18 พฤศจิกายน 2549
.......Ed Gein....ฆาตกรผู้เป็นตำนานของ "ไซโค" และ Silence of the Lambs".....(4)..บทสุดท้าย..
.....เช้าวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 1957 แฟรงค์ออกไปล่ากวาง ทิ้งให้ เบอร์นีซ ผู้เป็นมารดาเฝ้าร้านเพียงลำพัง บ่ายของวันเดียวกันเมื่อเขากลับมาและขับรถผ่านก็พบว่าไฟในร้านยังเปิดทิ้งไว้แต่ป้ายข้างหน้าติดไว้ว่าปิด....แฟรงค์เข้าไปสำรวจภายในนอกจากจะไม่พบเบอร์นีซแล้ว สิ่งที่ปรากฏกับสายตาคือรอยเลือดบนพื้น และเครื่องคิดเงินที่ตั้งอยู่ก็หายไปด้วย....มีผู้พบเห็นรถปิคอัพขับออกไปเมื่อเวลา เก้าโมงเช้าของวันนั้น ....แฟรงค์ซึ่งเป็นตำรวจรีบรายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันทีและขอกำลังออกกระจายกันค้นหา โดยระบุผู้ต้องสงสัยคือ เอ๊ด กีนส์ เพราะจำได้ว่าค่ำของวันก่อนเกิดเหตุ เอ๊ด ซึ่งมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ร้านหลายวันแล้ว ได้เข้ามาถามก่อนร้านปิดว่า วันรุ่งขึ้น แฟรงค์จะออกไปล่ากวางหรือไม่ เพราะเอ๊ดจะกลับมาซื้อน้ำยา anti-freez....... .....รายการสุดท้ายที่พบเมื่อแฟรงค์เช็คยอดการขายของเช้าวันที่เบอร์นีซหายตัวไป.คือน้ำยา anti-freez จำนวนครึ่งแกลลอน...การส่งตำรวจไปสอบสวนเอ๊ดและค้นบ้านในฟาร์มจึงเป็นการเปิดโปงเรื่องราวสยองขวัญ ที่สะเทือนความรู้สึกทั้งคนในชุมชนนั้นและได้รับความสนใจจากสื่อทั่วทุกมุมโลก... ...เครื่องประดับในบ้านของเอ๊ดเกือบทุกชิ้นนอกจากจะทำมาจากหนังและกระดูกมนุษย์แล้ว ในกะทะแบนๆบนเตา.. หัวใจทีุ่ถูกควักออกมาสดๆของเบอร์นีซได้ถูกประกอบเป็นอาหาร... ยังไม่นับเครื่องในส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ที่แออัดอยู่ในตู้แช่เย็นจำนวนมาก ....ขณะที่การค้นบ้านและบริเวณฟาร์มเป็นไปอย่างละเอียด เอ๊ดไม่ยอมปริปากให้การใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งวันต่อมาจึงเริ่มเล่าว่าเช้าวันเกิดเหตุตนได้เลือกเวลาที่ปลอดคนเข้าไปในร้านและทำทีเป็นต้องการมาซื้อของ ขณะที่เบอร์นีซเผลอเอ๊ดหยิบปืนไรเฟิ่ล .22 ที่ตั้งอยู่ในร้านบรรจุกระสุนที่พกมาเองเข้าในรังเพลิง และเหนี่ยวไกยิงเบอร์นีซที่ศรีษะ... ....เขาอ้างว่าขณะปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการกระทำไปโดยไม่รู้ตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นราวความฝัน เขาจำได้เพียงว่าลากร่างของเบอร์นีซไปที่รถปิคอัพ พร้อมทั้งยกเครื่องคิดเงินไปด้วย เพราะต้องการดูว่าใช้อย่างไรเท่านั้น และตั้งใจจะแอบเอามาคืนภายหลัง....เอ๊ดได้รับการแนะนำจากทนายในชั้นศาลให้สู้คดีว่าไม่ผิดเนื่องจากทำความผิดลงไปโดยสติไม่สมประกอบ... ......เขาต้องผ่านการทดสอบด้านจิตวิเคราะห์หลายครั้ง จนกระทั่งผลการพิสูจน์ทั้งหมดออกมาว่าเขาไม่สมประกอบจริง โดยมีเหตุอันสืบเนื่องมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็กร่วมด้วย...เอ๊ดรักและบูชาแม่มากพอๆกับส่วนลึกก็เกลียดชังการบังคับดุด่าจากแม่ด้วยเช่นกัน .. ....กลไกความขัดแย้งทางจิตใจที่ซับซ้อนเป็นความสัมพันธ์แบบรักและเกลียด.. พัฒนาไปสู่การกระทำที่น่าสะพึงกลัวต่อเพศหญิง ...ด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานว่าเอ๊ดชอบฆ่าหญิงสูงวัยที่มีลักษณะใกล้เคียงกับแม่ของตน โดยเฉพาะ แมรี่ โฮแกน เหยื่อที่เอ๊ดบอกว่าฆ่าเป็นรายแรกนั้น มีส่วนคล้ายกับแม่ของเขามาก.. คริสต์มาสของปี 1957 เอ๊ดถูกตัดสินว่ามีสติไม่สมประกอบ ต้องเข้ารับการบำบัดเป็นการถาวรในโรงพยาบาลโรคจิตแห่งหนึ่ง เขาใช้เวลาอยู่ในนั้นอย่างมีความสุข เข้ากับเพื่อนร่วมวอร์ดและเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เป็นคนไข้ที่ไม่เคยต้องใช้ยาระงับประสาทเพื่อควบคุมอาการเหมือนคนไข้ทั่วไปในนั้น...ถึงแม้จะมีกิริยาอาการเป็นปกติ แต่เมื่อใดที่พยาบาลผู้หญิงผ่านเข้ามาในระดับสายตา...เอ๊ดจะจ้องมองนิ่งๆเป็นเวลานาน ประกายรอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปากราวกับคิดนึกอะไรบางอย่าง มีเพียงเอ๊ดเท่านั้นที่รู้ดี.... ....บ้านที่ฟาร์มของเขาถูกลอบวางเพลิงจนวอดวายในค่ำคืนหนึ่งหลังจากมีคนเป็นจำนวนมากแห่กันมาดูไม่เว้นแต่ละวัน....เมื่อเอ๊ดทราบข่าว เขากล่าวอย่างสงบว่า..." มันควรจะเป็นเช่นนั้น"....เอ๊ดตายด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม 1984 ด้วยวัย 78 ปี... ....ภาพยนต์และเรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคดีนี้ได้แก่ Psycho แต่งโดย Robert Bloch เป็นเรื่องราวที่ตัวฆาตกรมีบุคคลิกภาพซ้อนของมารดาซึ่งมีอิทธิพลควบคุมชีวิต ....ทั้งที่นางได้ตายไปแล้วแต่เมื่อฆาตกรลงมือฆ่าก็คือการฆ่าตามความประสงค์ของแม่ ..เป็นเค้าโครงเรื่องที่คล้ายกับความสัมพันธ์ของเอ๊ดกับแม่ของเขา ต่อมา อัลเฟร็ด ฮิทช็คอก ราชาหนังสยองขวัญของอเมริกา ได้นำเรื่อง Psycho ไปสร้่างเป็นภาพยนตร์ และทำรายได้ถล่มทลาย....กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิคที่ยังได้รับการกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอ.... ....เรื่องต่อมาคือ The Texas Chainsaw Massacre เป็นเรื่องราวของกลุ่มนักเดินทางวัยรุ่นที่พลัดหลงเข้าไปในบ้านของครอบครัวที่มีพฤติกรรมชอบขโมยศพ, เสพย์เนื้อมนุษย์ และทำเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับบ้านจากชิ้นส่วนร่างกายของมนุษย์ด้วยกัน ..ตัวเด่นเป็นผู้ร้ายที่ชื่อว่า "Leatherface" ที่มักไล่ล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ด้วยเลื่อยไฟฟ้า และสวมหน้ากากที่ทำจากผิวหนังมนุษย์.. .และภาพยนตร์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอีกเรื่องก็คือSilence of the Lambs ตัวละครที่นำมาจากชีวิตจริงของ เอ๊ด กินส์ก็คือ Buffalo Bill ผู้ที่ในเรื่องชอบฆ่าผู้หญิง และตัดเย็บชุดสูทจากผิวหนังของเหยื่อนำมาสวมใส่เพราะจิตใจอีกด้านก็อยากเป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน .... ....คนส่วนใหญ่ที่เคยรู้จักเอ๊ด ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นที่ชอบพอของทุกคน แม้ว่าจะดูแปลกๆและขี้อาย..แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าชายผู้สันโดษ มีรอยยิ้มอยู่เสมอคนนั้นจะมีเบื้องหลังที่น่ากลัวและป่วยทางจิตอย่างหนัก..พฤติกรรมของเอ๊ดยังได้รับความสนใจและกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในฆาตกรแห่งศตวรรษ...เขา..ชายผู้ที่ทุกคนเรียกขานว่า....Ed Gein ...
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2549 13:57:06 น.
8 comments
Counter : 857 Pageviews.
โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:50:09 น.
โดย: JewNid วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:32:48 น.
โดย: แม่ของจิตร วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:55:50 น.
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:06:00 น.
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:30:31 น.
โดย: เฮียเอง IP: 124.157.176.191 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2549 เวลา:5:25:43 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 22 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:41:08 น.
โดย: ยายดาค่า (ศิริรักษ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:17:39:54 น.
Lascrus13
<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539
ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร