตุการตายก็ยังคงทิ้งปริศนาอีกปมหนึ่งว่า เธอตายด้วยอะไร และวิธีไหนกันแน่?
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 1 ธันวาคม 2549 6:52:37 น.
6 comments
Counter : 3093 Pageviews.
โดย: รออ่านอยู่ IP: 124.157.220.139 วันที่: 1 ธันวาคม 2549 เวลา:4:58:26 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:7:13:43 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:7:14:35 น.
โดย: ยายดาค่า (ศิริรักษ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:16:36:52 น.
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:12:34:03 น.
Lascrus13
<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539
ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร