BlogGang.com : : Lascrus13 : ....ปริศนาการตายของสาวงามยั่วสวาท...มาริลีน มอนโร...( The dumb blonde who knew too much)...(3)

....ปริศนาการตายของสาวงามยั่วสวาท...มาริลีน มอนโร...( The dumb blonde who knew too much)...(3)

.....สัมพันธ์สวาทระหว่างมาริลีน กับ จอห์น เอฟ เคเนดี้ เริ่มต้นอย่างจริงจังในปีแรกๆของการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของฝ่ายชาย ช่วงเวลาดังกล่าวมาริลีนกำลังมีปัญหาครอบครัวกับสามีคนล่าสุด ทั้งอาชีพการแสดงและชีวิตส่วนตัวอยู่ในระยะขาลง ปัญหาการติดยาเสพติดและความขาดความมั่นคงทางจิตใจรุมเร้าเธออย่างหนัก

จอห์นนั้นแต่งงานมีครอบครัวที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว มาริลีนเป็นเพียงของว่างชั่วคราวไว้สำหรับปรนเปรอความใคร่เท่านั้น เขาเคยกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า บิดาของตนสอนให้ใช้ความเป็นชายให้คุ้มค่าด้วยการนอนกับผู้หญิงตามที่ต้องการ ...เป็นพฤติกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก..เจริญรอยตามกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน

...ข้อมูลบางกระแสกล่าวว่า โรเบิร์ต ผู้เป็นน้องชายคือเคเนดี้คนแรกที่เข้ามาพัวพันกับมาริลีน แต่มีผู้ใกล้ชิดกับเหตุการณ์คนสำคัญยืนยันว่าโรเบิร์ตมาทีหลัง ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการช่วยเบี่ยงประเด็นความสนใจของคนทั่วไป เกี่ยวกับข่าวฉาวรักระหว่างประธานาธิบดีผู้เป็นพี่ กับดาราร้อนสวาท...และด้วยเหตุผลส่วนตัวคือไม่อาจต่อต้านความยั่วยวนและเสน่ห์ทางเพศที่ร้อนแรงเมื่อได้พบและรู้จักกับเธอผู้นั้น....

....มาริลีนกลายเป็นเพียงของเล่นที่ผลัดกันเชยชมระหว่างพี่น้อง เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับจอห์น มาริลีนกล่าวทีเล่นทีจริงว่า.." ฉันคิดว่าได้ช่วยให้หลังไหล่ของเขาสบายขึ้น"...แต่กับโรเบิร์ตเธอกล่าวอย่างชัดเจนว่า.." เขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน.."

...คนปกติทั่วไปย่อมคิดได้ว่าไม่มีทางที่คำสัญญานั้นจะเป็นจริงไปได้ ..นักการเมืองหนุ่มผู้มีอนาคตรุ่งโรจน์ระดับประเทศ กับดาวยั่วผู้มีอดีตที่ไม่ขาวสะอาดแถมยังผ่านมือพี่ชายมาแล้ว จะลงเอยด้วยการแต่งงานอย่างมีเกียรติ เป็นได้เพียงความฝันเท่านั้น...แต่สำหรับมาริลีนผู้พยายามไขว่คว้าหาหลักยึดทางใจมาตลอดชีวิต...เธอเชื่อในลมปากครั้งนั้นอย่างหมดใจ...

...ชีวิตบนเส้นทางแห่งดวงดาวที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดเริ่มร่วงโรยลง แวดล้อมด้วยมายาและความว่างเปล่า มาริลีนใช้ยาเกินขนาดจนเกือบตายหลายครั้ง และที่เกิดขึ้นประจำในระยะหลังคือเบี้ยวคิวการแสดง ปล่อยให้กองถ่ายรอเธอเพียงผู้เดียวหลายๆชั่วโมง, เป็นวัน, หรือไม่ไปเลยจนถูกปลดออกจากภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำบางเรื่องเพราะพฤติกรรมดังกล่าว...

....จิตแพทย์ส่วนตัวลงความเห็นว่ามาริลีนมีอาการของโรคซึมเศร้าและมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายจากปัญหาทางจิตใจที่สั่งสมมานาน...สภาพการขาดความมั่นคงทางจิตใจที่เธอมีย่อมไม่น่าไว้วางใจในการที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่ควรปกปิดเป็นความลับ แต่โรเบิร์ตก็เผลอเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับกิจการบ้านเมืองเมื่อไปร่วมหมอนนอนมุ้งเริงรักกัน....

....มาริลีนนั้นแม้จะด้อยทางการศึกษา แต่เธอไม่ใช่สาวผมบล็อนด์ที่โง่เง่าไม่มีสมองอย่างที่คนเยาะหยัน....สิ่งที่โรเบิร์ตไม่รู้ก็คือเรื่องลับที่เปิดปากเล่าให้สาวคู่ขาฟัง ได้ถูกจดบันทึกไว้อย่างละเอียดในสมุดไดอารี่สีแดง...

....สิบวันก่อนหน้าที่จะพบกลายเป็นศพ มาริลีนนำเอาไดอารี่สีแดงเล่มนั้นไปให้ โรเบิร์ต สเลทเซอร์ อดีตชู้รักที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทอ่านเรื่องราวที่บันทึกไว้ทั้งหมด....ข้อความในนั้นกล่าวถึงแผนการกำจัดผู้นำสหภาพแรงงานอย่าง จิมมี่ ฮอพฟาที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มมาเฟียผู้ทรงอำนาจ....และที่เป็นความลับระดับชาติ ซึ่งอาจก่อความวิบัติอย่างใหญ่หลวงถ้าเผยแพร่ออกไป ก็คือบรรทัดที่ว่า..." บ๊อบบี้บอกฉันว่าเขากำลังวางแผนสังหาร ...ฟิเดล คาสโตร "

...แผนการกำจัดมาเฟียใหญ่และ คาสโตรโดยใช้ซีไอเอเป็นเครื่องมือ คือความลับที่คณะทำงานของประธานาธิบดีปกปิดไว้เป็นความลับสุดยอดเพราะถ้าแพร่งพรายออกไป คาสโตรซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญของค่ายคอมมิวนิสต์ที่ฟาดฟันกับหัวเรือใหญ่ของค่ายโลกเสรีอย่างอเมริกา อาจถือเอาประเด็นนี้ก่อสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมา

...และถ้ากลุ่มมาเฟียรู้แน่ชัดถึงแผนกำจัดกลุ่มของตน...การฟาดฟันกลับคืนจนตายกันไปข้าง ย่อมเกิดขึ้นแน่นอน...มาริลีนไม่ได้เอาสมุดบันทึกเล่มนั้นมาให้สเลทเซอร์ดูเฉยๆ แต่นำมาให้ดูพร้อมกับบอกว่าเธอจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงความลับทั้งหมดที่รู้และความสัมพันธ์บนเตียงกับพี่น้องทั้งคู่อย่างหมดเปลือก...เป็นการกระทำด้วยแรงแค้นแห่งอิสตรีที่กำลังถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย...