29 พฤศจิกายน 2549
....ปริศนาการตายของสาวงามยั่วสวาท...มาริลีน มอนโร...( The dumb blonde who knew too much)...(5)
.....สิ่งแรกที่ฮอพฟาและกลุ่มมาเฟียใช้เป็นอาวุธในการสู้รบกับเคเนดี้ คือคนๆหนึ่งที่เป็นลูกน้องของฮอพฟา...เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มคนนอกกฏหมายด้วยกันว่าเขาคือมืออาชีพที่มีฝีมือระดับสุดยอดด้านการใช้เครื่องมือดักฟัง ....เบอร์นาร์ด สปินเดล เป็นจารชนที่เคยได้้รับการฝึกทางด้านนี้จากหน่วยรบพิเศษของกองทัพบกอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่สอง...ความสามารถที่เขามีควรจะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อเคเนดี้ เกี่ยวกับด้านการดักฟังและจารกรรมความลับของศัตรู ..สปินเดลเคยไปสมัครทำงานให้ซีไอเอแต่ถูกปฏิเสธจึงหันมาร่วมทีมกับมาเฟียอาชีพ...และแอบรับงานหาข่าวให้ฝ่ายรัฐบาลด้วยในบางครั้ง... ...ฮอพฟาต้องการข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวพันระหว่างจอห์น, โรเบิร์ต(บ๊อบบี้), มาริลีน และผู้หญิงคนอื่นๆที่พัวพันกับพี่น้องเคเนดี้ฉันท์ชู้สาวโดยใช้เครื่องดักฟังอีเลคโทรนิค เป้าหมายแรกคือบ้านของ ปีเตอร์ ลอฟอร์ด ที่ใช้เป็นรังรักเริงสวาทของท่านประธานาธิบดีและน้องชาย... ....เครื่องมือที่เตรียมไว้ไม่เพียงแต่ติดตั้งทางสายโทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงในพรม, ใต้โคมไฟกลางห้อง และตามฝ้าเพดาน..ปฏิบัติการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ซัมเมอร์ของปี 1961 ประมาณหนึ่งปีก่อนการเสียชีวิตของมาริลีน.... ....นักสืบอีกคนที่รับงานนี้คือ จอห์น ดานอฟ ซึ่งได้บอกเล่าภายหลังถึงสิ่งที่ได้ยินจากเครื่องดักฟังว่า มีทั้งเสียงพรอดพร่ำรำพันรักกัน.. เสียงถอดเสื้อผ้าเพื่อเสนอสนองความกำหนัด..และเสียงของบทรักบนเตียงชนิดสปริงลั่นเอี๊ยดอ๊าด...ทุกบท..ทุกตอน...สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ไม่พ้นจากการดักฟังเช่นกันก็คือบ้านของมาริลีนนั่นเอง... .....ถึงแม้จะหวาดกลัวต่อสิ่งที่ตนเองไม่รู้แน่ชัด และป่วยด้วยโรคซึมเศร้า แต่ในช่วงท้ายก่อนเสียชีวิต มาริลีนพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น ด้วยการตั้งใจทำงาน.. อยู่ระหว่างการเจรจาตกลงนำแสดงในภาพยนตร์ใหม่ๆที่ติดต่อเข้ามา..สนุกสนานกับการให้สัมภาษณ์ตามสื่อและนิตยสารต่างๆและที่สำคัญคือกำลังเห่อกับการตกแต่งบ้านหลังแรก ที่ซื้อหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง...เป็นบ้านที่เธอเคยโหยหามาตลอดชีวิต... ....ในบ้านหลังนั้นมีสมาชิกอยู่ด้วยกันเพียงสองชีวิตคือ มาริลีน,กับมิสซิสเมอร์เร ผู้ทำหน้าที่แม่บ้านและผู้ดูแล...หญิงสูงวัยอายุหกสิบปีผู้นี้ได้รับการฝากฝังให้เข้ามาทำงานโดยด็อกเตอร์ ราฟล์ กรีนสัน จิตแพทย์ส่วนตัวของมาริลีน เนื่องจากระยะหลังเธอต้องอาศัยการบำบัดทางจิตบ่อยครั้งขึ้น มิสซิสเมอร์เร เป็นผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับคนไข้แบบนี้มาก่อน จึงเข้ามาทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม... ....ชีวิตไร้หลักบนความโด่งดังที่เปลี่ยวหนาวทำให้มาริลีนยึดจิตแพทย์ส่วนตัวเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าเขาจะแนะนำให้ทำอะไร ..อย่างไร เธอยินยอมทุกอย่าง จนดูเหมือนว่าจิตแพทย์คนนี้คือคนกำหนดชีวิตของมาริลีนแทนตัวเจ้าของ...เป็นลักษณะการยอมจำนนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ....แต่ครั้งนี้ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วัน มาริลีนมีความตั้งใจที่จะหาแม่บ้านคนใหม่มาแทน มิสซิส เมอร์เร....เป็นคนที่เธอจะเลือกด้วยตนเอง ไม่ใช่โดยการกำหนดจากผู้อื่นอีกต่อไป... .....ความตายที่มาเยือนมาริลีนอย่างมีเงื่อนงำ ปริศนาข้อหนึ่งของเรื่องนี้คือ มิสซิสเมอร์เร ผู้อยู่ร่วมชายคาขณะเกิดเหตุ จากคำให้การครั้งแรกของเธอผู้นี้มีรายละเอียดว่า ครั้งสุดท้ายที่พูดคุยกับมาริลีนนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม..โดยต่างกล่าวคำราตรีสวัสดิ์ต่อกัน สิ่งที่มาริลีนถือติดมือเข้าไปในห้องนอนด้วยคือโทรศัพท์สองเครื่องที่มีสายยาวต่อเข้าไปในห้องนอนได้...หลังจากนั้นเธอได้สำรวจดูความเรียบร้อยต่างๆภายในบ้านก่อนเข้านอน... ....เวลาประมาณตีสาม.. เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยสังหรณ์บางอย่าง...มิสซิสเมอร์เรอ้างว่าเห็นสายโทรศัพท์ยังอยู่ใต้ประตูห้องนอนของมาริลีน และเห็นแสงไฟลอดออกมาด้วย....เธอไม่กล้าเคาะประตูเรียกเจ้าของห้อง จึงรีบโทร.ไปหา ด็อกเตอร์ กรีนสัน จิตแพทย์ส่วนตัวของมาริลีน...เธอได้รับคำสั่งให้ไปเคาะประตูเรียก เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ด็อกเตอร์ กรีนสัน จึงสั่งให้้เธอโทร.ไปเรียกแพทย์ประจำตัวของมาริลีนชื่อ ด็อกเตอร์ ไฮแมน แองเกิลเบิร์ค และบอกว่าตัวเขาเองจะไปถึงในไม่ช้า... ....เวลาประมาณ ตีสาม สามสิบห้านาที...ด็อกเตอร์กรีนสัน มาถึง พังหน้าต่างห้องนอนเข้าไปและพบมาริลีนนอนคว่ำหน้า มือขวากำสายโทรศัพท์ไว้แน่น..กรีนสันรู้ทันทีว่ามาริลีนเสียชีวิตแล้ว...ห้านาทีถัดมา ด็อกเตอร์แองเกิลเบิร์คมาถึง...และสุดท้ายตำรวจได้รับแจ้งความเมื่อเวลา ตีสี่ ยี่สิบห้านาที...เกือบหนึ่งชั่วโมงหลังผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดอ้างว่าพบศพของมาริลีน... ...หากดูอย่างผิวเผิน คำให้การดังกล่าวดูปกติอย่างที่ควรจะเป็น...แต่ประเด็นที่น่าสงสัยคือ ทำไมหลังจากตื่นขึ้นมาด้วย " แรงสังหรณ์" ตอนตีสาม และเห็นสายโทรศัพท์, แสงไฟลอดออกมาใต้ประตู...แทนที่จะค้นหาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่มิสซิสเมอร์เร ทำคือโทร.หาด็อกเตอร์กรีนสัน....ประเด็นต่อมา..ทำไมหมอทั้งสองที่เป็นหมอประจำตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียงพบว่าคนไข้ของตนเสียชีวิตแล้วในสถานการณ์เช่นนั้นจึงรอจนเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนแจ้งให้ตำรวจทราบ... .....และประเด็นที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างที่มิสซิสเมอร์เร อ้างก็คือ...มาริลีนเพิ่งซื้อบ้านหลังนั้นไม่นานและเปลี่ยนแปลงตบแต่งภายในใหม่...รวมทั้งพรมปูพื้นซึ่งเปลี่ยนมาใช้พรมขนแกะสีขาวหนานุ่มที่เมื่อปิดประตูแล้วความหนาของพรมไม่มีร่องให้แสงไฟลอดออกมาได้เลย.... ....ตำรวจคนแรกที่ไปตรวจที่เกิดเหตุเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลของสิ่งที่เกิดขึ้น...เป็นความจริงที่เสมือนคำให้การจากร่างไร้วิญญาณ...ซึ่งคนที่ยังมีชีวิตอยู่พยายามปกปิดอย่างสุดความสามารถ
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2549 2:00:18 น.
8 comments
Counter : 1599 Pageviews.
โดย: Nok IP: 67.10.37.197 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:5:46:48 น.
โดย: รออ่านอยู่ IP: 58.147.112.218 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:07:05 น.
โดย: JewNid วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:21:41 น.
โดย: angel_exx (ALFA-TANGO ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:11:12 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:12:07 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:21:10 น.
โดย: ยายดาค่า (ศิริรักษ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:16:51:57 น.
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:12:11:14 น.
Lascrus13
<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539
ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร