กาลเวลาและสายน้ำไม่เคยย้อนทวน
แต่ความทรงจำบางอย่างในชีวิตไม่เคยลบไปตามครรลองแห่งเวลา
Dedication To: my son Jit....... I love you today as I have from the start,.... And I will love you... forever... with all of my heart...
 
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
27 พฤศจิกายน 2549

....ปริศนาการตายของสาวงามยั่วสวาท...มาริลีน มอนโร...( The dumb blonde who knew too much)...(4)


.....วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม 1962 คือกำหนดการที่มาริลีนจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เธอต้องการให้สิ่งที่ตนเองกำลังจะทำได้รู้ไปถึงหูของพี่น้องทั้งสองคน...จึงเล่าถึงความตั้งใจนี้ให้คนใกล้ชิดของคนทั้งสองทราบด้วย ...

..แต่ไม่มีบันทึกว่ามาริลีนได้ติดต่อกับสำนักข่าวว่าจะเปิดแถลงการณ์ในวันดังกล่าว สิ่งที่เธอทำไปเป็นเพียงไพ่ใบสุดท้ายของคนที่หมดหนทาง เพราะโรเบิร์ต เคเนดี้ ผู้ที่เคยสัญญาไว้ว่าจะแต่งงานด้วย จู่ๆก็ทำตัวเหินห่าง ตัดขาดการติดต่อกับเธอทุกอย่าง ไม่เคยโทร. มาหาหรือ โทร.กลับ แม้แต่เบอร์ส่วนตัวที่ให้ไว้ก็ถูกยกเลิกการใช้...

....เมื่อเธอโทร.ไปที่กระทรวงยุติธรรมที่โรเบิร์ตเป็นรัฐมนตรีว่าการ ก็ถูกปฏิเสธการโอนสายโดยตลอด ..บันทึกการใช้โทรศัพท์ของเธอระบุชัดว่ามาริลีนพยายามโทร.ไปที่ทำงานของโรเบิร์ตนับครั้งไม่ถ้วน...ครั้งสุดท้ายที่โทร.ไปคือวันที่ 30 กรกฏาคม หนึ่งอาทิตย์ก่อนเสียชีวิต...

....ความพยายามที่จะติดต่อกับโรเบิร์ตหาใช่เพียงเพราะความรักความอาลัยอย่างเดียวไม่...ปลายเดือนมิถุนายนเธอให้สัมภาษณ์ว่า.." ผู้หญิงย่อมรักชายจนหมดหัวใจจึงจะยินยอมมีลูกด้วย...แม้ว่าเธอยังไม่ได้แต่งงานกับเขา...เมื่อฝ่ายชายทอดทิ้งผู้หญิงหลังจากที่รู้ว่าเธอกำลังจะมีลูกกับตนเอง ...ย่อมจะสร้างความเจ็บปวดให้ฝ่ายหญิงอย่างลึกล้ำ"

....ระหว่างปลายเดือนมิถุนาฯและต้นเดือนกรกฏา ฯ...มาริลีนได้บอกกับเพื่อนหลายคนว่าเธอสูญเสียลูก โดยไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นการแท้งตามธรรมชาติหรือตั้งใจทำให้แท้ง...กับเพื่อนบางคนเธอบอกว่าพ่อของเด็กคือ จอห์น เอฟ เคเนดี้ แต่กับบางคนเธอบอกว่าพ่อของเด็กคือโรเบิร์ตผู้น้อง....แหล่งข่าวอย่างน้อยสองกระแสยืนยันว่าเป็นการทำแท้ง โดยมาริลีนต้องเดินทางไปที่เมือง ทิฮัวนา ประเทศเม็กซิโก และมีหมอจากอเมริกาเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการ ..

....ครั้งนี้อาจเป็นการทำแท้งครั้งที่สิบสี่ในชีวิตของเธอ...เป็นสถิติที่น่าเศร้าสำหรับผู้ที่ยังมีความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆในร่างกายของหญิงสาว และเป็นคนเดียวกันกับที่ให้สัมภาษณ์ว่าเธอต้องการที่จะมีลูกเป็นของตนเองอย่างเหลือเกิน...

....ในช่วงเวลาดังกล่าวเธอยังหลงละเมออยู่กับความหวังลมๆแล้งๆ บอกกับเพื่อนสนิทมิตรสหายอยู่เสมอว่าวันหนึ่งโรเบิร์ต เคเนดี้ จะแต่งงานกับเธอ....เมื่อถูกตัดสัมพันธ์อย่างไร้น้ำใจ มาริลีนจึงฮึดสู้ครั้งสุดท้าย แม้เพื่อนฝูงจะเตือนว่าการทำเช่นนั้นเหมือนกับเธอพกระเบิดเวลาติดตัว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทุกขณะจิต...มาริลีนตอบเพียงว่า..

..." ฉันไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว คนพวกนี้ใช้ฉันเหมือนวัตถุ โยนกันเล่นไปมา...ฉันจะแฉความจริงทุกอย่างให้คนรับรู้.." ไม่ว่าจะเป็นการพูดออกไปด้วยแรงอารมณ์หรือตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ มาริลีนไม่มีโอกาสที่จะพูดอีกต่อไป....ก่อนหน้าที่จะถึงวันกำหนดแถลงข่าวเพียงวันเดียว..มาริลีน มอนโร กลายเป็นศพที่สาเหตุการตายยังเป็นปริศนาลึกลับให้ถกเถียงกันต่อมา

.....ก่อนปิดฉากสุดท้ายของละครชีวิต มาริลีนมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะการเข้าไปพัวพันกับอำนาจระดับชาติ นำมาซึ่งชีวิตที่ไม่ปกติสุขเท่าใดนัก...เธอมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองถูกจับตามอง, โทรศัพท์ถูกดักฟัง..ทุกย่างก้าวไม่รอดพ้นการติดตามของใครบางคนอย่างใกล้ชิด...อาจจะดูเหมือนอาการประสาทหลอนในความคิดของคนทั่วไป ...แต่...มาริลีนกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง....

......เป็นความจริงที่โทรศัพท์ทุกเครื่องในบ้านของเธอถูกดักฟัง...เป็นความจริงที่เธอถูกจับตามองทุกๆการเคลื่อนไหว...และโดยแท้จริงแล้วทุกอาณาบริเวณของบ้านทั้งหลังมีเครื่องมือล้วงความลับติดตั้งอยู่เช่นเดียวกันกับที่บ้านของ ปีเตอร์ ลอฟอร์ด ผู้เป็นน้องเขยของประธานาธิบดี และเป็นคนอุทิศบ้านริมหาดให้เป็นที่แอบพบสำเริงสำราญของมาริลีนกับชู้รักผู้ทรงอำนาจทั้งสองคน ...

....แต่การดักฟังไม่ได้เกิดจากปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาล และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ โรเบิร์ต ตัดความสัมพันธ์และการติดต่อทุกๆทางกับมาริลีน....ระยะนั้นเป็นปีที่ห้าที่เคเนดี้สองพี่น้องร่วมมือกันพยายามโค่นบัลลังก์มาเฟียและผู้มีอิทธิพลที่สร้างอาชญากรรมและคดีต่างๆโดยมีต้นตอใหญ่คือ จิมมี่ ฮอพฟา ตำแหน่งผู้นำสหภาพแรงงาน ..เป็นการตามล้างตามเช็ดกันตั้งแต่สองพี่น้องยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งสำคัญระดับชาติ...

....ฮอพฟา ปักใจเชื่อว่า โรเบิร์ต เคเนดี้ ใช้ปฏิการจองเวรกับตนและสหภาพแรงงานเพื่อเป็นบันไดให้ตัวของโรเบิร์ตเองและพี่ชาย ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการเข้าใจที่มีส่วนถูก...ฮอพฟาและกลุ่มมาเฟียผู้เสียผลประโยชน์จึงเกลียดสองพี่น้องเคเนดี้อย่างจับใจ

... โดยเฉพาะโรเบิร์ต เคเนดี้นั้นหลังจากเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและที่ปรึกษาด้านกฏหมายของประธานาธิบดี...เขาได้ใช้อำนาจที่มีเข้าต่อกรกับกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้นโดยมี เอฟบีไอ และ IRS (ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี)เป็นเครื่องมือ...แต่ฮอพฟาและกลุ่มมาเฟียรู้ดีว่าทั้งสองพี่น้องมีจุดอ่อนเรื่องความเจ้าชู้ มักมากในกามารมณ์...เมื่อล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์สามเส้าระหว่าง จอห์น, โรเบิร์ต และมาริลีน ปฏิบัติการล้วงความลับจึงถูกกำหนดขึ้นอย่างแยบยล




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2549 22:38:25 น. 7 comments
Counter : 1574 Pageviews.  

 


nice story 555
Oh nice to meet you.


โดย: Ohm De Puerto Rico (sochana9 ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:04:12 น.  

 


โดย: CTL IP: 58.8.58.109 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:49:50 น.  

 
ต่อๆ.......


โดย: รออ่านอยู่ IP: 58.147.116.220 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:5:13:36 น.  

 
อ่านแล้วตื่นเต้นสุดๆ สงสารผู้หญิงคนนี้จังเลยค่ะ


โดย: โจเซฟิน วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:16:30 น.  

 


มาราตรีสวัสดิ์ค่ะ จะไปนอนแล้ว ฝันดีน่ะค่ะ


โดย: icebridy วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:08:12 น.  

 
เข้าเค้าๆๆ หนึ่งหญิงสองชาย เฮ่ออ


โดย: ยายดาค่า (ศิริรักษ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:16:57:26 น.  

 


โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:12:01:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lascrus13
Location :
บุรีรัมย์ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
[Add Lascrus13's blog to your web]