.....Profiler กับการสืบสวนคดีสังหารหมู่ในวัดไทย....บทสุดท้าย...
....อเล็กซ์ให้การว่าเรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากการที่เขาและโจนาธานถูกครอบงำด้วยความกระหายในทรัพย์สินของวัด เดวิดน้องชายของโจนาธานเคยบวชเณรที่นั่น เล่าให้ฟังว่าภายในวัดมีพระพุทธรูปทองคำ, ตู้เซฟที่มีเงินอยู่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ กล้องถ่ายรูปซึ่งเก็บไว้ในห้องของพระรูปหนึ่ง
....โจนาธานนั้นหมายใจอยากได้รถของวัดด้วย ทั้งสองร่วมกันวางแผนและหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้เป็นเวลาถึงสองเดือน ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือจริงๆ และเพื่อความสนุกตื่นเต้น เขาได้ตกลงกันว่าจะจำลองปฏิบัติการครั้งนี้ให้เหมือนกับสงครามกองโจรของทหารโดยลงมือกันเพียงสองคน
....ชุดพราง,หมวก, รองเท้า, มีด, ถุงมือ ถูกซื้อหามาไว้ใช้เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ โจนาธานไปยืมปืนไรเฟิ่ล .22 คาลิเบอร์ มาจากโรแลนโด คารัตทาเซีย ส่วนตัวเขาเองแอบขโมยปืนพกสั้นมาจากบ้านของพ่อ ทั้งคู่ได้นำปืนไปลองที่ภูเขาแห่งหนึ่งโดยใช้ที่เก็บเสียงสวมครอบไว้ด้วย ผลออกมาไม่ดีนักแต่ความตื่นเต้นเร้าใจมีมากเกินกว่าที่จะคิดล้มเลิกแผนการครั้งนี้
....ในตอนค่ำของวันที่เกิดเหตุ เขาและโจนาธานได้ไปร่วมงานปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง จนกระทั่งเวลาประมาณสี่ทุ่มถึงสี่ทุ่มครึ่ง ได้ขับรถผ่านไปดูลาดเลาที่วัด และกลับมาอีกครั้งพร้อมอาวุธ,อุปกรณ์ที่เตรียมไว้ บุกจู่โจมเข้าไปข้างใน พร้อมทั้งกวาดต้อนพระทั้งหมดให้มานั่งคุกเข่าเป็นวงกลมหันหน้าเข้าหากัน
....ทั้งสองคนใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงผลัดเปลี่ยนกันเอาปืนควบคุมเหยื่อให้อยู่ในความสงบ ขณะที่อีกคนเข้ารื้อค้นหาทรัพย์สินมีค่า, กุญแจไขเซฟ และละเลงพื้นผนังห้องเล่นด้วยความคึกคะนอง โดยที่ตลอดเวลาพระที่ตกเป็นเหยื่อไม่ได้แสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังดำเนินอยู แม่ชีที่อยู่ประจำวัดแห่งนั้น ผ่านเข้ามาพอดี จึงถูก่บังคับให้เข้ามานั่งรวมกลุ่มด้วย...
....ทรัพย์สินที่ค้นมาได้ทั้งหมดเป็นเงินสดประมาณกว่าสองพันห้าร้อยดอลลาร์, กล้องถ่ายรูป และเครื่องเสียงอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถหากุญแจที่ไขเซฟได้ทัน อเล็กซ์กล่าวว่าตนต้องการล่าถอยออกไปเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่โจนาธานต้องการความมั่นใจว่าจะไม่มีเหยื่อคนไหนเล็ดลอดไปให้การได้ในภายหลัง นั่นหมายถึงต้องฆ่าปิดปากทุกคนในวัดแห่งนั้น เขาจึงขึ้นไปยืนบนโซฟา ใช้ปืนยิงเหยื่อเพียงแค่ให้บาดเจ็บไม่ได้ตั้งใจฆ่า หากแต่คนจ่อยิงซ้ำที่่ท้ายทอยคือโจนาธาน หลังจากนั้นเขาจึงกรีดข้างฝาและพื้นด้วยคำว่า 'เลือด' (blood)ก่อนที่จะพากันหลบหนีออกไป
.....วันที่ 12 กรกฏาคม 1993 โจนาธาน ดูดี้ ถูกตัดสินจำคุกข้อหาฆ่าคนตาย และความผิดข้อหาอื่นๆอีก 11 กระทง รวมเวลาต้องชดใช้โทษด้วยการจำคุกทั้งสิ้น 281 ปี ส่วน อเล็กซ์ การ์เซีย ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาทั้งสิ้น 271 ปี
ทนายฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องให้ตัดสินประหารชีวิตแต่ผู้พิพากษาวินิจฉัยว่า ไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าใครกันแน่คือคนที่ลงมือจ่อยิง ดังนั้นจึงงดเว้นโทษประหาร ระยะเวลาที่จำเลยต้องชดใช้ในคุก แน่ใจได้ว่าโจนาธาน ดูดี้และอเล็กซ์ การ์เซีย จะไม่มีวันได้ออกไปเดินถนนเช่นคนปกติทั่วไปได้อีก ....
.... ที่ตั้งของสถานฝึกหัดเอฟบีไอ ณ. เมืองควอนติโค รัฐเวอร์จิเนีย ชั้นใต้ดินลึกลงไปหกสิบฟุต ..ห้องที่ปราศจากหน้าต่าง สงบเงียบและเยือกเย็น มีป้ายติดไว้ว่า Behavioral Science Unit (BSU) หน่วยศึกษา,วิเคราะห์พฤติกรรมของฆาตกรและอาชญากรรมที่รุนแรง แหล่งฝึกหัดและผลิต profiler ผู้อยู่เบื้องหลังการคลี่คลายคดีที่สำคัญหลายต่อหลายคดี
พวกเขายังคงเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพราะพฤติกรรมของผู้กระทำผิดกฏหมายก็ไม่ต่างจากพฤติกรรมของคนทั่วไปที่ซับซ้อนและไม่มีสูตรสำเร็จซึ่งหยิบมาใช้ได้ทันที...แต่พฤติกรรมสามารถสะท้อนบุคคลิกภาพของคน...ดังนั้นความแม่นยำในเรื่องรายละเอียดตลอดไปจนถึงการวิเคราะห์รูปแบบเฉพาะของแต่ละคดีอย่างรอบด้าน ช่วยให้กำหนดลักษณะของคนร้ายได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด...ซึ่งแน่นอนว่าการพูดนั้นง่ายกว่าปฏิบัติจริงมากนัก
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2550 15:32:33 น. |
|
13 comments
|
Counter : 911 Pageviews. |
|
|
|
|
...ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ยังไม่ได้ตามไปทักทายกันที่บล็อก แต่ระลึกถึงทุกคนค่ะ