30 พฤศจิกายน 2549
....ปริศนาการตายของสาวงามยั่วสวาท...มาริลีน มอนโร...( The dumb blonde who knew too much)...(6)
......ผู้ที่โทร. แจ้งตำรวจคือ หมอแองเกิลเบอร์ค โดยมีสารวัตร แจ็ค เคลมมอน เป็นผู้รับสายและเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุด้วยตนเอง เคลมมอนเป็นตำรวจที่มีประสบการณ์ผ่านคดีต่างๆมามากและบังเอิญด้วยว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับอดีตสามีคนหนึ่งของมาริลีน .. ....หมอแองเกิลเบิร์คส่งขวดยา Nembutal ที่อ้างว่ามาริลีนใช้เกินขนาดให้เคลมมอนดู เป็นหนึ่งในจำนวนยาหลากหลายชนิดที่ตั้งแออัดอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงนอน ..ขวดยาใบนั้นว่างเปล่าแต่ฝายังปิดมิดชิด ฉลากข้างขวดระบุว่าผู้ที่สั่งยาให้คนไข้คือ หมอแองเกิลเบอร์ค..และเขาได้บอกเคลมมอนเองด้วยว่ายาทั้งหมดมีจำนวนห้าสิบเม็ด ....สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ไม่มีแก้วน้ำอยู่ในที่เกิดเหตุ...ห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนก็อยู่ในระหว่างการปรับปรุงใหม่ไม่มีน้ำไหล...คนที่รู้จักมาริลีนดีจะรู้ว่า เธอกินยาแม้เพียงเม็ดเดียวโดยไม่มีน้ำตามไม่ได้...การที่จะกลืนยาทั้งห้าสิบเม็ดโดยไม่มีน้ำจึงเป็นสิ่งผิดปกติวิสัย....นอกจากนี้ เคลมมอนยังรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมต่างๆของหมอทั้งสองและมิสซิส เมอร์เร...มีบางสิ่งบางอย่างในที่เกิดเหตุที่เขารู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้. .....สภาพรอบห้องสะอาด ถูกจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ผิดไปจากห้องของคนที่เพิ่งตายจากการใช้ยาเกินขนาดอย่างที่เขาเคยเห็นมา....ดูเป็นการจัดฉากไว้แล้วมากกว่าจะเป็นจริงอย่างที่เห็น...เมื่อเขาไปถึงสถานที่เกิดเหตุ สิ่งที่มิสซิสเมอร์เร วุ่นวายกังวลคือการเก็บผ้าผ่อนไปซักและแพ็คของต่างๆลงกล่อง ...ลูกเขยของมิสซิสเมอร์เร ที่เป็นช่างประจำบ้านได้ถูกโทร. ตามตัวด่วนให้มาซ่อมหน้าต่างที่ หมอกรีนสันอ้างว่าพังเข้าไป... ....ในขณะที่ร่างซึ่งกลายเป็นศพของมาริลีนนั้นอยู่ในสภาพที่แข็งตัวแล้ว ...จากประสบการณ์ของเคลมมอน...ร่างนั้นไม่ได้ตายตอนย่ำรุ่งของเช้าวันนั้น แต่เป็นศพที่น่าจะตายมาแล้วไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมง...เวลาที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เรียงลำดับให้เขาฟังจึงขัดแย้งกับความเป็นจริงทางธรรมชาติที่ฟ้องจากศพ ....และเมื่อเขาถามย้ำเรื่องเวลาอีกครั้ง มิสซิสเมอร์เร กลับคำใหม่ว่า เธอเริ่มสังหรณ์ใจว่ามีสิ่งผิดปกติเมื่อเวลาราวๆ หลังเที่ยงคืน ไม่ใช่ตีสามอย่างที่บอกครั้งแรก...หมอทั้งสองก็อยู่ที่นั้นด้วยเมื่อมิสซิสเมอร์เร เปลี่ยนคำให้การเรื่องเวลาและไม่ได้กล่าวแย้งเรื่องนี้แต่อย่างใด ....ตามความคิดเห็นของเคลมมอน กรีนสันและแองเกิลเบิร์ค คงจะอยู่ในที่เกิดเหตุตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืนแล้ว เมื่อมิสซิสเมอร์เรกลับคำให้การเรื่องเวลาใหม่ เขาตั้งคำถามกับหมอทั้งสองว่า..ทำไมไม่เพียงแต่รอถึงหนึ่งชั่วโมงอย่างตอนแรก แต่ความจริงแล้วรอจนกระทั่งสี่ชั่วโมงหลังพบศพแล้วถึงแจ้งความ?...เคลมมอนไม่ได้คำตอบที่น่าเชื่อถือจากคำถามข้อนี้.... ...เมื่อเขาออกเวรเช้าวันนั้นและมอบคดีให้ตำรวจสอบสวนชุดใหม่รับช่วงไป เขาปักใจเชื่อว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม แต่เมื่อมีประกาศสรุปออกมาว่ามาริลีนฆ่าตัวตาย และเขาออกมาปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับบทสรุปนี้...สิ่งที่เคลมมอนได้รับคือการให้ออกจากราชการ... ...ผู้ที่ให้คำยืนยันเรื่องเวลาอีกคนหนึ่งก็คือภรรยาของอาเธอร์ จาคอป ผู้รับผิดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์ส่วนตัวของมาริลีน ...คืนวันนั้นเธอและสามีไปชมคอนเสิร์ต.. เมื่อเวลาประมาณห้าทุ่มขณะที่คอนเสิร์ตกำลังดำเนินไปเกินครึ่งแล้ว ก็มีีคนกระหืดกระหอบเข้ามาบอกว่า..." อาเธอร์...เร็วเข้า ..มาริลีนกำลังจะตาย.." ... อาเธอร์รีบขับรถพาเธอไปส่งลงที่บ้าน และตั้งแต่นั้นสามีของเธอหายหน้าไปถึงสองวันเต็มๆ เธอบอกว่า "เขาต้องทำหน้าที่หลอกล่อกับนักข่าว" สิ่งหนึ่งที่อาเธอร์อาจต้องร่วมในการหลอกครั้งนี้ด้วยก็คือ เรื่องราวที่ว่า มาิริลีน ไม่ได้สิ้นใจที่บ้าน ...มีข้อมูลอีกกระแสว่าในเวลาย่ำรุ่งของวันนั้นมาริลีนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซานตา มอนิกา ด้วยรถพยาบาลฉุกเฉินของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ..เรื่องราวเกี่ยวกับรถพยาบาลฉุกเฉินได้รับการเปิดเผยเมื่อปี 1982 เมื่อมีการพิจารณากรณีการตายของมาริลีนอีกครั้งยี่สิบปีผ่านไป ...คนขับรถคันนั้นและเพื่อนร่วมงานที่ติดรถไปด้วยอีกหนึ่งคน ยอมรับว่าได้รับการโทร.เรียกจากบ้านของมาริลีนจริง หากไม่ยอมเปิดปากให้รายละเอียดมากกว่านั้น ...แต่เจ้าของบริษัทรถออกมายืนยันว่า เมื่อรถพยาบาลไปรับตัวมาริลีนยังมีลมหายใจอยู่ แต่เข้าขั้นโคม่าจากอาการที่ดูเหมือนใช้ยาเกินขนาด เวลาที่บันทึกไว้เมื่อไปรับคือ ตีสองของเช้าวันจันทร์ ที่ 5 สิงหาคม 1962 เขาเชื่อว่ามาริลีนตายที่โรงพยาบาลไม่ใช่ที่บ้าน ...ประเด็นนี้มีข้อแย้งคือ ถ้าเวลาที่รายงานไว้ในบันทึกของรถพยาบาลไม่ผิดเพี้ยน...แสดงว่ามาริลีนถูกพบในสภาพที่เป็นศพเริ่มแข็งตัวเมื่อเวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงเท่านั้น...แต่ตามธรรมชาติ..ศพจะเริ่มแข็งตัวเมื่อเวลาผ่านไปสี่ถึงหกชั่วโมงหลังจากหมดลมหายใจ ...และผลการผ่าชันสูตรศพของมาริลีนในภายหลังไม่มีรายงานของการพยายามช่วยโดยการล้างท้องจากการใช้ยาเกินขนาด... ... อะไรคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในบ้านหลังนั้น? มีคนมาส่งข่าวเกี่ยวกับมาริลีนให้อาเธอร์ทราบเมื่อเวลาห้าทุ่มและคนใดคนหนึ่งในบ้านโทรเรียกรถพยาบาลเมื่อเวลาตีสอง?...ถ้าเธอถูกนำตัวส่งถึงโรงพยาบาลจริง ใครคือผู้รับศพ ในเมื่อเป็นการนำไปส่งเพียงเที่ยวเดียวไม่มีขากลับ ....และเป็นไปไม่ได้ที่ศพจะหายไปเฉยๆจากแผนกผู้ป่วยฉุกเฉิน...เพราะตามระเบียบแล้วในกรณีนี้จะต้องมีการผ่าศพพิสูจน์สาเหตุการตายก่อนที่ญาติจะรับศพไปได้ ...การบิดเบือนโดยวางแผนไว้แล้วอย่างชาญฉลาด...หรือมือมืดที่มีอำนาจบงการอยู่เบื้องหลังเท่านั้น จึงจะสามารถข้ามขั้นระเบียบปฏิบัติเหล่านี้ไปได้...รายละเอียดของผูู้คนที่เกี่ยวข้องเริ่มเผยออกมา ทีละเล็ก..ทีละน้อย..ประกอบเข้าเป็นเรื่องราวฉากสุดท้ายของมาริลีน มอนโร....
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2549 3:37:52 น.
10 comments
Counter : 2205 Pageviews.
โดย: แม่ของจิตร วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:15:34 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:18:43 น.
โดย: รออ่านอยู่ IP: 58.147.116.92 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:04:43 น.
โดย: โจเซฟิน วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:35:14 น.
โดย: Kala_mydog วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:51:33 น.
โดย: นู๋โนริ วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:55:33 น.
โดย: ยายดาค่า (ศิริรักษ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:16:45:47 น.
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:12:24:03 น.
Lascrus13
<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539
ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร
.. พยายามจะให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะมีกำลังใจจากทุกท่านที่ติดตามอ่าน ถึงแม้จะมีเพียงไม่กี่คนก็ตาม จะอัพเดททุกวันจนจบ หวังว่าคงไม่เลิกอ่านกันก่อนนะคะ เหลือเนื้อหาอีกไม่มากเท่าไหร่ ..
....ยินดีรับคำแนะนำจากทุกท่าน..ติดตามอ่านทุกคอมเมนท์ และขอขอบคุณกำลังใจที่ส่งผ่านทุกตัวอักษรด้วยค่ะ