เศร้ามากไปทำร้ายหัวใจได้
. การศึกษาใหม่ (ตีพิมพ์ใน Circulation) ทำในกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ที่มีโรคหัวใจกำเริบ (heart attack) และรอดชีวิต 1,985 คนพบว่า ความเสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มเป็น 21 เท่าในวันแรกๆ หลังสูญเสียคนรัก . ธรรมชาติของข่าวร้ายอย่างหนึ่ง คือ มักจะมาคู่กับข่าวดี ดังมีคำกล่าวที่ว่า วิกฤติมักจะมาพร้อมกับโอกาส นั่นคือ ถ้าทำใจ ทนหายใจต่อไปได้ (ยังไม่รีบหยุดหายใจ)... ความเสี่ยงจะลดลงเป็นเกือบ 6 เท่าภายใน 1 สัปดาห์แรก . ความเสี่ยงโรคหัวใจจะยังคงเพิ่มต่อไปหลังสูญเสียคนรักอย่างน้อย 1 เดือน . การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า คนที่สูญเสียคู่รัก (spouse) เพิ่มเสี่ยงเสียชีวิตต่อไปอีกในช่วงหลายสัปดาห์ จนถึงหลายเดือน . การศึกษาใหม่พบว่า คนที่สูญเสียคนรักมีความเสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มขึ้นใน 1 สัปดาห์แรก = 1/320-1/1394 = ถ้ามีคนที่สูญเสียคนรักใหม่ๆ 320-1,394 คน จะมีคนเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 1 คนมากกว่าความเสี่ยงของประชากรทั่วไป . ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มจะแปรตามความเสี่ยงโรคหัวใจที่มีอยู่เดิม เช่น คนที่เป็นเบาหวาน-สูบบุหรี่เสี่ยงมากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวาน-ไม่สูบบุหรี่ ฯลฯ . กลไกที่เป็นไปได้ คือ ความเศร้าทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่อไปนี้ . (1). หัวใจเต้นเร็วขึ้น > การลดปริมาณกาเฟอีน เช่น ลดกาแฟ-ชา เปลี่ยนกาแฟเป็นชนิดสกัดกาเฟอีนออก ลดเครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง ไม่กินไมโล-โกโก้-ชอคโกแล็ตขนาดสูง (มีกาเฟอีนปนอยู่ แต่ไม่มากเท่ากาแฟ-ชา), ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มหนัก น่าจะช่วยได้ . (2). ความดันเลือดสูงขึ้น > การไม่ดื่มหนัก ไม่กินเค็ม-ไม่กินอาหารมื้อใหญ่เกิน ตรวจเช็คความดันเลือด... ถ้าสูงรีบรักษาให้ต่อเนื่อง น่าจะช่วยได้ . (3). โอกาสที่เลือดจะจับกลุ่มกัน เกิดเป็นลิ่มเลือด (blood clotting) เพิ่มขึ้น > การดื่มน้ำให้มากพอในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะดื่มน้ำ 1-3 แก้วหลังตื่นนอน (ควรบ้วนปากก่อน ภาวะขาดน้ำทำให้เลือดหนืด เกิดลิ่มเลือดได้ง่ายขึ้น) น่าจะช่วยได้ . การศึกษาก่อนหน้านี้พบ 'broken heart syndrome' = กลุ่มอาการโรคหัวใจคนอกหัก (เศร้า เหงา เครียดหนัก) ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัว สูบฉีดเลือดได้น้อยลง (cardiomyopathy) มีอาการคล้ายโรคหัวใจ . กลุ่มอาการโรคหัวใจคนอกหักพบได้บ่อยหลังมีความเครียด-เศร้า-เหงา-เซง-โกรธ-แค้นอย่างแรง หรือบาดเจ็บทางกาย อาจเป็นผลจากฮอร์โมนเครียด เช่น อะดรีนาลีน ฯลฯ หลั่งเข้าสู่กระแสเลือดมากเกินไป . ความเครียด-เศร้า-เหงา-เซง ทำให้คนเรามีแนวโน้มจะหมกมุ่นคล้าย "พายเรือในอ่าง", วิธีออกจากอ่างทางความคิดอย่างหนึ่ง คือ การนอนให้พอ ดื่มน้ำให้พอ ไม่นั่งนานเกินครั้งละ 1/2-1 ชั่วโมง (ลุกเดินไปมาสลับ หรืออย่างน้อยลุกขึ้นสลับนั่งปลอดภัยกว่านั่งนานๆ) . อ.นพ.กฤษฎา บานชื่นกล่าวถึงสำนวนฝรั่งที่ว่า "ไม่มีใครร้องไห้เวลาขี่จักรยาน" คือ การปั่นจักรยานช่วยให้คนเรารู้สึกดีได้เร็ว, ถ้าท่านรู้สึกเครียด-เศร้า-เหงา-เซง... การปั่นจักรยานมีส่วนช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้มาก . ถ้าไม่มีจักรยาน... การเดินเร็วบ้างช้าบ้างก็ช่วยให้ "ออกจากอ่างทางความคิด" ได้ . เมืองไทยน่าจะทำด๊อกสปา (dog spa) โดยหาน้องหมาพันธุ์ที่ชอบเล่น เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ฯลฯ มาให้เช่าเดินเล่น โดยอาจทำลู่เดิน-วิ่งไว้ เช่น เดินแนวราบบ้าง ขึ้นลงเนินบ้าง ฯลฯ . การเดินเล่นกับน้องๆ (walk a dog) ทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นได้ ทีนี้ถ้าทำทุกอย่างแล้ว... อะไรๆ ก็ดูมืดมนไปหมด เรียนเสนอให้ปรึกษาโรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งน่าจะช่วยท่านได้มากทีเดียว . ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ . > [ Twitter ] - นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 14 มค.54. ยินดีให้ท่านนำบทความไปใช้ได้ โดยอ้างที่มา และไม่ใช้เพื่อการค้า > CC: BY-NC-ND.
- ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.
Free TextEditor
Create Date : 17 มกราคม 2555 |
Last Update : 17 มกราคม 2555 22:17:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 791 Pageviews. |
|
|
|