16 พฤศจิกายน 2549
.......Ed Gein....ฆาตกรผู้เป็นตำนานของ "ไซโค" และ Silence of the Lambs".....(3)
......หนึ่งในบรรดาหนังสือเล่มโปรดของเอ๊ด คือ หนังสือเกี่ยวกับนาซี โดยเฉพาะเรื่องราวในค่ายกักกันชาวยิว และการทดลองที่ใช้คนเหล่านั้นเป็นเครื่องทดสอบ... ...จากการอ่านหนังสือหลายๆเล่มทำให้เอ๊ดรู้กระบวนการทำให้ศรีษะมนุษย์แห้งและสามารถเก็บเอาไว้ดูได้เป็นเวลานาน...นอกจากจะสนใจเกี่ยวกับระบบร่างกายของคนเป็็นพิเศษแล้ว สิ่งที่รบกวนจิตใจของเอ๊ดอยู่เสมอ คือความต้องการปลดปล่อยตามธรรมชาติของวัยหนุ่ม... .....แต่ด้วยการเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดที่เคยได้รับทำให้เอ๊ดไม่สามารถที่จะสร้างสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามได้อย่างคนปกติทั่วไป...การไปยังสุสานและลักลอบขุดศพของหญิงสาวที่เพิ่งตายมาชื่นชม, ทดสอบความรู้ที่อ่านพบในหนังสือจึงเป็นความสุขที่เขาปฏิบัติอยู่หลายปี...ศพแรกที่ขุดห่างจากหลุมฝังศพของออกัสต้าผู้เป็นแม่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น.... .....เอ๊ดลอกผิวหนังจากศพ...ตัดบางชิ้นส่วนของร่างกายมาแช่ตู้เย็นไว้กิน และบางครั้งนำก้อน " เนื้อกวาง" ไปแจกคนที่ตนชอบพอ ทั้งที่ไม่ปรากฏมาก่อนว่าเอ๊ดเคยเข้าป่าล่ากวาง....ความรักใคร่บูชาในตัวของแม่อย่างท่วมท้น...และความรู้สึกที่ว่าเพศหญิงอย่างแม่มีอำนาจเหนือกว่าผู้ชายทำให้จิตสำนึกลึกๆของเอ๊ดต้องการจะเป็นผู้หญิง...การลอกผิวหนัง, ชำแหละชิ้นส่วนของร่างกายอย่างนม และ อวัยวะเพศของผู้หญิงเอามาทำชุดสวมใส่ และประกอบเป็นเครื่องประดับ เครื่องใช้..รวมทั้งตัดหัวเอามาทำให้แห้งวางเรียงรายบนชั้นวางของในบ้าน เป็นสิ่งที่คนภายนอกไม่รู้... ......แต่ มีครั้งหนึ่งเด็กชายที่เอ็ดเคยรับจ้างเป็นพี่เลี้ยง แวะไปเยี่ยมเอ๊ดที่บ้าน....เมื่อกลับออกมา เด็กได้ไปเล่าให้คนอื่นฟังว่า เอ๊ดนำศรีษะมนุษย์ที่ตากแห้งแล้วมาให้ชมและบอกว่าเป็นศรีษะจากเผ่าล่ามนุษย์ของทะเลใต้ที่ตนเคยอ่านในหนังสือ...ทุกคนที่ได้ยินต่างคิดว่าเป็นเรื่องราวจากความเพ้อฝันของเด็กคนนั้น .. .....ต่อมามีผู้ไปเห็นศรีษะเหล่านั้นในบ้านของเอ๊ดอีกครั้งแม้จะดูแปลกๆแต่ก็เข้าใจไปว่านั่นคือหน้ากากสำหรับสวมในวันฮาโลวีน....เมื่อคนที่ได้ฟังนำเรื่องนี้มาล้อเล่นกับเอ๊ด...เขาเพียงพยักหน้ารับและยิ้มน้อยๆบอกว่ามีศรีษะมนุษย์อยู่จริงที่บ้าน...ไม่มีใครคิดเลยว่านั่นคือเรื่องจริง ...วันเวลาผ่านไป...ชิ้นส่วนต่างๆจากศพเริ่มน่าสนใจน้อยลง...อวัยวะสดใหม่ จากร่างกายของคนน่าจะดีกว่า...เขาเริ่มงานออกล่าที่ส่งให้เป็นฆาตกรอย่างเต็มตัว.... ......ระหว่างปลายปี 1940 ถึง 1950 คดีคนหายไปอย่างไร้ร่องรอยมีมากขึ้นอย่างผิดสังเกต...ตำรวจไม่สามารถหาเบาะแสได้ว่าเกิดจากใครหรืออะไร...หนึ่งในจำนวนนั้นได้แก่ แมรี่ โฮแกน ..อายุ 51 ปี เจ้าของร้านขายอาหารและเครื่องดื่มเล็กๆแห่งหนึ่งของเมือง... .....เวลาบ่ายของวันที่ 8 ธันวาคม 1954 แมรี่อยู่คนเดียว เมื่อเอ๊ดลอบเข้าไปใช้ปืนพกรีวอลเวอร์ .32 ยิงเข้าที่ศรีษะ และลากร่างของเธอขึ้นรถขับกลับไปที่ฟาร์มของตน...ภายหลังมีลูกค้าเข้าไปในร้าน พบเลือดกองใหญ่ที่พื้น..ปลอกกระสุนปืน...และรอยเลือดที่หยดเป็นทางไปด้านหลังร้าน สิ้นสุดลงที่ลานจอดรถ.. ที่พื้นดินมีรอยล้อรถปิคอัพขับออกไป..ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานใดๆเพิ่มได้อีกเลย... .....สองสามอาทิตย์ถัดมา.. เมื่อมีผู้คุยถึงเรื่องการหายตัวของแมรี่....เอ๊ดยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบว่า..." แมรี่ไม่ได้หายไปไหนหรอก..ตอนนี้เธออยู่ที่ฟาร์ม "...ไม่มีใครเฉลียวใจอีกเช่นเคยว่ากำลังรับฟังเรื่องจริงจากปากของฆาตกร...จนกระทั่งเหยื่อรายสุดท้ายถูกสังหาร....เบอร์นีซ วอร์เดน....
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2549 12:36:40 น.
9 comments
Counter : 1050 Pageviews.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:49:40 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:53:41 น.
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:17:26 น.
โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:15:14 น.
โดย: fairy_tells วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:22:14 น.
โดย: JewNid วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:23:04 น.
โดย: แม่ของจิตร วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:27:32 น.
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:59:31 น.
โดย: ยายดาค่า (ศิริรักษ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:17:32:22 น.
Lascrus13
<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539
ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร