.
.
.
ภาพที่ 1: แผนที่โลก แสดงพื้นที่เสี่ยง "ท้องเสียนักเดินทาง (travelers' diarrhea) จะพบว่า
- สีแดง > ความเสี่ยงสูงในเขตร้อน
- สีเหลือง > ปานกลางในเขตอากาศเย็น คือ รัสเซีย ยุโรปตะวันออก อาฟริกาใต้ ชิลี อาร์เจนตินา ฯลฯ
- สีเขียว > ต่ำในประเทศที่พัฒนาแล้วได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา กรีนแลนด์ ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
.
ภาพที่ 2,3: แสดงจำนวนคนตายจากท้องเสียปี 2008/2551 เรียงจากมาก (สีแดง-แดงส้ม), ปานกลาง (ส้มปนแดง-ส้ม-ส้มเหลือง), น้อย (เขียวอ่อน-เขียวแก่)
.
กลุ่มประเทศเสี่ยงสูงได้แก่ อาฟริกาใต้ซะฮารา (Sub-Saharan; Saharan = แขกขาว อาหรับ อาฟริกาเหนือสุดที่มีสัดส่วนแขกขาวมาก-คนผิวดำน้อย แถบนี้มีน้ำมัน-แก๊สธรรมชาติ เช่น ลิเบีย ฯลฯ หรือการท่องเที่ยว เช่น อียิปต์ ฯลฯ สูงกว่า-รายได้ดีกว่าอาฟริกาตอนล่าง)
.
อ.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานว่า 2 เดือน 10 วันแรกของปี 2556 = 1 มกราคม - 10 มีนาคม 2556 มีคนไทยท้องเสียไปแล้ว 191,515 ราย = เฉลี่ยประมาณ 690,114 ราย/ปี
ปัญหาที่พบบ่อยได้แก่
.
(1). ไม่ล้างมือให้ถูกวิธี โดยเฉพาะต้องล้างมือหลังเข้าห้องน้ำ + ก่อนปรุงอาหาร เครื่องดื่ม
.
(2). ไม่แยกเก็บอาหารดิบ-สุกออกจากกัน
.
เช่น แช่ผัก-เนื้อ-ไก่-อาหารทะเลในน้ำแข็ง ทำให้น้ำแข็งปนเปื้อนเชื้อโรค แล้วนำน้ำแข็งนั้นไปใส่น้ำดื่ม ฯลฯ ทำให้ได้รับเชื้อผ่านน้ำแข็ง
.
(3). ไม่ใช้ช้อนกลาง
.
(4). ไม่ปกปิดอาหาร ทำให้แมลงวันตอมได้
.
.
ขอเสริมหน่อย คือ อย่าลืมปกปิดอาหารจากจิ้งจก-ตุ๊กแก สหรัฐฯ มีรายงานการติดเชื้อท้องเสียซาลโมเนลลาจากสัตว์เลื้อยคลานมาหลายครั้ง
.
ต่อไป คือ 10 เมนูท้องเสียยอดฮิต ซึ่งถ้าเลี่ยงได้ก่อนเดินทางไกล หรือก่อนวันสำคัญ เช่น ก่อนสอบ ฯลฯ น่าจะดีได้แก่
.
(1-2). ลาบ-ก้อย + ยำกุ้งเต้น
.
ยำกุ้งเต้นทำจากสัตว์น้ำจืด เพิ่มเสี่ยงติดพยาธิใบไม้ในตับ มะเร็งท่อน้ำดี
.
(3-4). ยำหอยแครง + ข้าวผัดโรยเนื้อปู
.
ข้าวผัดนิยมใช้ข้าวเก่า เพิ่มเสี่ยงอาหารเป็นพิษ โดยเฉพาะเมื่อมีการสั่งทำพร้อมกัน หลายสิบ-หลายร้อยชุด
.
(5-6). อาหาร-ขนม ราดหน้า-ผสมกะทิ + ขนมจีน
.
อาหารที่มีกะทิเสียเร็วกว่าอาหารทั่วไป เช่น อาจเริ่มเสียหลังปรุง 2-3 ชั่วโมง ฯลฯ
.
(7-8). ข้าวมันไก่ + ส้มตำ
.
(9-10). สลัดผัก + น้ำแข็ง
.
.
อ.นพ.สมยศ ศรีจารนัย สสจ.สระแก้ว แนะนำว่า วิธีรักษาโรคกลุ่มท้องเสียที่ดี คือ การให้สารน้ำ-สารอาหาร-เกลือแร่ทดแทนให้มากพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
.
อาหารเสริมที่ดีได้แก่ น้ำเกลือแร่ ORS, น้ำข้าว โจ๊ก น้ำแกงจืด น้ำมะพร้าว กล้วย
.
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีให้เริ่มด้วยน้ำเกลือแร่ ORS 4 ชั่วโมง หลังจากนั้นค่อยให้อาหารเสริมได้แก่ น้ำข้าว โจ๊ก (น้ำแกงจืดอาจมีเกลือแร่สูง หรือเค็มมากไปสำหรับเด็ก), น้ำมะพร้าว
.
ควรไปหาหมอถ้ามีอาเจียน กินไม่ได้ มีไข้ ตาลึกโหล
.
.
ขอเสริมหน่อย คือ ให้จำหรือจดเวลาปัสสาวะ (ฉี่) ไว้เสมอ
.
คนเราควรปัสสาวะทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
.
ถ้า 2 ชั่วโมงไม่ถ่ายปัสสาวะเลย แสดงว่า เริ่มมีภาวะขาดน้ำ จำเป็นต้องกินอะไรเสริมเข้าไป
.
ก่อนพาคนไข้หนักไปหาหมอ... ขอให้จำหรือจดเวลา "ปัสสาวะ (ฉี่) ครั้งสุดท้าย" ไว้เสมอ เพราะจะช่วยในการประเมินภาวะขาดน้ำ-การทำงานของไตได้ดี
.
.
เรื่องที่ไม่น่าปล่อยให้เกิดขึ้นเลย คือ ท้องเสียแล้วไม่กินอะไร ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ เสี่ยงไตเสื่อม-ไตวาย
.
.
ภาพที่ 4: แผนที่โลก แสดงพื้นที่เสี่ยง "ท้องเสียนักเดินทาง (travelers' diarrhea) เรียงจากมากไปน้อย คือ แดง_เหลือง_เขียว
.
.
ไทยอยู่ในเขตที่นักเดินทาง-ท่องเที่ยวเป็นโรคท้องเสียสูง ทำให้ภาพพจน์ด้านการท่องเที่ยวไม่ดีเท่าที่ควร
.
ถ้าเรารณรงค์เรื่อง "อาหารปลอดภัย" และช่วยกันล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ จะทำให้นักท่องเที่ยวท้องเสียน้อยลง ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ดีมาก
. ท้องเสียส่วนหนึ่งเกิดจากไวรัสลำไส้อักเสบ หรือที่นิยมเรียกว่า ไวรัสลงกระเพาะฯ-ลำไส้, ไข้หวัดลงลำไส้
.
โรคนี้ป้องกันได้ด้วยการล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่คนอยู่กันมากๆ - อากาศถ่ายเทไม่ดี เช่น ไนท์คลับ ผับ บาร์ ฯลฯ
.
.
ไวรัสลงกระเพาะฯ หรือไวรัสลำไส้อักเสบ อาจทำให้น้ำย่อยนมลดลงไปได้ 1-2 สัปดาห์
.
ช่วงนี้ถ้าลดนมลงสัก 1/2 จะช่วยได้มาก เช่น ถ้าชงนมผง, ให้ลดนมผงลง 1/2 (เช่น จาก 2 ช้อนเป็น 1 ช้อน ฯลฯ)
.
ถ้ากินนมแม่, ให้ดื่มนมแม่สลับน้ำเกลือ น้ำข้าว น้ำมะพร้าว นมถั่วเหลือง (นมถั่วเหลืองไม่มีน้ำตาลนม) จะช่วยลดอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสียได้
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
> [ Twitter ]
- ขอขอบพระคุณ > //www.thairath.co.th/content/edu/333052
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 18 มีนาคม 56. ยินดีให้ท่านนำบทความไปใช้ได้ โดยอ้างที่มา และไม่จำเป็นต้องขออนุญาต... ขอบคุณครับ > CC: BY-NC-ND.
- ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูง จำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้